กรุงเทพ--1 ส.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
- กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เปิดให้บริการหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2548 เป็นต้นไป โดยจะยกเลิกการรับคำร้องหนังสือเดินทางแบบเดิมทั้งหมด ซึ่งหมายความว่านับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2548 หนังสือเดินทางที่มีการผลิตจะมีรูปแบบเป็นหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-passport) ทั้งหมด
- e-passport คือหนังสือเดินทางที่ใช้เทคโนโลยีเฉพาะ มีการนำข้อมูลชีวภาพ (biometric data) ได้แก่รูปภาพใบหน้า และลายพิมพ์นิ้วมือ เก็บไว้ในไมโครชิปซึ่งฝั่งอยู่ในเล่มหนังสือเดินทาง e-passport มีโนวโน้มที่จะใช้กันอย่างกว้างขวางทั่วโลก เพราะเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทันสมัยและช่วยทำให้การตรวจสอบพิสูจน์ตัวบุคคลเป็นไปอย่างแม่นยำ ถูกต้อง ซึ่งทำให้สามารถป้องกันการปลอมแปลงได้สูง เนื่องจากมีการเก็บข้อมูลของแต่ละคนไว้ในไมโครชิปที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งช่วยสกัดกั้นขบวนการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- อย่างไรก็ดี ในระยะนี้จะมีการปรับปรุงพื้นที่ให้บริการในอาคารกรมการกงสุลให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น ดังนั้น จึงอาจก่อให้เกิดความไม่สะดวกรวดเร็วไปบ้าง กระทรวงการต่างประเทศจึงต้องขออภัยความในความไม่สะดวกดังกล่าวมา ณ ที่นี้ และหวังว่าพี่น้องประชาชนจะเข้าใจและให้ความร่วมมือกับกระทรวงฯ ในการให้คำแนะนำในด้านต่างๆ เพื่อปรับปรุงการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นต่อไป นอกจากนี้ กระทรวงฯ เชื่ออย่างยิ่งว่า เมื่อการปรับปรุงพื้นที่แล้วเสร็จ ประชาชนจะพึงพอใจในรูปลักษณ์การออกแบบใหม่ที่ทันสมัยและปลอดภัยมากขึ้นอย่างแน่นอน
- สำหรับขั้นตอนการขอหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ยังเหมือนระบบเก่า คือ นำบัตรประชาชนที่มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักไปยื่นคำร้องด้วยตนเอง โดยสามารถยื่นคำร้องได้ที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ หรือสำนักงานสาขาของกระทรวงการต่างประเทศทั้งในกรุงเทพฯ ได้แก่ สาขาปิ่นเกล้าและบางนา (สำหรับสำนักงานหนังสือเดินทางสาขาปิ่นเกล้า ด้วยความจำกัดของพื้นที่ กระทรวงฯ จึงมีความจำเป็นต้องปิดทำการเพื่อปรับปรุงสถานที่เป็นเวลา 2 สัปดาห์ และจะเปิดให้บริการในระบบใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2548 เป็นต้นไป) และสำนักงานในต่างจังหวัด (ขอนแก่น เชียงใหม่ และสงขลา) ส่วนประชาชนไทยที่อยู่ในต่างประเทศสามารถติดต่อยื่นคำร้องได้ที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลไทยในต่างประเทศทั้ง 86 แห่งทั่วโลก ค่าธรรมเนียมเท่าเดิมคือ 1,000 บาท และประชาชนได้กำไรด้วยการเพิ่มหน้าจากเดิม 32 หน้าเป็น 50 หน้า
- สำหรับผู้ที่มีหนังสือเดินทางในระบบเก่ายังสามารถใช้ต่อไปได้ แต่จะไม่สามารถต่ออายุหนังสือเดินทางเล่มนั้นได้อีก
- กระทรวงฯ ขอทำความเข้าใจกับประชาชนว่า การนำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยของเอกสารเดินทางและป้องกันการปลอมแปลง เพื่อให้ประชาชนไทยที่เดินทางไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้มีหนังสือเดินทางที่ทันสมัย มีความน่าเชื่อถือ และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล อย่างไรก็ดี กระทรวงฯ ใคร่ขอให้ประชาชนเข้าใจด้วยว่าระดับความปลอดภัยและขั้นตอนการตรวจสอบที่มากขึ้นก็ย่อมมีผลต่อความสะดวกรวดเร็วไม่มากก็น้อย แต่ขอประชาชนให้เชื่อมั่นว่า กระทรวงฯ จะติดตามพัฒนาปรับปรุงระบบหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ตลอดเวลา เพื่อให้ประชาชนพึงพอใจในการให้บริการมากที่สุด
- กระทรวงฯ ได้จัดให้มีโทรศัพท์สายด่วน Hotline เพื่อให้คำปรึกษาและคำแนะนำเกี่ยวกับการยื่นคำร้องและการใช้งานหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ คือ 02 981-7220 และ 02 981-7221 ประชาชนสามารถโทรศัพท์เข้ามาสอบถามได้ตลอดเวลาราชการ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2548เป็นต้นไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
- กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เปิดให้บริการหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2548 เป็นต้นไป โดยจะยกเลิกการรับคำร้องหนังสือเดินทางแบบเดิมทั้งหมด ซึ่งหมายความว่านับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2548 หนังสือเดินทางที่มีการผลิตจะมีรูปแบบเป็นหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-passport) ทั้งหมด
- e-passport คือหนังสือเดินทางที่ใช้เทคโนโลยีเฉพาะ มีการนำข้อมูลชีวภาพ (biometric data) ได้แก่รูปภาพใบหน้า และลายพิมพ์นิ้วมือ เก็บไว้ในไมโครชิปซึ่งฝั่งอยู่ในเล่มหนังสือเดินทาง e-passport มีโนวโน้มที่จะใช้กันอย่างกว้างขวางทั่วโลก เพราะเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทันสมัยและช่วยทำให้การตรวจสอบพิสูจน์ตัวบุคคลเป็นไปอย่างแม่นยำ ถูกต้อง ซึ่งทำให้สามารถป้องกันการปลอมแปลงได้สูง เนื่องจากมีการเก็บข้อมูลของแต่ละคนไว้ในไมโครชิปที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งช่วยสกัดกั้นขบวนการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- อย่างไรก็ดี ในระยะนี้จะมีการปรับปรุงพื้นที่ให้บริการในอาคารกรมการกงสุลให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น ดังนั้น จึงอาจก่อให้เกิดความไม่สะดวกรวดเร็วไปบ้าง กระทรวงการต่างประเทศจึงต้องขออภัยความในความไม่สะดวกดังกล่าวมา ณ ที่นี้ และหวังว่าพี่น้องประชาชนจะเข้าใจและให้ความร่วมมือกับกระทรวงฯ ในการให้คำแนะนำในด้านต่างๆ เพื่อปรับปรุงการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นต่อไป นอกจากนี้ กระทรวงฯ เชื่ออย่างยิ่งว่า เมื่อการปรับปรุงพื้นที่แล้วเสร็จ ประชาชนจะพึงพอใจในรูปลักษณ์การออกแบบใหม่ที่ทันสมัยและปลอดภัยมากขึ้นอย่างแน่นอน
- สำหรับขั้นตอนการขอหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ยังเหมือนระบบเก่า คือ นำบัตรประชาชนที่มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักไปยื่นคำร้องด้วยตนเอง โดยสามารถยื่นคำร้องได้ที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ หรือสำนักงานสาขาของกระทรวงการต่างประเทศทั้งในกรุงเทพฯ ได้แก่ สาขาปิ่นเกล้าและบางนา (สำหรับสำนักงานหนังสือเดินทางสาขาปิ่นเกล้า ด้วยความจำกัดของพื้นที่ กระทรวงฯ จึงมีความจำเป็นต้องปิดทำการเพื่อปรับปรุงสถานที่เป็นเวลา 2 สัปดาห์ และจะเปิดให้บริการในระบบใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2548 เป็นต้นไป) และสำนักงานในต่างจังหวัด (ขอนแก่น เชียงใหม่ และสงขลา) ส่วนประชาชนไทยที่อยู่ในต่างประเทศสามารถติดต่อยื่นคำร้องได้ที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลไทยในต่างประเทศทั้ง 86 แห่งทั่วโลก ค่าธรรมเนียมเท่าเดิมคือ 1,000 บาท และประชาชนได้กำไรด้วยการเพิ่มหน้าจากเดิม 32 หน้าเป็น 50 หน้า
- สำหรับผู้ที่มีหนังสือเดินทางในระบบเก่ายังสามารถใช้ต่อไปได้ แต่จะไม่สามารถต่ออายุหนังสือเดินทางเล่มนั้นได้อีก
- กระทรวงฯ ขอทำความเข้าใจกับประชาชนว่า การนำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยของเอกสารเดินทางและป้องกันการปลอมแปลง เพื่อให้ประชาชนไทยที่เดินทางไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้มีหนังสือเดินทางที่ทันสมัย มีความน่าเชื่อถือ และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล อย่างไรก็ดี กระทรวงฯ ใคร่ขอให้ประชาชนเข้าใจด้วยว่าระดับความปลอดภัยและขั้นตอนการตรวจสอบที่มากขึ้นก็ย่อมมีผลต่อความสะดวกรวดเร็วไม่มากก็น้อย แต่ขอประชาชนให้เชื่อมั่นว่า กระทรวงฯ จะติดตามพัฒนาปรับปรุงระบบหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ตลอดเวลา เพื่อให้ประชาชนพึงพอใจในการให้บริการมากที่สุด
- กระทรวงฯ ได้จัดให้มีโทรศัพท์สายด่วน Hotline เพื่อให้คำปรึกษาและคำแนะนำเกี่ยวกับการยื่นคำร้องและการใช้งานหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ คือ 02 981-7220 และ 02 981-7221 ประชาชนสามารถโทรศัพท์เข้ามาสอบถามได้ตลอดเวลาราชการ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2548เป็นต้นไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-