ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ระบุการชะลอลงของดัชนีการลงทุนภาคเอกชนในเดือน ต.ค.48 มีสาเหตุจากความเชื่อมั่น
ธุรกิจลดลง นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงการชะลอลงของดัชนี
การลงทุนภาคเอกชนในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ
ธปท. เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยการให้สินเชื่อยังไม่ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก แต่การลดลงของดัชนีการลงทุนดังกล่าวชะลอ
ลงเนื่องมาจากปัจจัยเรื่องความเชื่อมั่นของนักธุรกิจที่อาจจะชะลอการตัดสินใจ เมื่อยังไม่แน่ใจในภาวะเศรษฐกิจ
มากกว่า ทั้งนี้ จากข้อมูลดัชนีการลงทุนภาคเอกชนล่าสุดในเดือน ต.ค.มีดัชนีอยู่ที่ระดับ 88.3 ลดลงมาจากเดือน
ก่อนหน้าที่ 88.7 หรือมีการขยายตัวในอัตราร้อยละ 6.7 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวได้ถึงร้อยละ 7.6 ซึ่ง
เป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับการขยายตัวในอัตราร้อยละ 11 ในไตรมาสแรกของปีนี้ และลดลงมาเหลือ
ร้อยละ 10.6 และ 7.6 ในไตรมาส 2 และ 3 ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของนักธุรกิจในเดือน ต.ค.มี
ระดับความเชื่อมั่นในระดับต่ำต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 โดยอยู่ที่ระดับ 45.1 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ย.ที่ระดับ
44.3 โดยองค์ประกอบของดัชนีความเชื่อมั่นส่วนใหญ่มีการปรับตัวดีขึ้น เว้นแต่ปัจจัยด้านการผลิต ขณะที่ความเชื่อมั่น
ของนักธุรกิจต่อสถานการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ก็ปรับตัวดีขึ้น จากระดับ 50.9 ในเดือน ก.ย. เป็นระดับ 51.5 (กรุงเทพธุรกิจ)
2. ภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 3 ปี 48 ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า รายงานจากสาย
นโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 3 ปี
48 ค่อนข้างทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น รวมทั้งต้อง
เผชิญกับแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งความต้องการซื้อบ้านที่ลดลงส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยระดับบน ส่วนที่อยู่
อาศัยระดับปานกลางและระดับล่างยังคงมีการขยายตัวได้ ทั้งนี้ ธปท.คาดว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในระยะต่อไปมี
แนวโน้มทรงตัวต่อเนื่อง เพราะความต้องการซื้อของประชาชนที่ลดลงตามกำลังซื้อที่ลดลง ขณะที่ผู้ประกอบการก็มี
การพัฒนาปรับที่อยู่อาศัยให้มีขนาดเล็กลงตามความต้องการของผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อลดลงจากการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่
ในช่วงขาขึ้น (ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
3. บ.เพิร์คเผยผลสำรวจความเห็นของผู้บริหารต่างชาติมองการทุจริตไทยเปลี่ยนจากการให้สินบน
เป็นการแก้ไขกฎหมายเอื้อธุรกิจขนาดใหญ่ บริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ (เพิร์ค) เผยผล
การสำรวจความเห็นผู้บริหารต่างชาติชั้นนำ 96 คน รวมทั้ง ธ.ข้ามชาติ ซึ่งส่วนใหญ่มาจาก สรอ. และยุโรป ที่มี
ประสบการณ์ทำงานในภูมิภาคเอเชียตั้งแต่เดือน ก.ย.-ต.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ผู้บริหารต่างชาติมองว่า การทุจริต
เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการลงทุนและการขยายตัวทางธุรกิจในประเทศกำลังพัฒนาของเอเชีย ซึ่งสิงคโปร์และฮ่องกง
ถูกมองว่ามีปัญหาการทุจริตน้อยสุด โดยสิงคโปร์ครองอันดับหนึ่งด้วยคะแนน 0.89 ทั้งนี้ ลำดับคะแนนที่ดีที่สุด คือ 0
แย่สุดคือ 10 โดยได้ทำการสำรวจใน 12 ประเทศและเขตปกครองพิเศษ ส่วนฮ่องกงอยู่อันดับ 2 ด้วยคะแนน
1.22 ตามมาด้วยญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย ไต้หวัน ในขณะที่ไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 7 ด้วยคะแนน 6.2 รองลง
ไป คือ จีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ส่วนอินโดนีเซียอยู่ในลำดับแย่สุดด้วยคะแนน 9.44 สำหรับไทยผู้บริหาร
ต่างชาติยอมรับว่า การให้สินบนโดยตรงลดน้อยลง และไม่ค่อยเป็นปัญหามากนัก แต่การทุจริตกลับเข้มข้นในบางรูป
แบบ ทั้งนี้ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เอื้อต่อธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งหลายแห่งมีความ
สัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักการเมืองที่มีอิทธิพล (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ก.คลังเตรียมออกตั๋วเงินคลัง 80,000 ล้านบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยระหว่างร้อยละ 2-3 ผอ.
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ก.คลังจะออกตั๋วเงินคลัง 80,000 ล้านบาท โดยในงวดแรก
จะออกจำนวน 28,000 ล้านบาท เป็นระยะใกล้เคียงกับตั๋วเงินคลังเดิมที่ขอกู้ไว้ก่อนหน้านี้ 40,000 ล้านบาท รวม
เป็น 68,000 ล้านบาท สำหรับอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ระหว่างร้อยละ 2-3 ขึ้นอยู่กับการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของแต่
ธนาคารที่จะให้อัตราต่ำที่สุด ทั้งนี้ งวดแรกจะออกระหว่างวันที่ 2-26 ธ.ค.48 และคาดว่าตั๋วเงินในงวดนี้จะเพียง
พอสำหรับการใช้จ่ายจนถึงเดือน มิ.ย.49 จากนั้นจะทยอยออกอีกจนครบ 80,000 ล้านบาท (โลกวันนี้)
5. ธ.ออมสินเตรียมออกสลากออมสินรุ่นพิเศษอายุ 5 ปี รมว.คลัง เปิดเผยว่า หลังจาก ก.คลัง
มีนโยบายให้ ธ.ออมสินเป็นหน่วยงานในการระดมทุนให้แก่ ธ.อาคารสงเคราะห์ เพื่อให้ธนาคารสามารถปล่อยสิน
เชื่อที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนได้ โดยมีต้นทุนการบริหารเงินที่ถูกที่สุด ทาง ธ.ออมสินจะใช้วิธีการระดมทุน ด้วยการ
ออกสลากออมสินชุดพิเศษจำหน่ายแก่ประชาชนเป็นการเฉพาะ เพื่อนำเงินที่ระดมทุนได้ไปปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้
แก่ ธอส.อีกทอดหนึ่ง โดยสลากดังกล่าวจะมีอายุประมาณ 5 ปี ส่วนรายละเอียดการเสนอขาย ทั้งวงเงิน และ
อัตราผลตอบแทน ทางธนาคารอยู่ระหว่างการพิจารณา (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยรัฐ, เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. สรอ. จะเรียกร้องให้ทั่วโลกร่วมมือกันในการเจรจาการค้าโลกที่เมืองโดฮา รายงานจากกรุง
ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.48 John Snow รมว.คลัง สรอ. กล่าวว่า เขาและ Gordon
Brown รมว.คลังของอังกฤษ เห็นพ้องต้องกันว่าจะใช้เวทีการเจรจาการค้าโลกที่เมืองโดฮา เรียกร้องให้ทั่วโลก
ร่วมมือกันเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวกลับคืนมาอีกครั้ง โดยจะพยายามผลักดันให้เศรษฐกิจโลกก้าวเดินต่อไป
ข้างหน้าอย่างมั่นคง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือจากนานาประเทศเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
โดย สรอ. ได้เตรียมพร้อมที่จะเปิดตลาดการค้าเพิ่มมากขึ้น แต่ประเทศอื่นก็ต้องทำเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ การเจรจา
การค้าโลกหลายครั้งที่ผ่านมาที่ดำเนินการโดยองค์การการค้าโลก (WTO) ประสบปัญหายุ่งยากมากมาย เนื่องจากมี
ข้อโต้แย้งอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการให้เงินสนับสนุนภาคเกษตรกรรมของประเทศร่ำรวย (รอยเตอร์)
2. ผู้ควบคุมธนาคารจีนเตือนธนาคารให้ระมัดระวังหนี้เสียที่จะเพิ่มขึ้นจากภาคอุตสาหกรรม รายงาน
จากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 48 นาย Liu Mingkang ประธานของ China Banking Regulatory
Commission เตือนว่า ธนาคารจะได้รับผลกระทบจากช่วงขาลงของอุตสาหกรรมที่มีกำลังการผลิตส่วนเกินจำนวน
มาก ที่รัฐบาลจีนไม่ให้การส่งเสริมแต่กลับมีนโยบายที่จะลดความร้อนแรงในภาคการผลิตดังกล่าวลง อาทิ
อุตสาหกรรมเหล็ก ทองแดง และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งธนาคารต้องควบคุมหนี้เสียซึ่งเป็นปัญหาหลักที่อาจจะเป็นหนี้เสีย
ย้อนกลับได้ โดยธนาคารต้องระมัดระวังความเสี่ยงที่จะเพิ่มขึ้นซึ่งจะกระทบต่อธุรกิจในอนาคตอย่างแน่นอน ทั้งนี้
ธนาคารต้องเร่งควบคุมความเสี่ยงให้เข้มงวดขึ้นโดยมีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางเกาหลีใต้คาดว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5.0 ต่อปี รายงานจาก
โซล เมื่อ 6 ธ.ค.48 ธ.กลางเกาหลีใต้คาดว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5.0 ต่อปีในปี
หน้า หลังจากคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.9 ต่อปีในปีนี้ ทั้งนี้เป็นผลจากการคาดว่าการใช้จ่ายของภาคเอกชนซึ่งมี
สัดส่วนมากกว่าครึ่งของผลผลิตมวลรวมในประเทศจะขยายตัวร้อยละ 4.5 ต่อปีในปีหน้า หลังจากคาดว่าจะขยายตัว
ร้อยละ 3.0 ต่อปีในปีนี้ โดยการใช้จ่ายของภาคเอกชนในปีนี้เพิ่มขึ้นทุกไตรมาสเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี
ก่อน เช่นเดียวกับผลสำรวจโดยรอยเตอร์ที่คาดว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้ในปีหน้าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.8
ต่อปีจากร้อยละ 3.9 ต่อปีในปีนี้ อย่างไรก็ดี คาดว่า ธ.กลางเกาหลีใต้จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในไตรมาสแรกปี
หน้าเป็นอย่างเร็ว จากการที่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี
ในเดือน ต.ค.48 ที่ผ่านมา ทำให้อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 3.50 ต่อปี โดยเศรษฐกิจเกาหลีใต้ขยายตัว
ร้อยละ 1.9 ในไตรมาสที่ 3 ปีนี้จากไตรมาสก่อน สูงสุดนับตั้งแต่ขยายตัวร้อยละ 2.8 ในไตรมาสที่ 4 ปี 46
(รอยเตอร์)
4. เดือน ต.ค.48 การส่งออกของมาเลเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 เทียบต่อปี รายงานจากกัว
ลาลัมเปอร์เมื่อ 5 ธ.ค.48 ทางการมาเลเซีย เปิดเผยว่า การส่งออกของมาเลเซียในเดือน ต.ค.48 เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 12.4 เทียบต่อปี หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 ในเดือนก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักจากความต้องการสินค้า
อิเล็กทรอนิกส์และสินค้าเคมีภัณฑ์ในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่มีสัดส่วนการส่ง
ออกเป็นครึ่งหนึ่งของสินค้าออกโดยรวมของมาเลเซีย สำหรับการนำเข้าในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 ส่งผล
ให้เกินดุลการค้าเป็นจำนวน 10.5 พัน ล.ริงกิต (2.8 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) สูงกว่าการคาดการณ์ของนัก
เศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเกินดุลการค้าจำนวน 8.6 พัน ล.ริงกิต โดยนักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์การส่งออกว่า
จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 และการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 อนึ่ง ทางการมาเลเซียได้คาดการณ์อัตราการเติบโต
ของการส่งออกและการนำเข้าในปี 48 ไว้ที่ร้อยละ 10.8 และ 8.9 ตามลำดับ จากปี 47 ที่ขยายตัวร้อยละ
20.8 และ 26.4 ตามลำดับ นอกจากนี้ ได้คาดการณ์อัตราการเติบโตในปี 49 ไว้ที่ร้อยละ 11.1 และ 12.6
ตามลำดับ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 6 ธ.ค. 48 2 ธ.ค.48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.368 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.1558/41.4525 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.82063 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 659.91/ 11.56 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 9,850/9,950 9,700/9,800 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 52.46 52.1 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 30 พ.ย. 48 24.84*/22.69** 24.84*/22.69** 16.99/14.59 ปตท.
** ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 14 พ.ย. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ระบุการชะลอลงของดัชนีการลงทุนภาคเอกชนในเดือน ต.ค.48 มีสาเหตุจากความเชื่อมั่น
ธุรกิจลดลง นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงการชะลอลงของดัชนี
การลงทุนภาคเอกชนในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ
ธปท. เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยการให้สินเชื่อยังไม่ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก แต่การลดลงของดัชนีการลงทุนดังกล่าวชะลอ
ลงเนื่องมาจากปัจจัยเรื่องความเชื่อมั่นของนักธุรกิจที่อาจจะชะลอการตัดสินใจ เมื่อยังไม่แน่ใจในภาวะเศรษฐกิจ
มากกว่า ทั้งนี้ จากข้อมูลดัชนีการลงทุนภาคเอกชนล่าสุดในเดือน ต.ค.มีดัชนีอยู่ที่ระดับ 88.3 ลดลงมาจากเดือน
ก่อนหน้าที่ 88.7 หรือมีการขยายตัวในอัตราร้อยละ 6.7 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวได้ถึงร้อยละ 7.6 ซึ่ง
เป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับการขยายตัวในอัตราร้อยละ 11 ในไตรมาสแรกของปีนี้ และลดลงมาเหลือ
ร้อยละ 10.6 และ 7.6 ในไตรมาส 2 และ 3 ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของนักธุรกิจในเดือน ต.ค.มี
ระดับความเชื่อมั่นในระดับต่ำต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 โดยอยู่ที่ระดับ 45.1 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ย.ที่ระดับ
44.3 โดยองค์ประกอบของดัชนีความเชื่อมั่นส่วนใหญ่มีการปรับตัวดีขึ้น เว้นแต่ปัจจัยด้านการผลิต ขณะที่ความเชื่อมั่น
ของนักธุรกิจต่อสถานการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ก็ปรับตัวดีขึ้น จากระดับ 50.9 ในเดือน ก.ย. เป็นระดับ 51.5 (กรุงเทพธุรกิจ)
2. ภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 3 ปี 48 ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า รายงานจากสาย
นโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 3 ปี
48 ค่อนข้างทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น รวมทั้งต้อง
เผชิญกับแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งความต้องการซื้อบ้านที่ลดลงส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยระดับบน ส่วนที่อยู่
อาศัยระดับปานกลางและระดับล่างยังคงมีการขยายตัวได้ ทั้งนี้ ธปท.คาดว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในระยะต่อไปมี
แนวโน้มทรงตัวต่อเนื่อง เพราะความต้องการซื้อของประชาชนที่ลดลงตามกำลังซื้อที่ลดลง ขณะที่ผู้ประกอบการก็มี
การพัฒนาปรับที่อยู่อาศัยให้มีขนาดเล็กลงตามความต้องการของผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อลดลงจากการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่
ในช่วงขาขึ้น (ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
3. บ.เพิร์คเผยผลสำรวจความเห็นของผู้บริหารต่างชาติมองการทุจริตไทยเปลี่ยนจากการให้สินบน
เป็นการแก้ไขกฎหมายเอื้อธุรกิจขนาดใหญ่ บริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ (เพิร์ค) เผยผล
การสำรวจความเห็นผู้บริหารต่างชาติชั้นนำ 96 คน รวมทั้ง ธ.ข้ามชาติ ซึ่งส่วนใหญ่มาจาก สรอ. และยุโรป ที่มี
ประสบการณ์ทำงานในภูมิภาคเอเชียตั้งแต่เดือน ก.ย.-ต.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ผู้บริหารต่างชาติมองว่า การทุจริต
เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการลงทุนและการขยายตัวทางธุรกิจในประเทศกำลังพัฒนาของเอเชีย ซึ่งสิงคโปร์และฮ่องกง
ถูกมองว่ามีปัญหาการทุจริตน้อยสุด โดยสิงคโปร์ครองอันดับหนึ่งด้วยคะแนน 0.89 ทั้งนี้ ลำดับคะแนนที่ดีที่สุด คือ 0
แย่สุดคือ 10 โดยได้ทำการสำรวจใน 12 ประเทศและเขตปกครองพิเศษ ส่วนฮ่องกงอยู่อันดับ 2 ด้วยคะแนน
1.22 ตามมาด้วยญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย ไต้หวัน ในขณะที่ไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 7 ด้วยคะแนน 6.2 รองลง
ไป คือ จีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ส่วนอินโดนีเซียอยู่ในลำดับแย่สุดด้วยคะแนน 9.44 สำหรับไทยผู้บริหาร
ต่างชาติยอมรับว่า การให้สินบนโดยตรงลดน้อยลง และไม่ค่อยเป็นปัญหามากนัก แต่การทุจริตกลับเข้มข้นในบางรูป
แบบ ทั้งนี้ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เอื้อต่อธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งหลายแห่งมีความ
สัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักการเมืองที่มีอิทธิพล (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ก.คลังเตรียมออกตั๋วเงินคลัง 80,000 ล้านบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยระหว่างร้อยละ 2-3 ผอ.
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ก.คลังจะออกตั๋วเงินคลัง 80,000 ล้านบาท โดยในงวดแรก
จะออกจำนวน 28,000 ล้านบาท เป็นระยะใกล้เคียงกับตั๋วเงินคลังเดิมที่ขอกู้ไว้ก่อนหน้านี้ 40,000 ล้านบาท รวม
เป็น 68,000 ล้านบาท สำหรับอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ระหว่างร้อยละ 2-3 ขึ้นอยู่กับการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของแต่
ธนาคารที่จะให้อัตราต่ำที่สุด ทั้งนี้ งวดแรกจะออกระหว่างวันที่ 2-26 ธ.ค.48 และคาดว่าตั๋วเงินในงวดนี้จะเพียง
พอสำหรับการใช้จ่ายจนถึงเดือน มิ.ย.49 จากนั้นจะทยอยออกอีกจนครบ 80,000 ล้านบาท (โลกวันนี้)
5. ธ.ออมสินเตรียมออกสลากออมสินรุ่นพิเศษอายุ 5 ปี รมว.คลัง เปิดเผยว่า หลังจาก ก.คลัง
มีนโยบายให้ ธ.ออมสินเป็นหน่วยงานในการระดมทุนให้แก่ ธ.อาคารสงเคราะห์ เพื่อให้ธนาคารสามารถปล่อยสิน
เชื่อที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนได้ โดยมีต้นทุนการบริหารเงินที่ถูกที่สุด ทาง ธ.ออมสินจะใช้วิธีการระดมทุน ด้วยการ
ออกสลากออมสินชุดพิเศษจำหน่ายแก่ประชาชนเป็นการเฉพาะ เพื่อนำเงินที่ระดมทุนได้ไปปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้
แก่ ธอส.อีกทอดหนึ่ง โดยสลากดังกล่าวจะมีอายุประมาณ 5 ปี ส่วนรายละเอียดการเสนอขาย ทั้งวงเงิน และ
อัตราผลตอบแทน ทางธนาคารอยู่ระหว่างการพิจารณา (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยรัฐ, เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. สรอ. จะเรียกร้องให้ทั่วโลกร่วมมือกันในการเจรจาการค้าโลกที่เมืองโดฮา รายงานจากกรุง
ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.48 John Snow รมว.คลัง สรอ. กล่าวว่า เขาและ Gordon
Brown รมว.คลังของอังกฤษ เห็นพ้องต้องกันว่าจะใช้เวทีการเจรจาการค้าโลกที่เมืองโดฮา เรียกร้องให้ทั่วโลก
ร่วมมือกันเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวกลับคืนมาอีกครั้ง โดยจะพยายามผลักดันให้เศรษฐกิจโลกก้าวเดินต่อไป
ข้างหน้าอย่างมั่นคง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือจากนานาประเทศเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
โดย สรอ. ได้เตรียมพร้อมที่จะเปิดตลาดการค้าเพิ่มมากขึ้น แต่ประเทศอื่นก็ต้องทำเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ การเจรจา
การค้าโลกหลายครั้งที่ผ่านมาที่ดำเนินการโดยองค์การการค้าโลก (WTO) ประสบปัญหายุ่งยากมากมาย เนื่องจากมี
ข้อโต้แย้งอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการให้เงินสนับสนุนภาคเกษตรกรรมของประเทศร่ำรวย (รอยเตอร์)
2. ผู้ควบคุมธนาคารจีนเตือนธนาคารให้ระมัดระวังหนี้เสียที่จะเพิ่มขึ้นจากภาคอุตสาหกรรม รายงาน
จากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 48 นาย Liu Mingkang ประธานของ China Banking Regulatory
Commission เตือนว่า ธนาคารจะได้รับผลกระทบจากช่วงขาลงของอุตสาหกรรมที่มีกำลังการผลิตส่วนเกินจำนวน
มาก ที่รัฐบาลจีนไม่ให้การส่งเสริมแต่กลับมีนโยบายที่จะลดความร้อนแรงในภาคการผลิตดังกล่าวลง อาทิ
อุตสาหกรรมเหล็ก ทองแดง และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งธนาคารต้องควบคุมหนี้เสียซึ่งเป็นปัญหาหลักที่อาจจะเป็นหนี้เสีย
ย้อนกลับได้ โดยธนาคารต้องระมัดระวังความเสี่ยงที่จะเพิ่มขึ้นซึ่งจะกระทบต่อธุรกิจในอนาคตอย่างแน่นอน ทั้งนี้
ธนาคารต้องเร่งควบคุมความเสี่ยงให้เข้มงวดขึ้นโดยมีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางเกาหลีใต้คาดว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5.0 ต่อปี รายงานจาก
โซล เมื่อ 6 ธ.ค.48 ธ.กลางเกาหลีใต้คาดว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5.0 ต่อปีในปี
หน้า หลังจากคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.9 ต่อปีในปีนี้ ทั้งนี้เป็นผลจากการคาดว่าการใช้จ่ายของภาคเอกชนซึ่งมี
สัดส่วนมากกว่าครึ่งของผลผลิตมวลรวมในประเทศจะขยายตัวร้อยละ 4.5 ต่อปีในปีหน้า หลังจากคาดว่าจะขยายตัว
ร้อยละ 3.0 ต่อปีในปีนี้ โดยการใช้จ่ายของภาคเอกชนในปีนี้เพิ่มขึ้นทุกไตรมาสเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี
ก่อน เช่นเดียวกับผลสำรวจโดยรอยเตอร์ที่คาดว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้ในปีหน้าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.8
ต่อปีจากร้อยละ 3.9 ต่อปีในปีนี้ อย่างไรก็ดี คาดว่า ธ.กลางเกาหลีใต้จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในไตรมาสแรกปี
หน้าเป็นอย่างเร็ว จากการที่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี
ในเดือน ต.ค.48 ที่ผ่านมา ทำให้อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 3.50 ต่อปี โดยเศรษฐกิจเกาหลีใต้ขยายตัว
ร้อยละ 1.9 ในไตรมาสที่ 3 ปีนี้จากไตรมาสก่อน สูงสุดนับตั้งแต่ขยายตัวร้อยละ 2.8 ในไตรมาสที่ 4 ปี 46
(รอยเตอร์)
4. เดือน ต.ค.48 การส่งออกของมาเลเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 เทียบต่อปี รายงานจากกัว
ลาลัมเปอร์เมื่อ 5 ธ.ค.48 ทางการมาเลเซีย เปิดเผยว่า การส่งออกของมาเลเซียในเดือน ต.ค.48 เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 12.4 เทียบต่อปี หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 ในเดือนก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักจากความต้องการสินค้า
อิเล็กทรอนิกส์และสินค้าเคมีภัณฑ์ในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่มีสัดส่วนการส่ง
ออกเป็นครึ่งหนึ่งของสินค้าออกโดยรวมของมาเลเซีย สำหรับการนำเข้าในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 ส่งผล
ให้เกินดุลการค้าเป็นจำนวน 10.5 พัน ล.ริงกิต (2.8 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) สูงกว่าการคาดการณ์ของนัก
เศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเกินดุลการค้าจำนวน 8.6 พัน ล.ริงกิต โดยนักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์การส่งออกว่า
จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 และการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 อนึ่ง ทางการมาเลเซียได้คาดการณ์อัตราการเติบโต
ของการส่งออกและการนำเข้าในปี 48 ไว้ที่ร้อยละ 10.8 และ 8.9 ตามลำดับ จากปี 47 ที่ขยายตัวร้อยละ
20.8 และ 26.4 ตามลำดับ นอกจากนี้ ได้คาดการณ์อัตราการเติบโตในปี 49 ไว้ที่ร้อยละ 11.1 และ 12.6
ตามลำดับ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 6 ธ.ค. 48 2 ธ.ค.48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.368 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.1558/41.4525 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.82063 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 659.91/ 11.56 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 9,850/9,950 9,700/9,800 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 52.46 52.1 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 30 พ.ย. 48 24.84*/22.69** 24.84*/22.69** 16.99/14.59 ปตท.
** ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 14 พ.ย. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--