รายงานพิเศษ
*จตุรพิธ พหลพลพยุหเสนา*
รู้ลึกถึงธุรกิจดอกไม้ แห่งความรัก การเปลี่ยนแปลงราคาเพียงชั่วข้ามคืน
"FLEUR" EST NATURELLE PEUT EXPRIMER TOUTE EMOTION...
MAIS LA FACON DE DONNER EST PLUS PRECIEUSE QUE...
LA BELLE FLEUR.
เป็นข้อความเกี่ยวกับดอกไม้ภาษาฝรั่งเศส สื่อความหมายถึงความรักไว้ว่า "ดอกไม้" เป็นวัตถุความงามจากธรรมชาติ ที่สื่อได้ทุกความรู้สึก...แต่ความตั้งใจให้นั้น เป็นมากกว่าความงามใดๆ...อย่างแท้จริง...
ด้วยเทศกาลแห่งความรัก หรือที่เรียกกันตามภาษาสากลว่า "วันวาเลนไทน์" ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ สิ่งที่จะขาดไม่ได้ในแต่ละปีคือ ดอกไม้ สุภาพบุรุษหลายท่านต่างต้องสรรหามา เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่สุภาพสตรีอันเป็นที่รัก
จากการสำรวจพฤติกรรมการมอบดอกไม้ในช่วงวันแห่งความรักนี้ ทำให้เล็งเห็นว่าบรรดาผู้ประกอบการร้านดอกไม้ทั้งใหญ่ เล็ก พ่อค้า แม่ขายตามตลาดนัด ตลอดจนเจ้าของสวนดอกไม้ทั่วประเทศ ได้อาศัยค่านิยมดังกล่าวผลักดันราคาดอกไม้ให้สูงกว่าช่วงเวลาปกติหลายเท่าตัว
ดอกไม้พิเศษ
กับเทศกาลพิเศษ
คุณอมรา นานา หรือ คุณแอน เจ้าของร้านดอกไม้ Pipat Arist Florist ตั้งอยู่ที่สีลมซอย 8 ถนนสีลม กรุงเทพมหานคร ที่มีชื่อเสียงในวงการจัดช่อดอกไม้ ได้ชี้แจงให้เข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจดอกไม้ ในช่วงวันแห่งความรัก ที่ผู้บริโภคสงสัยว่าทำไมราคาถึงสูงขึ้นจากเดิม ราคาเท่าไหร่ ตั้งแต่ช่วงไหน ดอกไม้ชนิดใดบ้าง
ร้านดอกไม้ Pipat Arist Florist ของคุณแอน จะเป็นร้านรูปแบบฝรั่งเศส เนื่องจากคุณแอนได้จบการศึกษาเรื่องศิลปะการจัดดอกไม้จาก MR. QILLES POTHJER แชมป์โลกจัดดอกไม้ชาวฝรั่งเศส มาโดยตรง
ดอกไม้หลักๆ ที่ใช้ในวันแห่งความรักนั้น คุณอมรา บอกว่า จะมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกันคือ ดอกกุหลาบ และดอกลิลลี่ สีของดอกกุหลาบที่นิยมใช้กันมากประกอบด้วย สีแดง สีขาว สีชมพู สีเหลือง ส่วนดอกลิลลี่จะมีสีเหลือง สีส้ม สีชมพู และสีขาว
คุณอมรา บอกว่า สีของดอกไม้นั้นธรรมชาติเป็นผู้กำหนด แต่แล้วมนุษย์เราได้มากำหนดความหมายกันเอง ซึ่งมีความหมายได้หลายอย่างด้วยกัน เช่น กุหลาบสีแดง สำหรับคู่รักที่จีบกันใหม่ๆ จะไม่กล้าให้ เพราะเป็นสีที่สื่อถึงความรักที่ร้อนแรง สีขาว โดยทั่วไปจะสื่อถึงความบริสุทธิ์ แม้จะเป็นการรักฝ่ายเดียวก็สามารถให้ได้ สีชมพู หมายถึงความรักที่เริ่มต้นแรกแย้ม สีเหลือง แสดงความรู้สึกขอโทษ แต่บางความหมายจะหมายถึงความมั่งคั่ง ความยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะชาวจีน แต่บางคนจะบอกว่าเป็นสีแห่งความผิดหวัง
ขนาดของดอกไม้ที่ได้จัดไว้เป็นช่อนั้น แต่ละร้านจะมีรูปแบบไม่เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องขนาด 1 เมตร แต่ขนาดมาตรฐานส่วนใหญ่จะอยู่ที่ขนาดของพุ่มดอกไม้ หากเป็นพุ่มเล็กดอกไม้ที่ใช้จะอยู่ขนาด 40-50 เซนติเมตร หากเป็นช่อใหญ่จะมีขนาดตั้งแต่ 80 เซนติเมตรขึ้นไป จนถึงเมตรกว่า
"ในการเลือกขนาดดอกไม้ ที่จะนำมาจัดทำเป็นพุ่ม หรือช่อก็ดี ผู้ประกอบการจำเป็นต้องรู้สัดส่วนของผู้รับดอกไม้นั้นด้วย หากผู้รับมีขนาดตัวเล็ก การจัดดอกไม้ควรจัดเป็นแบบทรงกลม หรือช่อขนาดเล็ก ซึ่งดอกไม้ช่อใหญ่ หรือยาวจะไม่สามารถทำให้ผู้รับคนนั้นดูเด่นขึ้นได้ เพราะฉะนั้น ทั้งช่อดอกไม้ และผู้รับดอกไม้จะต้องเข้ากัน ดอกไม้ช่อนั้นถึงจะสามารถแสดงอานุภาพความงามได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องอาศัยกระดาษสวยๆ หรือริบบิ้นขนาดใหญ่" เจ้าของร้านดอกไม้ Pipat Arist Florist กล่าวอย่างนั้น
ร้านดอกไม้ทั่วประเทศส่วนใหญ่จะรับดอกไม้มาจากจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ด้วยดินที่อุดมสมบูรณ์ และอุณหภูมิที่ไม่ร้อนชื้นจึงเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การปลูกไม้ดอกไม้ประดับเป็นอย่างดี
คุณอมรา เล่าว่า "สำหรับที่ร้าน Pipat Arist Florist จะรับดอกไม้เฉพาะที่ ดอยตุง ส่วนหนึ่ง ดอยคำส่วนหนึ่ง ที่จังหวัดเชียงรายเท่านั้น ซึ่งน่าเสียดายว่าการเกษตรของบ้านเราในด้านดอกไม้ยังมีพื้นที่จำกัด"
ดอกไม้ในแต่ละสวนจะไม่เหมือนกัน ตัวอย่างสวนจากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงจากดอยตุง หรือสวนใหญ่ การดูแล การใส่ปุ๋ย ดิน และระดับความสูงเหนือน้ำทะเล จะทำให้คุณภาพของดอกไม้ต่างกันจาก จังหวัดเชียงใหม่ เป็นผลให้ราคาของดอกไม้ที่จังหวัดเชียงรายสูงกว่าดอกไม้ที่จังหวัดเชียงใหม่
ในการจัดเก็บรักษาดอกไม้ให้คงความสวยงามไว้ได้นานนั้น คุณอมรา แนะนำว่า ช่วงแรกใช้วิตามินดูแลดอกไม้จากประเทศฮอลแลนด์ มีลักษณะเป็นผงมาละลายน้ำ แต่ดอกไม้ที่นำมาแล้วคงสภาพได้นาน จะต้องเป็นดอกไม้ที่เพิ่งตัดออกจากต้นประมาณ 1-2 วัน
อีกวิธีหนึ่งเป็นวิธีที่นักจัดดอกไม้ชาวยุโรปใช้กันทั่วไป แต่ประเทศไทยยังคาดไม่ถึงว่าจะได้ผล คือการนำน้ำยาซักผ้าไฮเตอร์ มาผสมน้ำ แล้วนำดอกไม้ที่ตัดไว้ประมาณ 1-2 วัน ไปแช่ไว้ จะทำให้ดอกไม้มีอายุยืนยาวกว่าเดิม ประมาณ 3 วัน หรือประมาณ 8-9 วัน
"แต่อย่างไรก็ตาม ดอกไม้เหมือนกับผู้หญิง ที่ไม่ว่าจะบำรุงผิวพรรณให้สวยงามแค่ไหน แต่อายุ 70 ก็คือ 70 ความเปราะบางก็ยังคงอยู่เช่นเคย สำหรับร้านดอกไม้ที่รู้วิธีการเก็บความงามของดอกไม้ได้เป็นอย่างดี เชื่อว่าจะต้องมีการเก็บสินค้าไว้จำนวนมากเพื่อนำมาปล่อยในช่วงวาเลนไทน์ ซึ่งการทำอย่างนั้นถือเป็นการหลอกลวงลูกค้า เพราะลูกค้าที่ได้รับดอกไม้ไปนั้นจะดูสวยงาม แต่หากสัมผัสมากๆ หรือทิ้งไว้ข้ามคืนเดียว ดอกไม้ช่อนั้นก็จะร่วงโรยไปในที่สุด ซึ่งที่ร้านตัวเองจะไม่ทำแบบนั้น" เจ้าของร้าน Pipat Arist Florist ฝากไว้
มูลค่าของดอกไม้
พลิกผันตามค่านิยม
คุณอมรา ชี้ภาพให้เห็นถึงปริมาณการบริโภคดอกไม้ โดยเฉพาะดอกกุหลาบในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ว่า ประเทศไทยมีการบริโภคดอกกุหลาบมากกว่าในยุโรปมาก หากเปรียบเทียบทั้งประเทศไทย กับกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่มีประชากรใกล้เคียงกัน ที่กรุงปารีสจะใช้ดอกกุหลาบเพิ่มขึ้นจากวันปกติเพียงแค่ 20% เท่านั้น
"เนื่องจากชีวิตของชาวปารีสไม่ได้เจาะจงว่าวาเลนไทน์ต้องเป็นวันสารภาพรัก หรือสื่อความรักแบบชายหญิง แต่จะครอบคลุมความรักทั้งหมดบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นความรักระหว่างพ่อกับลูก ความรักระหว่างพี่น้อง ความรักระหว่างเพื่อน เป็นต้น ซึ่งที่เมืองนอกในช่วงวันวาเลนไทน์ดอกกุหลาบจะถูกกว่าเมืองไทยด้วยซ้ำ"
ในขณะที่ประเทศไทยบริโภคดอกกุหลาบช่วงวาเลนไทน์เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาปกติถึง 80-90%
"50-70% จะเป็นตลาดบน อีก 20-30% จะเป็นลูกค้าที่ซื้อดอกไม้ดอกละ 20-30 บาท ที่เห็นบ่อยจะเป็นแถวปากคลองตลาด"
จากอัตราการบริโภคดอกกุหลาบที่สูงในประเทศไทย ทำให้ราคาดอกไม้สูงจากช่วงเวลาปกติหลายเท่าตัว ทั้งร้านค้าทั่วไป และตลาดสด
เจ้าของร้าน Pipat Arist Florist ชี้แจงให้เข้าใจว่า "ในความเป็นจริงราคาของดอกไม้ที่เพิ่มขึ้นนั้น ไม่ได้อยู่ที่ร้านค้าแต่อย่างใด แต่ต้นทุนที่รับดอกไม้มาจากสวน เมื่อถึงช่วงวาเลนไทน์ ราคาจะสูงจากธรรมดาถึง 8 เท่า โดยยังไม่รวมค่าขนส่ง หากรวมแล้วจะอยู่ที่ 10-12 เท่าของราคาปกติ แต่ราคาดอกไม้ชนิดอื่นไม่ขึ้นราคา นอกจากดอกกุหลาบเท่านั้น"
นอกจากนี้ ราคาของดอกกุหลาบ ยังขึ้นอยู่กับสีของดอกไม้ด้วย ถ้าเป็นดอกกุหลาบสีแดง และสีขาวจะมีราคาแพงสุด จากปกติราคาดอกละ 20-25 บาท เมื่อถึงช่วงวาเลนไทน์ราคาจะสูงถึงดอกละ150 บาท
กุหลาบสีชมพู ราคาจะถูกกว่าสีแดง และขาวประมาณ 30% หรือราคาสูงประมาณ 5 เท่าจากราคาปกติดอกละประมาณ 17-18 บาท เปลี่ยนเป็นดอกละ 100 บาท และกุหลาบสีเหลืองราคาถูกที่สุด จากเดิมราคาดอกละ 10-15 บาท พอช่วงวาเลนไทน์ราคาขึ้นดอกละ 80 บาท แต่ดอกลิลลี่ราคายังไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
"ดอกกุหลาบที่ใช้เตรียมในช่วงวาเลนไทน์ ชาวสวนจะเริ่มกักสินค้าไว้ ก่อนถึงเทศกาลวาเลนไทน์ประมาณ 5-6 วัน ตามอายุขัยของดอกไม้ประมาณ 7-8 วัน ราคาดอกไม้จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ แต่เมื่อผ่านหลังเที่ยงคืนของวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ราคาดอกไม้จะกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติทันที"
คุณอมรา เสนอแนะว่า ผู้ประกอบการร้านดอกไม้ หรือขายดอกไม้หลายรายที่คิดจะเปิดกิจการขึ้นเฉพาะช่วงวันวาเลนไทน์ ซึ่งเข้าใจผิดว่าเป็นช่วงกอบโกยรายได้นั้นคิดผิด เพราะราคาดอกไม้ที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่เจ้าของสวนดอกไม้ ไม่ใช่ร้านดอกไม้ หากไม่สามารถบริหารได้ดี ให้รับดอกไม้ในปริมาณที่น้อยเกินไปยังดีกว่ามากเกินไป เนื่องจากหากจำหน่ายดอกไม้ไม่หมดหลังเที่ยงคืน วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จำนวนครึ่งหนึ่งจากที่รับมา ก็ทำให้ขาดทุนแล้ว
นอกจากนี้ ตัวคุณอมราได้คาดการณ์ไว้ว่า อัตราส่วนในการบริโภคดอกไม้ช่วงวาเลนไทน์ในปีนี้จะมีจำนวนน้อยกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากไม่นานมานี้ได้ผ่านวิกฤติโศกนาฏกรรมคลื่นยักษ์สึนามิที่ภาคใต้ ทำให้คนไทยหลายคนลดกิจกรรมรื่นเริงไปไม่น้อย
"ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะดีเพียงใด แต่หากรากฐานของหัวใจไม่มั่นคงแล้ว ธุรกิจใด ก็ไม่สามารถเฟื่องฟูได้อย่างเต็มที่" คุณอมรา กล่าว
บริการเสริมความรัก
ทั้งจัดส่ง ทั้งแพ็กเกจ
ที่ร้านดอกไม้ Pipat Arist Florist ปกติจะเปิดบริการตั้งแต่เวลา 07.30 น. ถึง 19.30 น. แต่หากเป็นช่วงวันวาเลนไทน์ คุณอมรา บอกว่า ร้านดอกไม้ส่วนใหญ่ รวมทั้งร้านของคุณอมราเอง จะเปิดบริการถึงประมาณ สี่ทุ่มกว่า เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับลูกค้าหลังสิ้นสุด dinner ของคู่รัก โดยทางร้านได้มีบริการจัดส่งดอกไม้ถึงโต๊ะอาหาร บริการฟรีทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่มีเงื่อนไขสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการสินค้ามูลค่าตั้งแต่ 1,500 บาทขึ้นไป
นอกจากนี้ คุณอมรายังมีบริการข้อความประทับใจ ใส่การ์ดที่ทำขึ้นมาพิเศษ ในกรณีที่ลูกค้าไม่สามารถสื่อออกมาเองได้ โดยรูปแบบการ์ด จะมี 2 ขนาด ที่ต้องใช้คู่กัน ขนาดเล็กจะเป็นรูปช้างเท่านามบัตร และขนาดเท่าโปสการ์ดแบบเปิดด้านใน เริ่มต้นข้อความสำหรับเทศกาลความรักว่า
"ให้ดอกไม้แทนปาก ฝากมาถาม... " จากนั้นสุภาพสตรีที่ได้รับการ์ด สามารถอ่านต่อได้จากการ์ดขนาดโปสการ์ด อ่านต่อด้วยข้อความที่ว่า
"คุณจะบอกเธอว่า "ผมรักคุณ" หรือ... " เป็นประโยคเชื้อเชิญให้อ่านต่อท่อนจบด้านในอีกทีหนึ่งว่า
"คุณจะเลือกวิธีบอกรักอย่างมีศิลปะ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวว่า เธอคือความอัศจรรย์...คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตฉัน ความสดใสทั้งมวลในโลก ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความมีชีวิตชีวาในตัวเธอ โลกนี้คงหาความหมายอันใดมิได้...หากชีวิตฉันไม่มีเธอ"
คุณอมรา ได้เล่าต่อว่า "ตั้งแต่ทำธุรกิจดอกไม้มา เคยเจอบริการพิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือ พนักงานที่ร้านดอกไม้ไปร้องเพลงแสดงความรักกับสุภาพสตรีที่ร้านอาหาร บริการรูปแบบนี้นับว่าแปลกดี แต่โดยส่วนตัวคิดว่าอาจไม่เหมาะสมในบางโอกาส และสถานที่ เช่น เมื่อสุภาพสตรีกำลังอยู่ในช่วงทานอาหาร แต่มีพนักงานไปร้องเพลงให้ฟัง จากความรู้สึกที่ผู้รับควรจะประทับใจ จะกลายเป็นความเขินอายมากกว่า ซึ่งใครที่ผ่านไปมาอาจมองดูด้วยความขบขันเป็นได้"
แต่เจ้าของร้าน Pipat Arist Florist บอกว่า ถึงที่ร้านจะไม่มีบริการรูปแบบนี้ แต่มีบริการตรงกันข้าม ไม่ได้มุ่งที่ผู้รับ แต่เป็นผู้ส่ง เช่น เมื่อฝ่ายชายต้องการเพิ่มสีสันให้ดอกไม้ด้วยตัวเอง อาจจะเป็นการใส่ตุ๊กตา หรือเครื่องประดับที่จะมอบให้ฝ่ายหญิง พร้อมช่อดอกไม้ ทางร้านก็จะออกแบบให้ช่อดอกไม้นั้นประดับด้วยวัตถุที่ลูกค้าต้องการ โดยจะมีการใส่แพ็กเกจให้สวยขึ้นมาอีกที
"ในการให้ดอกกุหลาบแก่สุภาพสตรีนั้น สุภาพบุรุษต้องใช้ดอกไม้ให้เป็น ไม่จำเป็นต้องตามจำนวนวันที่ได้รักกัน ขนาดไม่ต้องใหญ่เกินตัว ราคาเป็นหมื่น แม้ลูกค้าจะบอกว่ามีเงินเพียง 500 บาท แต่ขอให้มีดอกกุหลาบอยู่ในช่อสัก 2-3 ดอก คิดว่าคนแบบนี้มีความตั้งใจให้มากกว่า เพราะฉะนั้น อยากจะบอกว่า เมื่อสุภาพสตรีท่านใดที่ได้รับดอกไม้ที่มีช่อสวยๆ แต่มีดอกกุหลาบอยู่ในนั้น 2-3 ดอก หรือแม้แต่ดอกเดียว ให้เข้าใจเลยว่า สุภาพบุรุษท่านนั้นเข้าใจสรรหา และตั้งใจให้ จริงๆ" เจ้าของร้านดอกไม้ Pipat Arist Florist กล่าวทิ้งท้าย
*สำรวจปากคลองตลาด
ธุรกิจดอกไม้ส่ง ที่ลือชื่อ
เมื่อได้ฉายภาพให้เห็นถึงธุรกิจร้านดอกไม้ในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ให้ผู้อ่านได้เข้าใจแล้ว ยังมีแหล่งจำหน่ายดอกไม้อีกแห่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือปากคลองตลาด กล่าวได้ว่าเป็นแหล่งขายดอกไม้ส่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว
เส้นทางเศรษฐี ได้ตัดสินใจเดินทางไปสำรวจการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้บริโภคดอกไม้ก่อนช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ทันที ภาพที่เห็นแม้จะมีลูกค้าเข้ามาจับจ่ายซื้อดอกกุหลาบเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่คึกคักเท่าที่ควร แม่ค้าในพื้นที่บอกว่า "อาจเป็นผลพวงมาจากเหตุการณ์ภาคใต้ ทำให้ยังไม่มีใครปรับอารมณ์เข้ากับเทศกาลได้เร็ว"
จากที่ได้สัมผัส และพูดคุยกับแม่ค้าในตลาดดอกไม้สดแห่งนี้ ทำให้เข้าใจว่า ระบบการทำงานจะมีตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะแบ่งเขตธุรกิจเป็นดอกไม้ถวายพระ และดอกกุหลาบที่ใช้ตามงาน หรือเทศกาล แต่ไม่เด่นชัดเท่าที่ควร เพราะยังมีผู้ประกอบการหลายรายที่นำสินค้าต่างพวกวางจำหน่ายในพื้นที่เดียวกัน
สำหรับดอกกุหลาบที่จำหน่ายอยู่ในตลาด ส่วนใหญ่จะเน้นสีแดง และสีชมพูเป็นหลัก สีขาวจะมีเพียงบางร้านเท่านั้น แต่สีส้ม และสีเหลืองแทบจะไม่มีจำหน่ายให้เห็นกัน ซึ่งขนาดของดอกกุหลาบจะอยู่ที่มาตรฐาน 70-80 เซนติเมตร
ผู้ประกอบการแผงดอกกุหลาบที่ตลาดส่วนใหญ่จะรับมาจาก อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จะเริ่มมีกระบะนำดอกไม้มาส่งถึงตลาดหลายสิบคัน ตั้งแต่ช่วงหกโมงเย็นขึ้นไป โดยแผงแต่ละแผงจะรับมาเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 20 กำ กำละ 50 ดอก จนถึง 50 กำขึ้นไป จำนวน 20,000 ดอก โดยประมาณ
แต่ละแผงจะสามารถจำหน่ายดอกไม้ที่รับมาช่วงเย็นหมดภายในช่วงบ่ายโมงวันรุ่งขึ้น และจะรับดอกกุหลาบมาใหม่วันต่อวัน
ราคาของดอกไม้ที่ปากคลองตลาดเองได้เพิ่มขึ้นไม่เหมือนตามร้านดอกไม้ทั่วไปที่ขึ้นอยู่กับผู้ส่ง แต่จะขึ้นอยู่กับกระแสความต้องการของลูกค้า เช่น อยู่ในช่วงรับปริญญา หรือวันวาเลนไทน์ที่จะถึง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ดอกไม้ที่ปากคลองตลาดยังมีการแบ่งราคาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสีของดอกไม้ ซึ่งหากเป็นกุหลาบสีขาวจะราคาสูงสุด ประมาณ กำละ 120 บาท กุหลาบสีแดงราคาจะอยู่ตั้งแต่ 100-120 บาท ต่อกำ จากเดิมราคากำละ 50-60 บาท และสีชมพูราคาอยู่ระหว่าง 80-90 บาท ต่อกำ จากปกติราคา 20-60 บาท ต่อ ที่มา:เส้นทางเศรษฐี
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-
*จตุรพิธ พหลพลพยุหเสนา*
รู้ลึกถึงธุรกิจดอกไม้ แห่งความรัก การเปลี่ยนแปลงราคาเพียงชั่วข้ามคืน
"FLEUR" EST NATURELLE PEUT EXPRIMER TOUTE EMOTION...
MAIS LA FACON DE DONNER EST PLUS PRECIEUSE QUE...
LA BELLE FLEUR.
เป็นข้อความเกี่ยวกับดอกไม้ภาษาฝรั่งเศส สื่อความหมายถึงความรักไว้ว่า "ดอกไม้" เป็นวัตถุความงามจากธรรมชาติ ที่สื่อได้ทุกความรู้สึก...แต่ความตั้งใจให้นั้น เป็นมากกว่าความงามใดๆ...อย่างแท้จริง...
ด้วยเทศกาลแห่งความรัก หรือที่เรียกกันตามภาษาสากลว่า "วันวาเลนไทน์" ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ สิ่งที่จะขาดไม่ได้ในแต่ละปีคือ ดอกไม้ สุภาพบุรุษหลายท่านต่างต้องสรรหามา เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่สุภาพสตรีอันเป็นที่รัก
จากการสำรวจพฤติกรรมการมอบดอกไม้ในช่วงวันแห่งความรักนี้ ทำให้เล็งเห็นว่าบรรดาผู้ประกอบการร้านดอกไม้ทั้งใหญ่ เล็ก พ่อค้า แม่ขายตามตลาดนัด ตลอดจนเจ้าของสวนดอกไม้ทั่วประเทศ ได้อาศัยค่านิยมดังกล่าวผลักดันราคาดอกไม้ให้สูงกว่าช่วงเวลาปกติหลายเท่าตัว
ดอกไม้พิเศษ
กับเทศกาลพิเศษ
คุณอมรา นานา หรือ คุณแอน เจ้าของร้านดอกไม้ Pipat Arist Florist ตั้งอยู่ที่สีลมซอย 8 ถนนสีลม กรุงเทพมหานคร ที่มีชื่อเสียงในวงการจัดช่อดอกไม้ ได้ชี้แจงให้เข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจดอกไม้ ในช่วงวันแห่งความรัก ที่ผู้บริโภคสงสัยว่าทำไมราคาถึงสูงขึ้นจากเดิม ราคาเท่าไหร่ ตั้งแต่ช่วงไหน ดอกไม้ชนิดใดบ้าง
ร้านดอกไม้ Pipat Arist Florist ของคุณแอน จะเป็นร้านรูปแบบฝรั่งเศส เนื่องจากคุณแอนได้จบการศึกษาเรื่องศิลปะการจัดดอกไม้จาก MR. QILLES POTHJER แชมป์โลกจัดดอกไม้ชาวฝรั่งเศส มาโดยตรง
ดอกไม้หลักๆ ที่ใช้ในวันแห่งความรักนั้น คุณอมรา บอกว่า จะมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกันคือ ดอกกุหลาบ และดอกลิลลี่ สีของดอกกุหลาบที่นิยมใช้กันมากประกอบด้วย สีแดง สีขาว สีชมพู สีเหลือง ส่วนดอกลิลลี่จะมีสีเหลือง สีส้ม สีชมพู และสีขาว
คุณอมรา บอกว่า สีของดอกไม้นั้นธรรมชาติเป็นผู้กำหนด แต่แล้วมนุษย์เราได้มากำหนดความหมายกันเอง ซึ่งมีความหมายได้หลายอย่างด้วยกัน เช่น กุหลาบสีแดง สำหรับคู่รักที่จีบกันใหม่ๆ จะไม่กล้าให้ เพราะเป็นสีที่สื่อถึงความรักที่ร้อนแรง สีขาว โดยทั่วไปจะสื่อถึงความบริสุทธิ์ แม้จะเป็นการรักฝ่ายเดียวก็สามารถให้ได้ สีชมพู หมายถึงความรักที่เริ่มต้นแรกแย้ม สีเหลือง แสดงความรู้สึกขอโทษ แต่บางความหมายจะหมายถึงความมั่งคั่ง ความยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะชาวจีน แต่บางคนจะบอกว่าเป็นสีแห่งความผิดหวัง
ขนาดของดอกไม้ที่ได้จัดไว้เป็นช่อนั้น แต่ละร้านจะมีรูปแบบไม่เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องขนาด 1 เมตร แต่ขนาดมาตรฐานส่วนใหญ่จะอยู่ที่ขนาดของพุ่มดอกไม้ หากเป็นพุ่มเล็กดอกไม้ที่ใช้จะอยู่ขนาด 40-50 เซนติเมตร หากเป็นช่อใหญ่จะมีขนาดตั้งแต่ 80 เซนติเมตรขึ้นไป จนถึงเมตรกว่า
"ในการเลือกขนาดดอกไม้ ที่จะนำมาจัดทำเป็นพุ่ม หรือช่อก็ดี ผู้ประกอบการจำเป็นต้องรู้สัดส่วนของผู้รับดอกไม้นั้นด้วย หากผู้รับมีขนาดตัวเล็ก การจัดดอกไม้ควรจัดเป็นแบบทรงกลม หรือช่อขนาดเล็ก ซึ่งดอกไม้ช่อใหญ่ หรือยาวจะไม่สามารถทำให้ผู้รับคนนั้นดูเด่นขึ้นได้ เพราะฉะนั้น ทั้งช่อดอกไม้ และผู้รับดอกไม้จะต้องเข้ากัน ดอกไม้ช่อนั้นถึงจะสามารถแสดงอานุภาพความงามได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องอาศัยกระดาษสวยๆ หรือริบบิ้นขนาดใหญ่" เจ้าของร้านดอกไม้ Pipat Arist Florist กล่าวอย่างนั้น
ร้านดอกไม้ทั่วประเทศส่วนใหญ่จะรับดอกไม้มาจากจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ด้วยดินที่อุดมสมบูรณ์ และอุณหภูมิที่ไม่ร้อนชื้นจึงเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การปลูกไม้ดอกไม้ประดับเป็นอย่างดี
คุณอมรา เล่าว่า "สำหรับที่ร้าน Pipat Arist Florist จะรับดอกไม้เฉพาะที่ ดอยตุง ส่วนหนึ่ง ดอยคำส่วนหนึ่ง ที่จังหวัดเชียงรายเท่านั้น ซึ่งน่าเสียดายว่าการเกษตรของบ้านเราในด้านดอกไม้ยังมีพื้นที่จำกัด"
ดอกไม้ในแต่ละสวนจะไม่เหมือนกัน ตัวอย่างสวนจากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงจากดอยตุง หรือสวนใหญ่ การดูแล การใส่ปุ๋ย ดิน และระดับความสูงเหนือน้ำทะเล จะทำให้คุณภาพของดอกไม้ต่างกันจาก จังหวัดเชียงใหม่ เป็นผลให้ราคาของดอกไม้ที่จังหวัดเชียงรายสูงกว่าดอกไม้ที่จังหวัดเชียงใหม่
ในการจัดเก็บรักษาดอกไม้ให้คงความสวยงามไว้ได้นานนั้น คุณอมรา แนะนำว่า ช่วงแรกใช้วิตามินดูแลดอกไม้จากประเทศฮอลแลนด์ มีลักษณะเป็นผงมาละลายน้ำ แต่ดอกไม้ที่นำมาแล้วคงสภาพได้นาน จะต้องเป็นดอกไม้ที่เพิ่งตัดออกจากต้นประมาณ 1-2 วัน
อีกวิธีหนึ่งเป็นวิธีที่นักจัดดอกไม้ชาวยุโรปใช้กันทั่วไป แต่ประเทศไทยยังคาดไม่ถึงว่าจะได้ผล คือการนำน้ำยาซักผ้าไฮเตอร์ มาผสมน้ำ แล้วนำดอกไม้ที่ตัดไว้ประมาณ 1-2 วัน ไปแช่ไว้ จะทำให้ดอกไม้มีอายุยืนยาวกว่าเดิม ประมาณ 3 วัน หรือประมาณ 8-9 วัน
"แต่อย่างไรก็ตาม ดอกไม้เหมือนกับผู้หญิง ที่ไม่ว่าจะบำรุงผิวพรรณให้สวยงามแค่ไหน แต่อายุ 70 ก็คือ 70 ความเปราะบางก็ยังคงอยู่เช่นเคย สำหรับร้านดอกไม้ที่รู้วิธีการเก็บความงามของดอกไม้ได้เป็นอย่างดี เชื่อว่าจะต้องมีการเก็บสินค้าไว้จำนวนมากเพื่อนำมาปล่อยในช่วงวาเลนไทน์ ซึ่งการทำอย่างนั้นถือเป็นการหลอกลวงลูกค้า เพราะลูกค้าที่ได้รับดอกไม้ไปนั้นจะดูสวยงาม แต่หากสัมผัสมากๆ หรือทิ้งไว้ข้ามคืนเดียว ดอกไม้ช่อนั้นก็จะร่วงโรยไปในที่สุด ซึ่งที่ร้านตัวเองจะไม่ทำแบบนั้น" เจ้าของร้าน Pipat Arist Florist ฝากไว้
มูลค่าของดอกไม้
พลิกผันตามค่านิยม
คุณอมรา ชี้ภาพให้เห็นถึงปริมาณการบริโภคดอกไม้ โดยเฉพาะดอกกุหลาบในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ว่า ประเทศไทยมีการบริโภคดอกกุหลาบมากกว่าในยุโรปมาก หากเปรียบเทียบทั้งประเทศไทย กับกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่มีประชากรใกล้เคียงกัน ที่กรุงปารีสจะใช้ดอกกุหลาบเพิ่มขึ้นจากวันปกติเพียงแค่ 20% เท่านั้น
"เนื่องจากชีวิตของชาวปารีสไม่ได้เจาะจงว่าวาเลนไทน์ต้องเป็นวันสารภาพรัก หรือสื่อความรักแบบชายหญิง แต่จะครอบคลุมความรักทั้งหมดบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นความรักระหว่างพ่อกับลูก ความรักระหว่างพี่น้อง ความรักระหว่างเพื่อน เป็นต้น ซึ่งที่เมืองนอกในช่วงวันวาเลนไทน์ดอกกุหลาบจะถูกกว่าเมืองไทยด้วยซ้ำ"
ในขณะที่ประเทศไทยบริโภคดอกกุหลาบช่วงวาเลนไทน์เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาปกติถึง 80-90%
"50-70% จะเป็นตลาดบน อีก 20-30% จะเป็นลูกค้าที่ซื้อดอกไม้ดอกละ 20-30 บาท ที่เห็นบ่อยจะเป็นแถวปากคลองตลาด"
จากอัตราการบริโภคดอกกุหลาบที่สูงในประเทศไทย ทำให้ราคาดอกไม้สูงจากช่วงเวลาปกติหลายเท่าตัว ทั้งร้านค้าทั่วไป และตลาดสด
เจ้าของร้าน Pipat Arist Florist ชี้แจงให้เข้าใจว่า "ในความเป็นจริงราคาของดอกไม้ที่เพิ่มขึ้นนั้น ไม่ได้อยู่ที่ร้านค้าแต่อย่างใด แต่ต้นทุนที่รับดอกไม้มาจากสวน เมื่อถึงช่วงวาเลนไทน์ ราคาจะสูงจากธรรมดาถึง 8 เท่า โดยยังไม่รวมค่าขนส่ง หากรวมแล้วจะอยู่ที่ 10-12 เท่าของราคาปกติ แต่ราคาดอกไม้ชนิดอื่นไม่ขึ้นราคา นอกจากดอกกุหลาบเท่านั้น"
นอกจากนี้ ราคาของดอกกุหลาบ ยังขึ้นอยู่กับสีของดอกไม้ด้วย ถ้าเป็นดอกกุหลาบสีแดง และสีขาวจะมีราคาแพงสุด จากปกติราคาดอกละ 20-25 บาท เมื่อถึงช่วงวาเลนไทน์ราคาจะสูงถึงดอกละ150 บาท
กุหลาบสีชมพู ราคาจะถูกกว่าสีแดง และขาวประมาณ 30% หรือราคาสูงประมาณ 5 เท่าจากราคาปกติดอกละประมาณ 17-18 บาท เปลี่ยนเป็นดอกละ 100 บาท และกุหลาบสีเหลืองราคาถูกที่สุด จากเดิมราคาดอกละ 10-15 บาท พอช่วงวาเลนไทน์ราคาขึ้นดอกละ 80 บาท แต่ดอกลิลลี่ราคายังไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
"ดอกกุหลาบที่ใช้เตรียมในช่วงวาเลนไทน์ ชาวสวนจะเริ่มกักสินค้าไว้ ก่อนถึงเทศกาลวาเลนไทน์ประมาณ 5-6 วัน ตามอายุขัยของดอกไม้ประมาณ 7-8 วัน ราคาดอกไม้จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ แต่เมื่อผ่านหลังเที่ยงคืนของวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ราคาดอกไม้จะกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติทันที"
คุณอมรา เสนอแนะว่า ผู้ประกอบการร้านดอกไม้ หรือขายดอกไม้หลายรายที่คิดจะเปิดกิจการขึ้นเฉพาะช่วงวันวาเลนไทน์ ซึ่งเข้าใจผิดว่าเป็นช่วงกอบโกยรายได้นั้นคิดผิด เพราะราคาดอกไม้ที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่เจ้าของสวนดอกไม้ ไม่ใช่ร้านดอกไม้ หากไม่สามารถบริหารได้ดี ให้รับดอกไม้ในปริมาณที่น้อยเกินไปยังดีกว่ามากเกินไป เนื่องจากหากจำหน่ายดอกไม้ไม่หมดหลังเที่ยงคืน วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จำนวนครึ่งหนึ่งจากที่รับมา ก็ทำให้ขาดทุนแล้ว
นอกจากนี้ ตัวคุณอมราได้คาดการณ์ไว้ว่า อัตราส่วนในการบริโภคดอกไม้ช่วงวาเลนไทน์ในปีนี้จะมีจำนวนน้อยกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากไม่นานมานี้ได้ผ่านวิกฤติโศกนาฏกรรมคลื่นยักษ์สึนามิที่ภาคใต้ ทำให้คนไทยหลายคนลดกิจกรรมรื่นเริงไปไม่น้อย
"ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะดีเพียงใด แต่หากรากฐานของหัวใจไม่มั่นคงแล้ว ธุรกิจใด ก็ไม่สามารถเฟื่องฟูได้อย่างเต็มที่" คุณอมรา กล่าว
บริการเสริมความรัก
ทั้งจัดส่ง ทั้งแพ็กเกจ
ที่ร้านดอกไม้ Pipat Arist Florist ปกติจะเปิดบริการตั้งแต่เวลา 07.30 น. ถึง 19.30 น. แต่หากเป็นช่วงวันวาเลนไทน์ คุณอมรา บอกว่า ร้านดอกไม้ส่วนใหญ่ รวมทั้งร้านของคุณอมราเอง จะเปิดบริการถึงประมาณ สี่ทุ่มกว่า เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับลูกค้าหลังสิ้นสุด dinner ของคู่รัก โดยทางร้านได้มีบริการจัดส่งดอกไม้ถึงโต๊ะอาหาร บริการฟรีทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่มีเงื่อนไขสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการสินค้ามูลค่าตั้งแต่ 1,500 บาทขึ้นไป
นอกจากนี้ คุณอมรายังมีบริการข้อความประทับใจ ใส่การ์ดที่ทำขึ้นมาพิเศษ ในกรณีที่ลูกค้าไม่สามารถสื่อออกมาเองได้ โดยรูปแบบการ์ด จะมี 2 ขนาด ที่ต้องใช้คู่กัน ขนาดเล็กจะเป็นรูปช้างเท่านามบัตร และขนาดเท่าโปสการ์ดแบบเปิดด้านใน เริ่มต้นข้อความสำหรับเทศกาลความรักว่า
"ให้ดอกไม้แทนปาก ฝากมาถาม... " จากนั้นสุภาพสตรีที่ได้รับการ์ด สามารถอ่านต่อได้จากการ์ดขนาดโปสการ์ด อ่านต่อด้วยข้อความที่ว่า
"คุณจะบอกเธอว่า "ผมรักคุณ" หรือ... " เป็นประโยคเชื้อเชิญให้อ่านต่อท่อนจบด้านในอีกทีหนึ่งว่า
"คุณจะเลือกวิธีบอกรักอย่างมีศิลปะ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวว่า เธอคือความอัศจรรย์...คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตฉัน ความสดใสทั้งมวลในโลก ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความมีชีวิตชีวาในตัวเธอ โลกนี้คงหาความหมายอันใดมิได้...หากชีวิตฉันไม่มีเธอ"
คุณอมรา ได้เล่าต่อว่า "ตั้งแต่ทำธุรกิจดอกไม้มา เคยเจอบริการพิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือ พนักงานที่ร้านดอกไม้ไปร้องเพลงแสดงความรักกับสุภาพสตรีที่ร้านอาหาร บริการรูปแบบนี้นับว่าแปลกดี แต่โดยส่วนตัวคิดว่าอาจไม่เหมาะสมในบางโอกาส และสถานที่ เช่น เมื่อสุภาพสตรีกำลังอยู่ในช่วงทานอาหาร แต่มีพนักงานไปร้องเพลงให้ฟัง จากความรู้สึกที่ผู้รับควรจะประทับใจ จะกลายเป็นความเขินอายมากกว่า ซึ่งใครที่ผ่านไปมาอาจมองดูด้วยความขบขันเป็นได้"
แต่เจ้าของร้าน Pipat Arist Florist บอกว่า ถึงที่ร้านจะไม่มีบริการรูปแบบนี้ แต่มีบริการตรงกันข้าม ไม่ได้มุ่งที่ผู้รับ แต่เป็นผู้ส่ง เช่น เมื่อฝ่ายชายต้องการเพิ่มสีสันให้ดอกไม้ด้วยตัวเอง อาจจะเป็นการใส่ตุ๊กตา หรือเครื่องประดับที่จะมอบให้ฝ่ายหญิง พร้อมช่อดอกไม้ ทางร้านก็จะออกแบบให้ช่อดอกไม้นั้นประดับด้วยวัตถุที่ลูกค้าต้องการ โดยจะมีการใส่แพ็กเกจให้สวยขึ้นมาอีกที
"ในการให้ดอกกุหลาบแก่สุภาพสตรีนั้น สุภาพบุรุษต้องใช้ดอกไม้ให้เป็น ไม่จำเป็นต้องตามจำนวนวันที่ได้รักกัน ขนาดไม่ต้องใหญ่เกินตัว ราคาเป็นหมื่น แม้ลูกค้าจะบอกว่ามีเงินเพียง 500 บาท แต่ขอให้มีดอกกุหลาบอยู่ในช่อสัก 2-3 ดอก คิดว่าคนแบบนี้มีความตั้งใจให้มากกว่า เพราะฉะนั้น อยากจะบอกว่า เมื่อสุภาพสตรีท่านใดที่ได้รับดอกไม้ที่มีช่อสวยๆ แต่มีดอกกุหลาบอยู่ในนั้น 2-3 ดอก หรือแม้แต่ดอกเดียว ให้เข้าใจเลยว่า สุภาพบุรุษท่านนั้นเข้าใจสรรหา และตั้งใจให้ จริงๆ" เจ้าของร้านดอกไม้ Pipat Arist Florist กล่าวทิ้งท้าย
*สำรวจปากคลองตลาด
ธุรกิจดอกไม้ส่ง ที่ลือชื่อ
เมื่อได้ฉายภาพให้เห็นถึงธุรกิจร้านดอกไม้ในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ให้ผู้อ่านได้เข้าใจแล้ว ยังมีแหล่งจำหน่ายดอกไม้อีกแห่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือปากคลองตลาด กล่าวได้ว่าเป็นแหล่งขายดอกไม้ส่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว
เส้นทางเศรษฐี ได้ตัดสินใจเดินทางไปสำรวจการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้บริโภคดอกไม้ก่อนช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ทันที ภาพที่เห็นแม้จะมีลูกค้าเข้ามาจับจ่ายซื้อดอกกุหลาบเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่คึกคักเท่าที่ควร แม่ค้าในพื้นที่บอกว่า "อาจเป็นผลพวงมาจากเหตุการณ์ภาคใต้ ทำให้ยังไม่มีใครปรับอารมณ์เข้ากับเทศกาลได้เร็ว"
จากที่ได้สัมผัส และพูดคุยกับแม่ค้าในตลาดดอกไม้สดแห่งนี้ ทำให้เข้าใจว่า ระบบการทำงานจะมีตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะแบ่งเขตธุรกิจเป็นดอกไม้ถวายพระ และดอกกุหลาบที่ใช้ตามงาน หรือเทศกาล แต่ไม่เด่นชัดเท่าที่ควร เพราะยังมีผู้ประกอบการหลายรายที่นำสินค้าต่างพวกวางจำหน่ายในพื้นที่เดียวกัน
สำหรับดอกกุหลาบที่จำหน่ายอยู่ในตลาด ส่วนใหญ่จะเน้นสีแดง และสีชมพูเป็นหลัก สีขาวจะมีเพียงบางร้านเท่านั้น แต่สีส้ม และสีเหลืองแทบจะไม่มีจำหน่ายให้เห็นกัน ซึ่งขนาดของดอกกุหลาบจะอยู่ที่มาตรฐาน 70-80 เซนติเมตร
ผู้ประกอบการแผงดอกกุหลาบที่ตลาดส่วนใหญ่จะรับมาจาก อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จะเริ่มมีกระบะนำดอกไม้มาส่งถึงตลาดหลายสิบคัน ตั้งแต่ช่วงหกโมงเย็นขึ้นไป โดยแผงแต่ละแผงจะรับมาเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 20 กำ กำละ 50 ดอก จนถึง 50 กำขึ้นไป จำนวน 20,000 ดอก โดยประมาณ
แต่ละแผงจะสามารถจำหน่ายดอกไม้ที่รับมาช่วงเย็นหมดภายในช่วงบ่ายโมงวันรุ่งขึ้น และจะรับดอกกุหลาบมาใหม่วันต่อวัน
ราคาของดอกไม้ที่ปากคลองตลาดเองได้เพิ่มขึ้นไม่เหมือนตามร้านดอกไม้ทั่วไปที่ขึ้นอยู่กับผู้ส่ง แต่จะขึ้นอยู่กับกระแสความต้องการของลูกค้า เช่น อยู่ในช่วงรับปริญญา หรือวันวาเลนไทน์ที่จะถึง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ดอกไม้ที่ปากคลองตลาดยังมีการแบ่งราคาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสีของดอกไม้ ซึ่งหากเป็นกุหลาบสีขาวจะราคาสูงสุด ประมาณ กำละ 120 บาท กุหลาบสีแดงราคาจะอยู่ตั้งแต่ 100-120 บาท ต่อกำ จากเดิมราคากำละ 50-60 บาท และสีชมพูราคาอยู่ระหว่าง 80-90 บาท ต่อกำ จากปกติราคา 20-60 บาท ต่อ ที่มา:เส้นทางเศรษฐี
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-