“สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยว่าเศรษฐกิจไทยเดือนกุมภาพันธ์ยังคงขยายตัวดี โดยการจ้างงานในภาคนอกเกษตรยังเป็นแหล่งการจ้างงานที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่อุปสงค์การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวดีตามเศรษฐกิจภายในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ด้านการค้าต่างประเทศ มูลค่าการนำเข้าขยายตัวในอัตราเร่ง โดยเฉพาะในสินค้าวัตถุดิบ และสินค้าทุน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของการขยายตัวของการผลิตและการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับกับอุปสงค์ภายในและภายนอกประเทศ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังทรงตัว ขณะที่เงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ”
นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แถลงรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ดังนี้
ภาวะการจ้างงานยังคงอย่างตัวอยู่ในเกณฑ์ดีตามภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยในเดือนกุมภาพันธ์ อัตราการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นจำนวน 504.3 พันตำแหน่ง หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ต่อปี โดยภาคนอกเกษตรเป็นแหล่งที่ยังมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขยายตัวร้อยละ 3.1 ขณะที่ภาคการเกษตรยังประสบปัญหาภัยแล้ง ส่งผลให้การจ้างงานลดลงร้อยละ 1.7 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน สำหรับอัตราการว่างงานเดือนกุมภาพันธ์ยังอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 2.3 ลดลงจากร้อยละ 3.3 ในเดือนมกราคม สะท้อนถึงเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวทำให้ความต้องการแรงงานยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ภาคการเกษตรพบว่าได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง ส่งผลให้ความต้องการแรงงานทำการเกษตรลดลง ในเดือนกุมภาพันธ์ การจ้างงานภาคการเกษตรลดลงร้อยละ 1.7 ต่อปี ขณะที่การผลผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ เช่น ข้าว ข้าวโพด และอ้อย ในเดือนมกราคม ลดลงร้อยละ 1.9 ต่อปี
ภาคอุตสาหกรรมยังคงใช้อัตราการผลิตในระดับที่สูง โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ร้อยละ 71.2 ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า สอดคล้องกับผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ต่อปี โดยอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวสูง ได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และวัสดุก่อสร้าง ขณะที่ในเดือนกุมภาพันธ์ การจ้างงานภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 0.6 จากระยะเดียวกันของปีก่อน
ภาคการก่อสร้างยังคงขยายตัวสูง ตามการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยการจ้างงานภาคก่อสร้างในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับการผลิตวัสดุก่อสร้างยังคงขยายตัวสูงเพื่อรองรับกับอุปสงค์ของภาคก่อสร้างที่กำลังขยายตัวดี โดยในเดือนมกราคมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างขยายตัวร้อยละ 16.9 ต่อปี
สำหรับภาคการค้าโดยรวมยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยการจ้างงานในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 ต่อปี ขณะที่ดัชนีชีภาวะการค้า โดยภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการใช้จ่ายในประเทศในเดือนกุมภาพันธ์กลับมาขยายตัวสูงถึงร้อยละ 33.3 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการจับจ่ายใช้สอยในเทศกาลตรุษจีนในช่วงต้นเดือน
ภาคการโรงแรมเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากได้รับผลกระทบจาก Tsunami โดยอัตราการจ้างงานภาคการโรงแรมในเดือนกุมภาพันธ์กลับมาขยายตัวร้อยละ 1.3 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากลดลงร้อยละ 3.0 ในเดือนก่อน ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านท่าอากาศยานดอนเมืองเดือนกุมภาพันธ์มีจำนวน 6.5 แสนราย หดตัวที่ร้อยละ 0.6 ปรับตัวดีขึ้นจากลดลงร้อยละ 18.8 ในเดือนก่อน ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติในภาคใต้ สำหรับอัตราการเข้าพักโรงแรมในเดือนมกราคมยังทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 65.4 อย่างไรก็ตามคาดว่าภาวการณ์ท่องเที่ยวจะปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการการส่งเสริมการท่องเที่ยว และการชี้แจงทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยว
นายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวเพิ่ม ดังนี้
การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี อุปสงค์ของการบริโภคของประชาชนยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยการจัดเก็บรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือนกุมภาพันธ์ขยายตัวที่ร้อยละ 23..0 อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 89.4 ใกล้เคียวกับเดือนก่อน โดยได้รับผลบวกจากการที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้สำเร็จ ประกอบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็ยังได้รับผลกระทบจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ
การลงทุนภาคเอกชนยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการลงทุนในเครื่องมือเครื่องจักร พบว่าการนำเข้าสินค้าทุนในเดือนกุมภาพันธ์กลับมาขยายตัวร้อยละ 13.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกรรมการซื้อขายบ้านและที่ดินยังขยายตัวดี โดยภาษีที่จัดเก็บจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวร้อยละ 16.1 ต่อปี
การค้าระหว่างประเทศขยายตัวสูง มูลค่าการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 7,745.1 ล้านเหรียญดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 5.4 โดยเขยายตัวสูงในกลุ่มสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรม ขณะที่การนำเข้าเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 8,270.2 ล้านเหรียญดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 22.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กลุ่มสินค้าที่มีการขยายตัวสูง ได้แก่ สินค้าขั้นกลาง และวัตถุดิบ และสินค้าทุน ซึ่งเป็นการนำเข้ามาเพื่อการผลิต และการลงทุนในประเทศ ส่งผลให้ดุลการค้าประจำเดือนกุมภาพันธ์ขาดดุลทั้งสิ้น 525.1 ล้านเหรียญดอลลาร์ สรอ.
ดัชนีราคามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยในเดือนกุมภาพันธ์ ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 16.7 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 6.6 ในเดือนก่อน เป็นผลส่วนใหญ่จากราคาสินค้ากลุ่มธัญพืช ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด และมันสำปะหลัง และราคาไก่ ไข่ไก่ และ ไข่เป็ดที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตขยายตัวร้อยละ 9.0 ต่อปี ปรับสูงขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน โดยเป็นผลจากราคาผลผลิตการเกษตร และผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียมปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ร้อยละ 2.5 ลดลงจากร้อยละ 2.7 ในเดือนก่อน โดยราคาหมวดที่ไม่อาหารและเครื่องดื่มขยายตัวร้อยละ 1.7 ขณะที่ราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 ขณะที่หมวดพลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 ตามการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเบนซิน และดีเซล สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ใกล้เคียงกับร้อยละ 0.7 ในเดือนก่อน
เสถียรภาพทางต่างประเทศยังอยู่ระดับที่น่าพอใจ โดยอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 38.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน เนื่องจากแรงกดดันของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ทุนสำรองระหว่างประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง โดย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ที่ 49.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับมูลค่าการนำเข้า 6 เดือน หรือ 4.4 เท่าของหนี้ต่างประเทศระยะสั้น
--ข่าวสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ฉบับที่ 2/2548 30 มีนาคม 2548--
นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แถลงรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ดังนี้
ภาวะการจ้างงานยังคงอย่างตัวอยู่ในเกณฑ์ดีตามภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยในเดือนกุมภาพันธ์ อัตราการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นจำนวน 504.3 พันตำแหน่ง หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ต่อปี โดยภาคนอกเกษตรเป็นแหล่งที่ยังมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขยายตัวร้อยละ 3.1 ขณะที่ภาคการเกษตรยังประสบปัญหาภัยแล้ง ส่งผลให้การจ้างงานลดลงร้อยละ 1.7 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน สำหรับอัตราการว่างงานเดือนกุมภาพันธ์ยังอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 2.3 ลดลงจากร้อยละ 3.3 ในเดือนมกราคม สะท้อนถึงเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวทำให้ความต้องการแรงงานยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ภาคการเกษตรพบว่าได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง ส่งผลให้ความต้องการแรงงานทำการเกษตรลดลง ในเดือนกุมภาพันธ์ การจ้างงานภาคการเกษตรลดลงร้อยละ 1.7 ต่อปี ขณะที่การผลผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ เช่น ข้าว ข้าวโพด และอ้อย ในเดือนมกราคม ลดลงร้อยละ 1.9 ต่อปี
ภาคอุตสาหกรรมยังคงใช้อัตราการผลิตในระดับที่สูง โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ร้อยละ 71.2 ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า สอดคล้องกับผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ต่อปี โดยอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวสูง ได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และวัสดุก่อสร้าง ขณะที่ในเดือนกุมภาพันธ์ การจ้างงานภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 0.6 จากระยะเดียวกันของปีก่อน
ภาคการก่อสร้างยังคงขยายตัวสูง ตามการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยการจ้างงานภาคก่อสร้างในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับการผลิตวัสดุก่อสร้างยังคงขยายตัวสูงเพื่อรองรับกับอุปสงค์ของภาคก่อสร้างที่กำลังขยายตัวดี โดยในเดือนมกราคมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างขยายตัวร้อยละ 16.9 ต่อปี
สำหรับภาคการค้าโดยรวมยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยการจ้างงานในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 ต่อปี ขณะที่ดัชนีชีภาวะการค้า โดยภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการใช้จ่ายในประเทศในเดือนกุมภาพันธ์กลับมาขยายตัวสูงถึงร้อยละ 33.3 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการจับจ่ายใช้สอยในเทศกาลตรุษจีนในช่วงต้นเดือน
ภาคการโรงแรมเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากได้รับผลกระทบจาก Tsunami โดยอัตราการจ้างงานภาคการโรงแรมในเดือนกุมภาพันธ์กลับมาขยายตัวร้อยละ 1.3 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากลดลงร้อยละ 3.0 ในเดือนก่อน ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านท่าอากาศยานดอนเมืองเดือนกุมภาพันธ์มีจำนวน 6.5 แสนราย หดตัวที่ร้อยละ 0.6 ปรับตัวดีขึ้นจากลดลงร้อยละ 18.8 ในเดือนก่อน ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติในภาคใต้ สำหรับอัตราการเข้าพักโรงแรมในเดือนมกราคมยังทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 65.4 อย่างไรก็ตามคาดว่าภาวการณ์ท่องเที่ยวจะปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการการส่งเสริมการท่องเที่ยว และการชี้แจงทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยว
นายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวเพิ่ม ดังนี้
การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี อุปสงค์ของการบริโภคของประชาชนยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยการจัดเก็บรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือนกุมภาพันธ์ขยายตัวที่ร้อยละ 23..0 อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 89.4 ใกล้เคียวกับเดือนก่อน โดยได้รับผลบวกจากการที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้สำเร็จ ประกอบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็ยังได้รับผลกระทบจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ
การลงทุนภาคเอกชนยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการลงทุนในเครื่องมือเครื่องจักร พบว่าการนำเข้าสินค้าทุนในเดือนกุมภาพันธ์กลับมาขยายตัวร้อยละ 13.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกรรมการซื้อขายบ้านและที่ดินยังขยายตัวดี โดยภาษีที่จัดเก็บจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวร้อยละ 16.1 ต่อปี
การค้าระหว่างประเทศขยายตัวสูง มูลค่าการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 7,745.1 ล้านเหรียญดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 5.4 โดยเขยายตัวสูงในกลุ่มสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรม ขณะที่การนำเข้าเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 8,270.2 ล้านเหรียญดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 22.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กลุ่มสินค้าที่มีการขยายตัวสูง ได้แก่ สินค้าขั้นกลาง และวัตถุดิบ และสินค้าทุน ซึ่งเป็นการนำเข้ามาเพื่อการผลิต และการลงทุนในประเทศ ส่งผลให้ดุลการค้าประจำเดือนกุมภาพันธ์ขาดดุลทั้งสิ้น 525.1 ล้านเหรียญดอลลาร์ สรอ.
ดัชนีราคามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยในเดือนกุมภาพันธ์ ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 16.7 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 6.6 ในเดือนก่อน เป็นผลส่วนใหญ่จากราคาสินค้ากลุ่มธัญพืช ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด และมันสำปะหลัง และราคาไก่ ไข่ไก่ และ ไข่เป็ดที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตขยายตัวร้อยละ 9.0 ต่อปี ปรับสูงขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน โดยเป็นผลจากราคาผลผลิตการเกษตร และผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียมปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ร้อยละ 2.5 ลดลงจากร้อยละ 2.7 ในเดือนก่อน โดยราคาหมวดที่ไม่อาหารและเครื่องดื่มขยายตัวร้อยละ 1.7 ขณะที่ราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 ขณะที่หมวดพลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 ตามการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเบนซิน และดีเซล สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ใกล้เคียงกับร้อยละ 0.7 ในเดือนก่อน
เสถียรภาพทางต่างประเทศยังอยู่ระดับที่น่าพอใจ โดยอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 38.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน เนื่องจากแรงกดดันของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ทุนสำรองระหว่างประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง โดย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ที่ 49.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับมูลค่าการนำเข้า 6 เดือน หรือ 4.4 เท่าของหนี้ต่างประเทศระยะสั้น
--ข่าวสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ฉบับที่ 2/2548 30 มีนาคม 2548--