1 การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน
ในเดือนกรกฎาคม 2548 ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนลดลงร้อยละ 0.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากการลดลงของปริมาณการจำหน่าย น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ มูลค่าสินค้าอุปโภคบริโภคนำเข้า ณ ราคาคงที่ และปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง ส่วนปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย และภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับ ลดลงจาก 85.7 ในเดือนมิถุนายนมาอยู่ที่ 84.7 ในเดือนนี้
สำหรับเครื่องชี้ในกลุ่มยานพาหนะหดตัว ตามปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งที่ลดลงจากระยะ เดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.5 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจาก การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และราคาน้ำมันที่ปรับตัว สูงขึ้น ส่วนปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ขยายตัว ร้อยละ 2.9
เครื่องชี้ในกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่ยานพาหนะ โดยรวมหดตัวลงตามปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ และมูลค่าสินค้าอุปโภคบริโภคนำเข้า ณ ราคาคงที่ซึ่งลดลงร้อยละ 4.2 และ 2.9 ตามลำดับ ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ชะลอลงตามมูลค่า การนำเข้าเป็นสำคัญ นอกจากนี้ ปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัยก็ชะลอลงเช่นกัน อันเป็นผลจากนโยบายประหยัดพลังงานของรัฐบาล
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแนวโน้ม (จากตัวเลขซึ่งปรับฤดูกาลและเฉลี่ยเคลื่อนที่ย้อนหลัง 3 เดือน) พบว่าเครื่องชี้ส่วนใหญ่แสดงทิศทางที่ชะลอลง
2 การลงทุนภาคเอกชน
ในเดือนกรกฎาคม 2548 ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน* (เบื้องต้น) ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากร้อยละ 9.8 ในเดือนก่อนมาเป็นร้อยละ 8.3 ตามการชะลอตัว ของการลงทุนทั้งในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร และ ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ลดลงจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ ร้อยละ 44.2 โดยองค์ประกอบของ BSI ปรับตัวลดลง ทุกตัว ยกเว้นต้นทุนการประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน
การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรชะลอตัวตามมูลค่านำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่ และปริมาณ จำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ขณะที่การลงทุนในหมวด ก่อสร้างลดลงตามแนวโน้มที่ลดลงของพื้นที่รับอนุญาต ก่อสร้างในเขตเทศบาล และการชะลอตัวของปริมาณ การจำหน่ายปูนซิเมนต์ในประเทศ
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจใน 3 เดือนข้างหน้าแม้จะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แต่องค์ประกอบบางรายการเริ่มปรับตัวดีขึ้นบ้าง ได้แก่ คำสั่งซื้อ การจ้างงานต้นทุนการประกอบการ ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของ ผู้ประกอบการเกี่ยวกับภาวะธุรกิจในอนาคตที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น
* หมายเหตุ: ธปท. ได้ปรับปรุงวิธีการคำนวณดัชนี การลงทุนภาคเอกชนใหม่ เมื่อเดือนมิถุนายน 2548 โดยมี สาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1) ดัชนีฯ คำนวณมาจากเครื่องชี้ 5 รายการ ได้แก่ มูลค่าสินค้าทุนนำเข้า ณ ราคาคงที่ ปริมาณจำหน่ายรถยนต์ เชิงพาณิชย์ในประเทศ มูลค่าการจำหน่ายเครื่องมือเครื่องจักร ในประเทศ ณ ราคาคงที่ ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ และพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาล
2) เปลี่ยนวิธีการคำนวณดัชนีฯ เป็นวิธีการของ Foundation for International Business and Economic Research (FIBER) โดยกำหนดให้น้ำหนักองค์ประกอบคงที่ (ดูวิธีการจัดทำไ ด้ ที่ http://www.bot.or.th/BOTHomepage/DataBank/Econcond/ econind/Construction-Method/PII.pdf)
3 ภาคการคลัง1/
รายได้รัฐบาล เดือนกรกฎาคม 2548 รัฐบาลมีรายได้ จัดเก็บ 103.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.8 โดยรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 และรายได้ ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6
รายได้ภาษีขยายตัวในทุกฐานภาษี ยกเว้นภาษี จัดเก็บจากฐานการค้าระหว่างประเทศที่ลดลงร้อยละ 0.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามอากรขาเข้าที่ลดลง อย่างไรก็ดี ภาษีที่จัดเก็บจากฐานรายได้ขยายตัวร้อยละ 21.4 จากระยะเดียวกันปีก่อนตามการขยายตัวของภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ร้อยละ 27.0 เนื่องจากผลประกอบการของภาคธุรกิจ ในปี 2547 อยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ขยายตัวร้อยละ 15.1 ซึ่งสะท้อนถึงภาวะการจ้างงานที่อยู่ในเกณฑ์ดีเช่นกัน สำหรับภาษีที่จัดเก็บจากฐานการบริโภคขยายตัวร้อยละ 4.6 โดยภาษีมูลค่าเพิ่มยังคงขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 12.1 ส่วนภาษีสรรพสามิตลดลงร้อยละ 5.4 อันเนื่องจากผลกระทบของการปรับลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซล และการปรับ โครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์
รายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 จากระยะ เดียวกันปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ โดยรายได้นำส่งที่สำคัญในเดือนนี้ คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย 3.2 พันล้านบาท สำนักงาน สลากกินแบ่งรัฐบาล 0.7 พันล้านบาท การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 0.7 พันล้านบาท และการประปานครหลวง 0.4 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ในรอบ 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2548 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บรวม 1,168.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.8 ซึ่งเมื่อหักการถอนคืนภาษี จะทำให้รัฐบาลมีรายได้สุทธิรวม 1,007.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น จากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.6 และสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 58.7 พันล้านบาท หรือร้อยละ 6.2
ดุลเงินสด ในเดือนกรกฎาคม รัฐบาลขาดดุลเงินสด20.0 พันล้านบาท และชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศอีก 0.9 พันล้าน รัฐบาลชดเชยโดยกู้เงินในประเทศ 19.6 พันล้านบาท พร้อมทั้งใช้เงินคงคลัง 1.3 พันล้านบาท ในรอบ 10 เดือนแรก ของปีงบประมาณรัฐบาลขาดดุลเงินสด 2.2 พันล้านบาท เทียบกับ การเกินดุล 0.3 พันล้านบาทในปีก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ในเดือนกรกฎาคม 2548 ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนลดลงร้อยละ 0.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากการลดลงของปริมาณการจำหน่าย น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ มูลค่าสินค้าอุปโภคบริโภคนำเข้า ณ ราคาคงที่ และปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง ส่วนปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย และภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับ ลดลงจาก 85.7 ในเดือนมิถุนายนมาอยู่ที่ 84.7 ในเดือนนี้
สำหรับเครื่องชี้ในกลุ่มยานพาหนะหดตัว ตามปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งที่ลดลงจากระยะ เดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.5 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจาก การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และราคาน้ำมันที่ปรับตัว สูงขึ้น ส่วนปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ขยายตัว ร้อยละ 2.9
เครื่องชี้ในกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่ยานพาหนะ โดยรวมหดตัวลงตามปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ และมูลค่าสินค้าอุปโภคบริโภคนำเข้า ณ ราคาคงที่ซึ่งลดลงร้อยละ 4.2 และ 2.9 ตามลำดับ ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ชะลอลงตามมูลค่า การนำเข้าเป็นสำคัญ นอกจากนี้ ปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัยก็ชะลอลงเช่นกัน อันเป็นผลจากนโยบายประหยัดพลังงานของรัฐบาล
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแนวโน้ม (จากตัวเลขซึ่งปรับฤดูกาลและเฉลี่ยเคลื่อนที่ย้อนหลัง 3 เดือน) พบว่าเครื่องชี้ส่วนใหญ่แสดงทิศทางที่ชะลอลง
2 การลงทุนภาคเอกชน
ในเดือนกรกฎาคม 2548 ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน* (เบื้องต้น) ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากร้อยละ 9.8 ในเดือนก่อนมาเป็นร้อยละ 8.3 ตามการชะลอตัว ของการลงทุนทั้งในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร และ ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ลดลงจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ ร้อยละ 44.2 โดยองค์ประกอบของ BSI ปรับตัวลดลง ทุกตัว ยกเว้นต้นทุนการประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน
การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรชะลอตัวตามมูลค่านำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่ และปริมาณ จำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ขณะที่การลงทุนในหมวด ก่อสร้างลดลงตามแนวโน้มที่ลดลงของพื้นที่รับอนุญาต ก่อสร้างในเขตเทศบาล และการชะลอตัวของปริมาณ การจำหน่ายปูนซิเมนต์ในประเทศ
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจใน 3 เดือนข้างหน้าแม้จะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แต่องค์ประกอบบางรายการเริ่มปรับตัวดีขึ้นบ้าง ได้แก่ คำสั่งซื้อ การจ้างงานต้นทุนการประกอบการ ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของ ผู้ประกอบการเกี่ยวกับภาวะธุรกิจในอนาคตที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น
* หมายเหตุ: ธปท. ได้ปรับปรุงวิธีการคำนวณดัชนี การลงทุนภาคเอกชนใหม่ เมื่อเดือนมิถุนายน 2548 โดยมี สาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1) ดัชนีฯ คำนวณมาจากเครื่องชี้ 5 รายการ ได้แก่ มูลค่าสินค้าทุนนำเข้า ณ ราคาคงที่ ปริมาณจำหน่ายรถยนต์ เชิงพาณิชย์ในประเทศ มูลค่าการจำหน่ายเครื่องมือเครื่องจักร ในประเทศ ณ ราคาคงที่ ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ และพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาล
2) เปลี่ยนวิธีการคำนวณดัชนีฯ เป็นวิธีการของ Foundation for International Business and Economic Research (FIBER) โดยกำหนดให้น้ำหนักองค์ประกอบคงที่ (ดูวิธีการจัดทำไ ด้ ที่ http://www.bot.or.th/BOTHomepage/DataBank/Econcond/ econind/Construction-Method/PII.pdf)
3 ภาคการคลัง1/
รายได้รัฐบาล เดือนกรกฎาคม 2548 รัฐบาลมีรายได้ จัดเก็บ 103.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.8 โดยรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 และรายได้ ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6
รายได้ภาษีขยายตัวในทุกฐานภาษี ยกเว้นภาษี จัดเก็บจากฐานการค้าระหว่างประเทศที่ลดลงร้อยละ 0.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามอากรขาเข้าที่ลดลง อย่างไรก็ดี ภาษีที่จัดเก็บจากฐานรายได้ขยายตัวร้อยละ 21.4 จากระยะเดียวกันปีก่อนตามการขยายตัวของภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ร้อยละ 27.0 เนื่องจากผลประกอบการของภาคธุรกิจ ในปี 2547 อยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ขยายตัวร้อยละ 15.1 ซึ่งสะท้อนถึงภาวะการจ้างงานที่อยู่ในเกณฑ์ดีเช่นกัน สำหรับภาษีที่จัดเก็บจากฐานการบริโภคขยายตัวร้อยละ 4.6 โดยภาษีมูลค่าเพิ่มยังคงขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 12.1 ส่วนภาษีสรรพสามิตลดลงร้อยละ 5.4 อันเนื่องจากผลกระทบของการปรับลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซล และการปรับ โครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์
รายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 จากระยะ เดียวกันปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ โดยรายได้นำส่งที่สำคัญในเดือนนี้ คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย 3.2 พันล้านบาท สำนักงาน สลากกินแบ่งรัฐบาล 0.7 พันล้านบาท การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 0.7 พันล้านบาท และการประปานครหลวง 0.4 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ในรอบ 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2548 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บรวม 1,168.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.8 ซึ่งเมื่อหักการถอนคืนภาษี จะทำให้รัฐบาลมีรายได้สุทธิรวม 1,007.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น จากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.6 และสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 58.7 พันล้านบาท หรือร้อยละ 6.2
ดุลเงินสด ในเดือนกรกฎาคม รัฐบาลขาดดุลเงินสด20.0 พันล้านบาท และชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศอีก 0.9 พันล้าน รัฐบาลชดเชยโดยกู้เงินในประเทศ 19.6 พันล้านบาท พร้อมทั้งใช้เงินคงคลัง 1.3 พันล้านบาท ในรอบ 10 เดือนแรก ของปีงบประมาณรัฐบาลขาดดุลเงินสด 2.2 พันล้านบาท เทียบกับ การเกินดุล 0.3 พันล้านบาทในปีก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--