ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคมีมติเห็นชอบให้ ‘สาทิตย์ วงศ์หนองเตย’ เป็นประธานวิปฝ่ายค้าน โดยมี ส.ส. อีก 15 คน ร่วมเป็นกรรมการ พร้อมมอบหมาย ‘ดร.เจริญ คันธวงศ์’ เป็น ประธาน ส.ส.
วันนี้ (15 มี.ค. 48) เวลา 15.00 น. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ว่า การทำงานของสาขาพรรค ขยายแนวความคิด อุดมการณ์ของพรรคให้เป็นที่ยอมรับและรับรู้ของพี่น้องประชาชนกลุ่มต่างๆมากขึ้น การทำงานของสาขาพรรคต่อไปนี้ก็คงไม่จำกัดเฉพาะงานทางด้านการเมือง หรือเฉพาะกลุ่มที่มีความสนใจ แต่สาขาพรรคจะต้องพยายามเข้าถึงประชาชนให้ทุกคนสามารถติดต่อได้ รวมทั้งจะมีการปรับสภาพหน้าตาของสาขาพรรคให้เป็นไปในรูปแบบเดียวกัน เพื่อให้สามารถรู้ได้ทันทีว่านี่คือสาขาของพรรคประชาธิปัตย์ และจะต้องทำให้สาขาพรรคเข้มแข็งมากขึ้น
นอกจากนั้นที่ประชุมมีมติเห็นชอบเลือกประธาน ส.ส. คนใหม่ คือ ดร.เจริญ คันธวงศ์ โดยมี นางนิภา พริ้งศุลกะ และ นายมาโนชญ์ วิชัยกุล เป็นรองประธาน และให้นายนคร มาฉิม เป็นเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ในการประชุม ส.ส. พรรค ทุกวันอังคาร และที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (วิปฝ่ายค้าน) โดยมี ส.ส. อีก 15 คน เข้าร่วมเป็นกรรมการ ดังนี้ นายนริศ ขำนุรักษ์ นายบุรณัชย์ สมุทรักษ์ นายเกียรติ สิทธิอมร นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ นายธนิตพล ไชยนันทน์ นายอิสสระ สมชัย นายมนตรี ปาน้อยนนท์ นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล นายสุวโรช พะลัง นายอภิชาติ ศักดิ์เศรษฐ์ นายเจือ ราชสีห์ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ นายนคร มาฉิม นายวิทยา แก้วภราดัย และนางสาวนริศา อดิเทพวรพันธ์ ซึ่งจะทำหน้าที่ประสานงานร่วมกับพรรคชาติไทยต่อไป ส่วนตำแหน่งรองโฆษกฯยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้นายองอาจเปิดเผยว่ากรรมการบริหารพรรคจะมีการประชุมกันอย่างน้อยทุก 3 เดือน เพื่อพูดคุยหารือกันถึงเรื่องต่างๆ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่เรามีหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ จะเห็นได้ว่าการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์มีความรวดเร็วขึ้น ทำงานในเชิงสร้างสรรค์ และมีคุณภาพ ซึ่งเป็นแนวทางของหัวหน้าพรรค โดยกรรมการบริหารพรรคก็มีความเห็นตรงกันในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าบุคคลต่างๆในพรรค ต่างเริ่มทำงานตามแนวทางนี้ทั้งสิ้น และแนวทางการทำงานในสภาก็จะเป็นไปตามแนวทางนี้ด้วย ‘ผมคิดว่าสิ่งที่เราจะพูด จะบอกอย่างไรก็ตาม มันก็ไม่เหมือนสิ่งที่เราจะกระทำต่อไป เพราะฉะนั้นก็อยากจะฝากให้ช่วยติดตามกันต่อไป’ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวและว่า ต่อไปนี้ทิศทางการทำงานของพรรคจะต้องมีเป้าหมาย และมีการกำหนดกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน ตามแนวทางการบริหารงานสมัยใหม่ทั่วไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-
วันนี้ (15 มี.ค. 48) เวลา 15.00 น. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ว่า การทำงานของสาขาพรรค ขยายแนวความคิด อุดมการณ์ของพรรคให้เป็นที่ยอมรับและรับรู้ของพี่น้องประชาชนกลุ่มต่างๆมากขึ้น การทำงานของสาขาพรรคต่อไปนี้ก็คงไม่จำกัดเฉพาะงานทางด้านการเมือง หรือเฉพาะกลุ่มที่มีความสนใจ แต่สาขาพรรคจะต้องพยายามเข้าถึงประชาชนให้ทุกคนสามารถติดต่อได้ รวมทั้งจะมีการปรับสภาพหน้าตาของสาขาพรรคให้เป็นไปในรูปแบบเดียวกัน เพื่อให้สามารถรู้ได้ทันทีว่านี่คือสาขาของพรรคประชาธิปัตย์ และจะต้องทำให้สาขาพรรคเข้มแข็งมากขึ้น
นอกจากนั้นที่ประชุมมีมติเห็นชอบเลือกประธาน ส.ส. คนใหม่ คือ ดร.เจริญ คันธวงศ์ โดยมี นางนิภา พริ้งศุลกะ และ นายมาโนชญ์ วิชัยกุล เป็นรองประธาน และให้นายนคร มาฉิม เป็นเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ในการประชุม ส.ส. พรรค ทุกวันอังคาร และที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (วิปฝ่ายค้าน) โดยมี ส.ส. อีก 15 คน เข้าร่วมเป็นกรรมการ ดังนี้ นายนริศ ขำนุรักษ์ นายบุรณัชย์ สมุทรักษ์ นายเกียรติ สิทธิอมร นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ นายธนิตพล ไชยนันทน์ นายอิสสระ สมชัย นายมนตรี ปาน้อยนนท์ นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล นายสุวโรช พะลัง นายอภิชาติ ศักดิ์เศรษฐ์ นายเจือ ราชสีห์ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ นายนคร มาฉิม นายวิทยา แก้วภราดัย และนางสาวนริศา อดิเทพวรพันธ์ ซึ่งจะทำหน้าที่ประสานงานร่วมกับพรรคชาติไทยต่อไป ส่วนตำแหน่งรองโฆษกฯยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้นายองอาจเปิดเผยว่ากรรมการบริหารพรรคจะมีการประชุมกันอย่างน้อยทุก 3 เดือน เพื่อพูดคุยหารือกันถึงเรื่องต่างๆ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่เรามีหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ จะเห็นได้ว่าการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์มีความรวดเร็วขึ้น ทำงานในเชิงสร้างสรรค์ และมีคุณภาพ ซึ่งเป็นแนวทางของหัวหน้าพรรค โดยกรรมการบริหารพรรคก็มีความเห็นตรงกันในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าบุคคลต่างๆในพรรค ต่างเริ่มทำงานตามแนวทางนี้ทั้งสิ้น และแนวทางการทำงานในสภาก็จะเป็นไปตามแนวทางนี้ด้วย ‘ผมคิดว่าสิ่งที่เราจะพูด จะบอกอย่างไรก็ตาม มันก็ไม่เหมือนสิ่งที่เราจะกระทำต่อไป เพราะฉะนั้นก็อยากจะฝากให้ช่วยติดตามกันต่อไป’ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวและว่า ต่อไปนี้ทิศทางการทำงานของพรรคจะต้องมีเป้าหมาย และมีการกำหนดกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน ตามแนวทางการบริหารงานสมัยใหม่ทั่วไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-