วันนี้ (15 ม.ค.48) ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายบุรณัชย์ สมุทรักษ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวต่อว่า 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้มักทำทุกวิถีทางเพื่อเอาเปรียบคู่แข่งทางการเมือง มีการข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้าม ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งเมื่อมีพระราชกฤษฏีกาการเลือกตั้ง วันที่ 6 มกราคม 2548 รัฐบาลกลับมีพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบคู่แข่งหนักข้อมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะโดยการ ใช้อำนาจรัฐหาเสียง สั่งการและข่มขู่ข้าราชการประจำให้ช่วยอำนายความสะดวกและช่วยพรรคไทยรักไทยหาเสียงอยู่ตลอดเวลา เช่น กรณีจัดการประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดเชียงราย หรือโดยการใช้ทรัพย์สินของรัฐหาเสียงเอาเปรียบคู่แข่ง เช่นกรณีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยซึ่งดูแลการเลือกตั้งภาคเหนือใช้เฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงเกษตรฯไปที่จังหวัดแพร่ กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้เครื่องบินเจ็ตสตรีมของกองทัพบกไปที่จังหวัดร้อยเอ็ดเมื่อเย็นวันที่ 14 มกราคม 2548 โดยอ้างว่าไปตรวจราชการแต่กลับปราฏว่ามีการปราศรัยกับชาวบ้านให้สัญญาจูงใจว่าจะให้ ซึ่งพฤติกรรมในลักษณะนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง และที่น่าห่วงใยคือการใช้อำนาจมืดขุมขู่คุกคามฝ่ายตรงข้าม ทางการเมือง หรือกับฝ่ายที่ไม่ยอมตามคำสั่งของรัฐบาลมีหัวคะแนน หรือว่าที่ผู้สมัครของฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะจากพรรคประชาธิปัตย์หลายคนถูกยิง ถูกอุ้มฆ่าเป็นจำนวนมาก เช่นที่จังหวัด นครปฐม ราชบุรี จังหวัดพิจิตร หรือจังหวัดยะลา ซึ่งเคยยื่นกระทู้ถามรัฐบาลในสภาแต่ก็เงียบหายไป
และจากผลสำรวจของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งซึ่งเปิดเผยว่ามีการซื้อเสียงเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศและมีจังหวัดที่มีการระบุว่า มีจังหวัดที่มีการซื้อเสียงระดับรุนแรงโดยใช้เงินมากกว่า 20 ล้านบาทจำนวน 36 จังหวัด และประมาณว่ามีการใช้เงินซื้อเสียงทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 4.6 พันล้านบาท สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะเต็มไปด้วยการซื้อเสียง ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวสอดคล้องกับที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการร้องเรียนอยู่เสมอเช่นเดียวกัน
สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทั้งการใช้อำนาจรัฐ การใช้ทรัพย์สินของรัฐหาเสียง รวมทั้งการใช้อำนาจมืดข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้ามที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงนี้ และคาดว่าจะหนัก ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งรัฐบาลและพรรคไทยรักไทยได้ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะการเลือกตั้งโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายและความถูกต้อง
พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)เข้ามาจัดการในเรื่องเหล่านี้อย่างเร่งด่วนที่สุด เพื่อให้การหาเสียงและการเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม โดยขอเรียกร้องให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
1.ให้รัฐบาลและพรรคไทยรักไทยยุติการใช้อำนาจรัฐและทรัพย์สินของรัฐ หาเสียงเพื่อเอาเปรียบคู่แข่ง
2.ยุติการใช้อำนาจมืดข่มขู่คุกคามหัวคะแนน ผู้สนับสนุน หรือผู้สมัครฝ่ายตรงข้ามในทันที และต้องติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษอย่างเท่าเทียมกัน
พรรคประชาธิปัตย์หวังว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งจะดำเนินการตามข้อเรียกร้องดังกล่าว เพื่อให้ความเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งภายใต้การดำเนินการของ กกต.ดำเนินไปด้วยความยุติธรรมตามเจตนารมณ์ของกฎหมายต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-
และจากผลสำรวจของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งซึ่งเปิดเผยว่ามีการซื้อเสียงเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศและมีจังหวัดที่มีการระบุว่า มีจังหวัดที่มีการซื้อเสียงระดับรุนแรงโดยใช้เงินมากกว่า 20 ล้านบาทจำนวน 36 จังหวัด และประมาณว่ามีการใช้เงินซื้อเสียงทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 4.6 พันล้านบาท สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะเต็มไปด้วยการซื้อเสียง ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวสอดคล้องกับที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการร้องเรียนอยู่เสมอเช่นเดียวกัน
สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทั้งการใช้อำนาจรัฐ การใช้ทรัพย์สินของรัฐหาเสียง รวมทั้งการใช้อำนาจมืดข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้ามที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงนี้ และคาดว่าจะหนัก ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งรัฐบาลและพรรคไทยรักไทยได้ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะการเลือกตั้งโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายและความถูกต้อง
พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)เข้ามาจัดการในเรื่องเหล่านี้อย่างเร่งด่วนที่สุด เพื่อให้การหาเสียงและการเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม โดยขอเรียกร้องให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
1.ให้รัฐบาลและพรรคไทยรักไทยยุติการใช้อำนาจรัฐและทรัพย์สินของรัฐ หาเสียงเพื่อเอาเปรียบคู่แข่ง
2.ยุติการใช้อำนาจมืดข่มขู่คุกคามหัวคะแนน ผู้สนับสนุน หรือผู้สมัครฝ่ายตรงข้ามในทันที และต้องติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษอย่างเท่าเทียมกัน
พรรคประชาธิปัตย์หวังว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งจะดำเนินการตามข้อเรียกร้องดังกล่าว เพื่อให้ความเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งภายใต้การดำเนินการของ กกต.ดำเนินไปด้วยความยุติธรรมตามเจตนารมณ์ของกฎหมายต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-