คณะอนุกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีด้านสารสนเทศ สื่อสาร และคมนาคม โดยมี ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เป็นประธานในการประชุมเพื่อศึกษา เรื่องบัตรประชาชนอิเลคทรอนิค หรือสมาร์ทการ์ด
คณะอนุกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีด้านสารสนเทศ สื่อสาร และคมนาคม โดยมี ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เป็นประธานในการประชุมเพื่อศึกษา เรื่องบัตรประชาชนอิเลคทรอนิค หรือสมาร์ทการ์ดอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้เชิญกระทรวงไอซีที มาชี้แจงถึงการจัดซื้อที่ยังไม่สามารถตรวจรับได้ และคณะอนุกรรมาธิการก็ได้เข้าเยี่ยมชมและรับฟังการบรรยายเกี่ยวกับสมาร์ทการ์ด ณ กรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย ซึ่งปรากฏว่า บัตรสมาร์ทการ์ดที่จัดซื้อโดยกระทรวงไอซีที มีคุณสมบัติไม่ตรงกับเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในการจัดซื้อ โดยเฉพาะในส่วนของหน่วยความจำของ MEMORY CHIP นอกจากนั้นยังมีกรณีที่ทำให้เกิดการผูกขาดในการจัดซื้อบัตรสมาร์ทการ์ดในครั้งต่อไปได้ เพราะเหตุว่าเทคโนโลยีของบัตรสมาร์ทการ์ดที่อยู่ระหว่างส่งมอบและตรวจรับอยู่ในขณะนี้ ต้องมีการใช้หน่วยความจำจาก 2 ส่วนภายในบัตรผสมผสานกันเพื่อให้สามารถทำงานได้ตามความต้องการของกรมการปกครองและประเด็นที่สำคัญที่สุด คือ กรรมวิธีในการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นความลับของประชาชนผู้เป็นเจ้าของบัตร สามารถถูกล้วงเอาความลับได้ โดยกลุ่มคนที่ไม่หวังดีประสงค์ร้าย
จากการชี้แจงของทั้ง 2 หน่วยงาน คือ ไอซีที และกรมการปกครองนั้น ทางอนุกรรมาธิการฯ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับข้อผิดพลาดในการจัดซื้อบัตรสมาร์ทการ์ดในครั้งนี้ คือ การประสานงานด้านเทคนิคในการจัดเตรียมคุณสมบัติทางเทคนิคของบัตรที่หน่วยงานทั้ง 2 ไม่ได้ทำงานร่วมกันอย่างจริงจังจนก่อให้เกิดปัญหาตามที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ ซึ่งทางคณะอนุกรรมาธิการฯก็ได้เชิญเนคเทคจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้พิจารณาคุณสมบัติทางเทคนิคของบัตรสมาร์ทการ์ด เพื่อหาข้อสรุปและทางออกให้แก่ 2 หน่วยงานข้างต้น
ซึ่งจากการชี้แจงของเนคเทคนั้น พอจะสรุปได้ว่า
1. บัตรสมาร์ทการ์ดที่จัดหาได้ในครั้งนี้ ผิดสเปค กล่าวคือ มีคุณสมบัติไม่ตรงกับเงื่อนไขที่ระบุไว้ในเอกสารการประกวดราคา
2. ระบบหน่วยความจำของบัตรสมาร์ทการ์ด ที่จัดซื้อได้ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการใช้ระบบเปิดอย่างแท้จริง เพราะต้องใช้หน่วยความจำ ในส่วนของระบบปิดมาผสมผสานในการใช้งานจริง ซึ่งในทางเทคนิคแล้วเป็นจุดบอด คือ จะเป็นการล็อคสเปคในการจัดซื้อบัตรครั้งต่อไป
3. การล้วงข้อมูลความลับจากบัตรสมาร์ทการ์ดชนิดนี้ สามารถกระทำได้เมื่อมีการลบข้อมูลหรือบรรจุข้อมูลใหม่ เข้าไปในบัตรสมาร์ทการ์ด เนื่องจากเทคนิคในการทำงานของบัตรรุ่นนี้ แตกต่างจากบัตรสมาร์ทการ์ดรุ่นที่เป็นระบบเปิดจริง
4. การลบข้อมูลและการบรรจุข้อมูลเข้าไป โดยกรรมวิธีที่ต้องใช้กับบัตรสมาร์ทการ์ดรุ่นนี้จะทำให้อายุการใช้งานของบัตรประชาชนมีอายุสั้นและเสียหายได้เร็วขึ้น
ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับการชี้แจงทั้งจากเนคเทคและกรมการปกครอง ทางคณะอนุกรรมาธิการฯ ฟังดูแล้วจึงมีความเห็นว่าเป็นข้อมูลที่ตรงกันในด้านเทคนิคของบัตรสมาร์ทการ์ดว่าไม่ถูกต้องตามสเปค ของการจัดซื้อและมีผลประโยชน์กีดกันการแข่งขันทางการค้าในอนาคต ซึ่งเป็นการล็อคสเปคและที่สำคัญที่สุดคือ ความลับของประชาชนในบัตรประชาชนสามารถถูกลักลอบขโมยข้อมูลแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้
ประเด็นสุดท้ายที่ทางคณะอนุกรรมาธิการฯ ได้วิเคราะห์และศึกษาด้านเทคนิคของบัตรสมาร์ทการ์ดรุ่นนี้ คือ ข้อจำกัดของขนาดของหน่วยความจำ ซึ่งเมื่อนำไปใช้งานจริง ตามที่รัฐบาลวาดฝันเอาไว้ให้เป็นบัตรประชาชนอัจฉริยะนั้น คงจะทำไม่ได้ เพราะว่าเมื่อนำเอาโปรแกรมงาน (Applications) บรรจุเข้าไปในหน่วยความจำ ก็สามารถทำงานในเรื่องของงานประกันสังคม งานประกันสุขภาพ จัดเก็บลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติทะเบียนราษฎร์เพียงเท่านั้น เนื้อที่ของหน่วยความจำก็ไม่เหลือเพียงพอที่จะทำงานด้านอื่นๆเพิ่มเติมอีก ซึ่งการลงทุนในการใช้บัตรสมาร์ทการ์ดรุ่นนี้ 12 ล้านใบ เป็นวงเงินถึง 888 ล้านบาท และถ้าต้องซื้อบัตรสมาร์ทการ์ดให้กับประชาชน คนไทยทั้งประเทศ นับตั้งแต่เด็กแรกเกิดรวมทั้งหมด 64 ล้านคน รัฐบาลต้องใช้เงินภาษีราษฎรกว่า 4,000 ล้านบาท แต่ผลประโยชน์ที่ได้รับกลับไม่ครบถ้วนกระบวนความในการให้บริการแก่ประชาชนอย่างที่รัฐบาลได้คุยโม้ โอ้อวด ไว้ รัฐบาลน่าที่จะคิดใหม่ ทำใหม่ และหากการตรวจรับไม่ผ่าน การส่งมอบบัตรสมาร์ทการ์ดในครั้งนี้ต้องถูกยกเลิกไป ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อบ้านเมืองและประชาชนแต่ประการใด เพราะเหตุว่า งานประกันสุขภาพและงานประกันสังคม รัฐบาลสามารถให้บริการแก่ประชาชนด้วย บัตรประชาชนชนิดแถบแม่เหล็กที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ได้เฉกเช่นการใช้งานด้านพาสปอร์ตที่กระทรวงต่างประเทศใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยประชาชนเดินเข้ารับบริการด้วยบัตรประชาชนเพียงใบเดียว ก็ทำพาสปอร์ตได้
สรุปแล้วกระทรวงไอซีที ต้องรับฟังข้อเสนอแนะจากเนคเทคและข้อคิดเห็นจากกรมการปกครองว่า บัตรสมาร์ทการ์ดที่จัดหาในครั้งนี้ผิดเงื่อนไขคุณสมบัติของการประกวดราคาและไม่สามารถตรวจรับได้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ก.ค. 2548--จบ--
คณะอนุกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีด้านสารสนเทศ สื่อสาร และคมนาคม โดยมี ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เป็นประธานในการประชุมเพื่อศึกษา เรื่องบัตรประชาชนอิเลคทรอนิค หรือสมาร์ทการ์ดอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้เชิญกระทรวงไอซีที มาชี้แจงถึงการจัดซื้อที่ยังไม่สามารถตรวจรับได้ และคณะอนุกรรมาธิการก็ได้เข้าเยี่ยมชมและรับฟังการบรรยายเกี่ยวกับสมาร์ทการ์ด ณ กรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย ซึ่งปรากฏว่า บัตรสมาร์ทการ์ดที่จัดซื้อโดยกระทรวงไอซีที มีคุณสมบัติไม่ตรงกับเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในการจัดซื้อ โดยเฉพาะในส่วนของหน่วยความจำของ MEMORY CHIP นอกจากนั้นยังมีกรณีที่ทำให้เกิดการผูกขาดในการจัดซื้อบัตรสมาร์ทการ์ดในครั้งต่อไปได้ เพราะเหตุว่าเทคโนโลยีของบัตรสมาร์ทการ์ดที่อยู่ระหว่างส่งมอบและตรวจรับอยู่ในขณะนี้ ต้องมีการใช้หน่วยความจำจาก 2 ส่วนภายในบัตรผสมผสานกันเพื่อให้สามารถทำงานได้ตามความต้องการของกรมการปกครองและประเด็นที่สำคัญที่สุด คือ กรรมวิธีในการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นความลับของประชาชนผู้เป็นเจ้าของบัตร สามารถถูกล้วงเอาความลับได้ โดยกลุ่มคนที่ไม่หวังดีประสงค์ร้าย
จากการชี้แจงของทั้ง 2 หน่วยงาน คือ ไอซีที และกรมการปกครองนั้น ทางอนุกรรมาธิการฯ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับข้อผิดพลาดในการจัดซื้อบัตรสมาร์ทการ์ดในครั้งนี้ คือ การประสานงานด้านเทคนิคในการจัดเตรียมคุณสมบัติทางเทคนิคของบัตรที่หน่วยงานทั้ง 2 ไม่ได้ทำงานร่วมกันอย่างจริงจังจนก่อให้เกิดปัญหาตามที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ ซึ่งทางคณะอนุกรรมาธิการฯก็ได้เชิญเนคเทคจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้พิจารณาคุณสมบัติทางเทคนิคของบัตรสมาร์ทการ์ด เพื่อหาข้อสรุปและทางออกให้แก่ 2 หน่วยงานข้างต้น
ซึ่งจากการชี้แจงของเนคเทคนั้น พอจะสรุปได้ว่า
1. บัตรสมาร์ทการ์ดที่จัดหาได้ในครั้งนี้ ผิดสเปค กล่าวคือ มีคุณสมบัติไม่ตรงกับเงื่อนไขที่ระบุไว้ในเอกสารการประกวดราคา
2. ระบบหน่วยความจำของบัตรสมาร์ทการ์ด ที่จัดซื้อได้ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการใช้ระบบเปิดอย่างแท้จริง เพราะต้องใช้หน่วยความจำ ในส่วนของระบบปิดมาผสมผสานในการใช้งานจริง ซึ่งในทางเทคนิคแล้วเป็นจุดบอด คือ จะเป็นการล็อคสเปคในการจัดซื้อบัตรครั้งต่อไป
3. การล้วงข้อมูลความลับจากบัตรสมาร์ทการ์ดชนิดนี้ สามารถกระทำได้เมื่อมีการลบข้อมูลหรือบรรจุข้อมูลใหม่ เข้าไปในบัตรสมาร์ทการ์ด เนื่องจากเทคนิคในการทำงานของบัตรรุ่นนี้ แตกต่างจากบัตรสมาร์ทการ์ดรุ่นที่เป็นระบบเปิดจริง
4. การลบข้อมูลและการบรรจุข้อมูลเข้าไป โดยกรรมวิธีที่ต้องใช้กับบัตรสมาร์ทการ์ดรุ่นนี้จะทำให้อายุการใช้งานของบัตรประชาชนมีอายุสั้นและเสียหายได้เร็วขึ้น
ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับการชี้แจงทั้งจากเนคเทคและกรมการปกครอง ทางคณะอนุกรรมาธิการฯ ฟังดูแล้วจึงมีความเห็นว่าเป็นข้อมูลที่ตรงกันในด้านเทคนิคของบัตรสมาร์ทการ์ดว่าไม่ถูกต้องตามสเปค ของการจัดซื้อและมีผลประโยชน์กีดกันการแข่งขันทางการค้าในอนาคต ซึ่งเป็นการล็อคสเปคและที่สำคัญที่สุดคือ ความลับของประชาชนในบัตรประชาชนสามารถถูกลักลอบขโมยข้อมูลแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้
ประเด็นสุดท้ายที่ทางคณะอนุกรรมาธิการฯ ได้วิเคราะห์และศึกษาด้านเทคนิคของบัตรสมาร์ทการ์ดรุ่นนี้ คือ ข้อจำกัดของขนาดของหน่วยความจำ ซึ่งเมื่อนำไปใช้งานจริง ตามที่รัฐบาลวาดฝันเอาไว้ให้เป็นบัตรประชาชนอัจฉริยะนั้น คงจะทำไม่ได้ เพราะว่าเมื่อนำเอาโปรแกรมงาน (Applications) บรรจุเข้าไปในหน่วยความจำ ก็สามารถทำงานในเรื่องของงานประกันสังคม งานประกันสุขภาพ จัดเก็บลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติทะเบียนราษฎร์เพียงเท่านั้น เนื้อที่ของหน่วยความจำก็ไม่เหลือเพียงพอที่จะทำงานด้านอื่นๆเพิ่มเติมอีก ซึ่งการลงทุนในการใช้บัตรสมาร์ทการ์ดรุ่นนี้ 12 ล้านใบ เป็นวงเงินถึง 888 ล้านบาท และถ้าต้องซื้อบัตรสมาร์ทการ์ดให้กับประชาชน คนไทยทั้งประเทศ นับตั้งแต่เด็กแรกเกิดรวมทั้งหมด 64 ล้านคน รัฐบาลต้องใช้เงินภาษีราษฎรกว่า 4,000 ล้านบาท แต่ผลประโยชน์ที่ได้รับกลับไม่ครบถ้วนกระบวนความในการให้บริการแก่ประชาชนอย่างที่รัฐบาลได้คุยโม้ โอ้อวด ไว้ รัฐบาลน่าที่จะคิดใหม่ ทำใหม่ และหากการตรวจรับไม่ผ่าน การส่งมอบบัตรสมาร์ทการ์ดในครั้งนี้ต้องถูกยกเลิกไป ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อบ้านเมืองและประชาชนแต่ประการใด เพราะเหตุว่า งานประกันสุขภาพและงานประกันสังคม รัฐบาลสามารถให้บริการแก่ประชาชนด้วย บัตรประชาชนชนิดแถบแม่เหล็กที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ได้เฉกเช่นการใช้งานด้านพาสปอร์ตที่กระทรวงต่างประเทศใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยประชาชนเดินเข้ารับบริการด้วยบัตรประชาชนเพียงใบเดียว ก็ทำพาสปอร์ตได้
สรุปแล้วกระทรวงไอซีที ต้องรับฟังข้อเสนอแนะจากเนคเทคและข้อคิดเห็นจากกรมการปกครองว่า บัตรสมาร์ทการ์ดที่จัดหาในครั้งนี้ผิดเงื่อนไขคุณสมบัติของการประกวดราคาและไม่สามารถตรวจรับได้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ก.ค. 2548--จบ--