ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. สรุปยอดอนุมัติเงินกู้ช่วยผู้ประสบภัยคลื่นสึนามิล่าสุด 3.86 หมื่นล้านบาท นายยุทธพล
สิงหอำไพ ผอ.สำนักสื่อสารสัมพันธ์ ธปท. แถลงว่า ณ วันที่ 7 ก.พ.48 ธปท. อนุมัติเงินสินเชื่อโครงการช่วยฟื้นฟู
ผู้ประสบภัยจากคลื่นสึนามิไปแล้ว 1,456 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 38,610 ล้านบาท โดยมีการเบิกจ่ายเงินไปแล้ว
3,623 ล้านบาท เนื่องจาก ธ.พาณิชย์ต้องตรวจสอบรายละเอียดเอกสารและการทำตั๋วสัญญาใช้เงินที่ถูกต้องชัดเจน
กับลูกค้าก่อน สำหรับสัดส่วนการอนุมัติเงินกู้แบ่งเป็นขอกู้เพื่อใช้หนี้เดิมและปรับโครงสร้างหนี้ร้อยละ 85 และขอกู้
ใหม่เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมอีกร้อยละ 15 โดยกิจการโรงแรมขอกู้มากที่สุดร้อยละ 83.5 ซึ่งขณะนี้ยอดการขอสินเชื่อ
มีเข้ามาเกินกว่า 4 หมื่นล้านบาทแล้ว และคงทยอยอนุมัติเพิ่มและหากมีความต้องการเงินกู้เพิ่มคงจะมีการพิจารณา
เพิ่มวงเงินต่อไป ทั้งนี้ ธปท. ตั้งเป้าปล่อยกู้โครงการนี้ 4.8 หมื่นล้านบาท และให้ ธ.พาณิชย์ร่วมอีก 2 หมื่นล้าน
บาท โดย ธปท. ปล่อยให้ ธ.พาณิชย์ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 และให้ธนาคารนำไปปล่อยต่อแก่ผู้ประสบภัยไม่
เกินร้อยละ 2.0 ในระยะเวลาประมาณ 3 ปี (โพสต์ทูเดย์, เดลินิวส์)
2. ธปท. ส่งข้อมูลให้ ปปง. สอบสวนการฟอกเงินกรณีทุจริต ธ.กรุงไทย นายวีระชาติ ศรีบุญมา
ผอ.สำนักคดี ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. อยู่ระหว่างส่งข้อมูลกรณีทุจริต ธ.กรุงไทยให้คณะกรรมการป้องกันและปราบ
ปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อติดตามเส้นทางเดินที่จ่ายสินเชื่อให้แก่กลุ่มลูกหนี้เกินกว่าที่ควรจ่ายจริง โดยไม่
รักษาผลประโยชน์ของ ธ.กรุงไทย ทำให้ได้รับความเสียหายและเป็นเหตุให้บุคคลภายนอกได้รับประโยชน์ที่ไม่ควร
ได้โดยชอบเป็นเงินประมาณ 600 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อ ธ.กรุงไทยที่ ธปท. ดำเนินการตรวจสอบในคราวเดียวกัน
ที่เหลืออีก 9 ราย ไม่ได้หมายความว่า ธปท. ทิ้งไปแล้วหรือว่าตรวจสอบได้ครบถ้วนแล้วว่าไม่มีความผิด เพราะยัง
ไม่ปรากฎหลักฐานว่าเป็นการอนุมัติหรือการปฏิบัติที่เอื้อประโยชน์แก่ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกจนผิดปกติ ให้สังเกตว่า
ผู้ว่าการ ธปท. ใช้คำว่า “ยังไม่ปรากฎ” คดีทั้ง 9 ราย ก็ยังอยู่ที่ฝ่ายคดียังดำเนินการสอบสวนต่อไปจนกว่าจะพบ
หลักฐานความผิดที่ฟ้องได้ (เดลินิวส์, โลกวันนี้, บ้านเมือง)
3. ไทยได้เปรียบดุลการค้าจากการทำเอฟทีเอกับจีนและอินเดียเกือบหมื่นล้านบาท นายราเชนทร์
พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังจากที่ไทยได้ลงนามเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับ
ประเทศต่าง ๆ สรุปว่า ไทยได้เปรียบดุลการค้าแล้วกว่า 9,967 ล้านบาท แยกเป็น เอฟทีเอไทย-จีน ที่เริ่มตั้งแต่
วันที่ 1 ต.ค.46 — 31 ธ.ค.47 โดยไทยส่งออกไปจีน 16,142 ล้านบาท และนำเข้าจากจีน 8,104 ล้านบาท
ทำให้ไทยได้ดุลการค้ากับจีน 8,038 ล้านบาท ส่วนเอฟทีเอไทย-อินเดีย มีการเปิดเสรีนำร่องสินค้า 82
รายการ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. — 31 ธ.ค.47 ไทยส่งออกมูลค่า 2,603 ล้านบาท นำเข้ามูลค่า 674 ล้านบาท
ไทยได้ดุลการค้า 1,929 ล้านบาท ในขณะที่ เอฟทีเอไทย-ออสเตรเลีย ที่เพิ่งเริ่มเมื่อวันที่ 1 ม.ค.48 กรมได้
ออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าให้ผู้ส่งออก 634 ฉบับ ปริมาณ 24,695 ตัน รวมมูลค่า 2,142 ล้านบาท ซึ่งเห็น
ได้ชัดเจนว่าตั้งแต่มีการเปิดเอฟทีเอ สินค้าหลายตัวมีการส่งออกมากขึ้น แสดงว่ายุทธศาสตร์การทำเอฟทีเอทำให้
การค้ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจริง (ไทยรัฐ, แนวหน้า)
4. บีโอไอสรุปภาวะการลงทุนในภาคเหนือปี 47 เพิ่มขึ้นเกือบ 200% แนวโน้มปีนี้ขยายตัวเพิ่ม
ขึ้น นางศิริพร นุรักษ์ ผอ.ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคเหนือ 1 สนง.บีโอไอ เปิดเผยว่า ภาวะการลงทุนภาค
เหนือในปี 47 มีโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอถึง 72 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุน
14,914.3 ล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้นจากปี 46 ร้อยละ 191.24 โดยมากกว่าร้อยละ 50 เป็นโครงการลงทุนของนัก
ลงทุนไทย โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารเกษตรแปรรูป รองลงมา
เป็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ สำหรับสัดส่วนนักลงทุนต่าง
ประเทศที่เข้ามาลงทุนในภาคเหนือมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น ร้อยละ 46 รองลงมาคือ อเมริกา ยุโรป และเอเชีย
โดยเฉพาะสิงคโปร์ที่เริ่มให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในภาคเหนือมากขึ้น ส่วนแนวโน้มการลงทุนในปี 48 คาดว่าจะ
ขยายตัวเพิ่มขึ้น อย่างน้อยน่าจะมีการส่งเสริมการลงทุนไม่ต่ำกว่า 72 โครงการ แต่มูลค่าเงินลงทุนอาจไม่สูงเท่า
กับปี 47 ที่มีโครงการขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนมาก สำหรับอุตสาหกรรมที่น่าจับตามองเป็นพิเศษในปี 48 ได้แก่
อุตสาหกรรมเอสเอ็มอีและอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ เนื่องจากรัฐบาลกำลังส่งเสริมและผลักดันให้เชียงใหม่เป็น 1
ใน 3 จังหวัดที่จะเป็นนครสารสนเทศ (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. จำนวนคนขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สรอ.ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 ก.พ.48 ลดลงอยู่
ในระดับต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 17 ก.พ.48 กรมแรงงานของ สรอ.รายงานจำนวนคน
ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 ก.พ.48 มีจำนวน 302,000 คน ลดลง2,000 คน
จาก 304,000 คนในสัปดาห์ก่อน นับเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.43 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่เศรษฐกิจ
สรอ.จะเข้าสู่ภาวะถดถอย และต่างจากที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ก่อนหน้าว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 315,000 คน ในขณะที่
ตัวเลขเฉลี่ย 4 สัปดาห์ซึ่งตลาดให้ความสนใจเฝ้าติดตามมากกว่าก็ลดลง 4,000 คนจากสัปดาห์ก่อนมีจำนวน
311,750 คน เช่นเดียวกับจำนวนคนที่ขอสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องจากครั้งแรกที่มีจำนวนลดลง 14,000 คน
เหลือ 2.72 ล้านคนในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ก.พ.48 ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดที่มีอยู่ในขณะนี้ (รอยเตอร์)
2. กลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของ สรอ.ปรับลดประมาณการการขยายตัวของผลผลิตอุตสาหกรรม
ในปี 48 เป็นร้อยละ 3.5 และปี 49 เป็น 3.6 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 17 ก.พ.48 The
Manufacturers Alliance/MAPI trade group ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมใน สรอ.ได้ปรับลด
ประมาณการการขยายตัวของผลผลิตอุตสาหกรรมในปี 48 และปี 49 เหลือร้อยละ 3.5 และ 3.6 ตามลำดับ ลด
ลงจากประมาณการครั้งก่อนเมื่อเดือน พ.ย.47 ซึ่งคาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมในปี 48 และปี 49 จะขยายตัวร้อย
ละ 4.1 และ 5.0 ตามลำดับ หลังจากขยายตัวร้อยละ 4.8 ในปี 47 อย่างไรก็ดี อัตราการขยายตัวของผลผลิต
อุตสาหกรรมที่ถูกปรับลดลงก็ยังสูงกว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจซึ่งผู้ประกอบการอุตสาหกรรมกลุ่มนี้คาดว่าจะ
ขยายตัวร้อยละ 3.4 ในปี 48 และร้อยละ 3.3 ในปี 49 ลดลงจากปี 47 ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.4
โดยคาดว่าอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงโดยเฉพาะอุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลจะเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือร้อยละ 13.4
ในปี 48 และร้อยละ 10.7 ในปี 49 เช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 12.5 ในปี 48 และร้อยละ 10.7 ในปี 49 หลังจากขยายตัวร้อยละ 14.8 ในปี 47 (รอยเตอร์)
3. คาดว่ายอดขายปลีกของจีนจะเติบโตร้อยละ 10 ในปี 48 รายงานจากปักกิ่งเมื่อ 17 ก.
พ.48 ก.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการคาดการณ์ยอดขายปลีกของจีน ซึ่งคาดว่าในปี 48 ยอดขายปลีกจะขยายตัวร้อยละ
10 หลังจากที่ขยายตัวร้อยละ 13.3 ในปี 47 สำหรับยอดขายปลีกปี 47 ที่ปรับอัตราเงินเฟ้อแล้วขยายตัวร้อยละ
10.2 เนื่องจากรัฐบาลพยายามสนับสนุนการบริโภคเพื่อช่วยบรรเทาภาวะชะลอตัวของการลงทุนและช่วยประคับ
ประคองเศรษฐกิจของจีนให้อยู่ในภาวะสมดุล ทั้งนี้ ยอดขายปลีกซึ่งมีสัดส่วนเป็นร้อยละ 39.5 ของผลิตภัณฑ์ใน
ประเทศ ในปี 47 ที่สูงกว่าปีก่อนหน้าร้อยละ 0.4 บ่งชี้ว่า การบริโภคเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของ
เศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ยอดขายปลีกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงนี้ เป็นผลจากการใช้จ่ายเกี่ยวกับการตกแต่ง
บ้าน การซื้อโทรศัพท์มือถือ และรายได้จากภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะชะลอลงตามภาวะการลงทุนที่เติบโตชะลอ
ลงได้ (รอยเตอร์)
4. ปริมาณเงินหมุนเวียนของจีนเติบโตชะลอลงในเดือน ม.ค.48 รายงานจากปักกิ่งเมื่อ 17 ก.
พ.48 ธ.กลางจีน เปิดเผยว่า เดือน ม.ค.48 ปริมาณเงินหมุนเวียนในความหมายกว้าง (M2) ของจีนเติบโต
ชะลอลงที่ระดับร้อยละ 14.1 จากระดับร้อยละ 14.6 ในเดือนก่อนหน้า ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์
ซึ่งคาดว่าจะเติบโตที่ระดับร้อยละ 14.9 โดยก่อนหน้านี้ ปริมาณเงินหมุนเวียนของจีนเคยขยายตัวที่ระดับต่ำสุดใน
รอบ 3 ปีในเดือน ต.ค.47 หลังจากขยายตัวที่ระดับร้อยละ 20 ในช่วงต้นปี 46 สำหรับเป้าหมายการเติบโตของ
ปริมาณเงินทั้งปี 48 ทางการจีนประมาณการไว้ที่ระดับร้อยละ 15 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 18 ก.พ. 48 17 ก.พ. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38/540 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.3595/38.6553 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875 - 2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 734.68/33.79 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,750/7,850 7,700/7,800 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 39.91 40.18 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 20.49*/14.59 20.09*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 15 ก.พ. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท. สรุปยอดอนุมัติเงินกู้ช่วยผู้ประสบภัยคลื่นสึนามิล่าสุด 3.86 หมื่นล้านบาท นายยุทธพล
สิงหอำไพ ผอ.สำนักสื่อสารสัมพันธ์ ธปท. แถลงว่า ณ วันที่ 7 ก.พ.48 ธปท. อนุมัติเงินสินเชื่อโครงการช่วยฟื้นฟู
ผู้ประสบภัยจากคลื่นสึนามิไปแล้ว 1,456 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 38,610 ล้านบาท โดยมีการเบิกจ่ายเงินไปแล้ว
3,623 ล้านบาท เนื่องจาก ธ.พาณิชย์ต้องตรวจสอบรายละเอียดเอกสารและการทำตั๋วสัญญาใช้เงินที่ถูกต้องชัดเจน
กับลูกค้าก่อน สำหรับสัดส่วนการอนุมัติเงินกู้แบ่งเป็นขอกู้เพื่อใช้หนี้เดิมและปรับโครงสร้างหนี้ร้อยละ 85 และขอกู้
ใหม่เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมอีกร้อยละ 15 โดยกิจการโรงแรมขอกู้มากที่สุดร้อยละ 83.5 ซึ่งขณะนี้ยอดการขอสินเชื่อ
มีเข้ามาเกินกว่า 4 หมื่นล้านบาทแล้ว และคงทยอยอนุมัติเพิ่มและหากมีความต้องการเงินกู้เพิ่มคงจะมีการพิจารณา
เพิ่มวงเงินต่อไป ทั้งนี้ ธปท. ตั้งเป้าปล่อยกู้โครงการนี้ 4.8 หมื่นล้านบาท และให้ ธ.พาณิชย์ร่วมอีก 2 หมื่นล้าน
บาท โดย ธปท. ปล่อยให้ ธ.พาณิชย์ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 และให้ธนาคารนำไปปล่อยต่อแก่ผู้ประสบภัยไม่
เกินร้อยละ 2.0 ในระยะเวลาประมาณ 3 ปี (โพสต์ทูเดย์, เดลินิวส์)
2. ธปท. ส่งข้อมูลให้ ปปง. สอบสวนการฟอกเงินกรณีทุจริต ธ.กรุงไทย นายวีระชาติ ศรีบุญมา
ผอ.สำนักคดี ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. อยู่ระหว่างส่งข้อมูลกรณีทุจริต ธ.กรุงไทยให้คณะกรรมการป้องกันและปราบ
ปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อติดตามเส้นทางเดินที่จ่ายสินเชื่อให้แก่กลุ่มลูกหนี้เกินกว่าที่ควรจ่ายจริง โดยไม่
รักษาผลประโยชน์ของ ธ.กรุงไทย ทำให้ได้รับความเสียหายและเป็นเหตุให้บุคคลภายนอกได้รับประโยชน์ที่ไม่ควร
ได้โดยชอบเป็นเงินประมาณ 600 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อ ธ.กรุงไทยที่ ธปท. ดำเนินการตรวจสอบในคราวเดียวกัน
ที่เหลืออีก 9 ราย ไม่ได้หมายความว่า ธปท. ทิ้งไปแล้วหรือว่าตรวจสอบได้ครบถ้วนแล้วว่าไม่มีความผิด เพราะยัง
ไม่ปรากฎหลักฐานว่าเป็นการอนุมัติหรือการปฏิบัติที่เอื้อประโยชน์แก่ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกจนผิดปกติ ให้สังเกตว่า
ผู้ว่าการ ธปท. ใช้คำว่า “ยังไม่ปรากฎ” คดีทั้ง 9 ราย ก็ยังอยู่ที่ฝ่ายคดียังดำเนินการสอบสวนต่อไปจนกว่าจะพบ
หลักฐานความผิดที่ฟ้องได้ (เดลินิวส์, โลกวันนี้, บ้านเมือง)
3. ไทยได้เปรียบดุลการค้าจากการทำเอฟทีเอกับจีนและอินเดียเกือบหมื่นล้านบาท นายราเชนทร์
พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังจากที่ไทยได้ลงนามเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับ
ประเทศต่าง ๆ สรุปว่า ไทยได้เปรียบดุลการค้าแล้วกว่า 9,967 ล้านบาท แยกเป็น เอฟทีเอไทย-จีน ที่เริ่มตั้งแต่
วันที่ 1 ต.ค.46 — 31 ธ.ค.47 โดยไทยส่งออกไปจีน 16,142 ล้านบาท และนำเข้าจากจีน 8,104 ล้านบาท
ทำให้ไทยได้ดุลการค้ากับจีน 8,038 ล้านบาท ส่วนเอฟทีเอไทย-อินเดีย มีการเปิดเสรีนำร่องสินค้า 82
รายการ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. — 31 ธ.ค.47 ไทยส่งออกมูลค่า 2,603 ล้านบาท นำเข้ามูลค่า 674 ล้านบาท
ไทยได้ดุลการค้า 1,929 ล้านบาท ในขณะที่ เอฟทีเอไทย-ออสเตรเลีย ที่เพิ่งเริ่มเมื่อวันที่ 1 ม.ค.48 กรมได้
ออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าให้ผู้ส่งออก 634 ฉบับ ปริมาณ 24,695 ตัน รวมมูลค่า 2,142 ล้านบาท ซึ่งเห็น
ได้ชัดเจนว่าตั้งแต่มีการเปิดเอฟทีเอ สินค้าหลายตัวมีการส่งออกมากขึ้น แสดงว่ายุทธศาสตร์การทำเอฟทีเอทำให้
การค้ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจริง (ไทยรัฐ, แนวหน้า)
4. บีโอไอสรุปภาวะการลงทุนในภาคเหนือปี 47 เพิ่มขึ้นเกือบ 200% แนวโน้มปีนี้ขยายตัวเพิ่ม
ขึ้น นางศิริพร นุรักษ์ ผอ.ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคเหนือ 1 สนง.บีโอไอ เปิดเผยว่า ภาวะการลงทุนภาค
เหนือในปี 47 มีโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอถึง 72 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุน
14,914.3 ล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้นจากปี 46 ร้อยละ 191.24 โดยมากกว่าร้อยละ 50 เป็นโครงการลงทุนของนัก
ลงทุนไทย โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารเกษตรแปรรูป รองลงมา
เป็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ สำหรับสัดส่วนนักลงทุนต่าง
ประเทศที่เข้ามาลงทุนในภาคเหนือมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น ร้อยละ 46 รองลงมาคือ อเมริกา ยุโรป และเอเชีย
โดยเฉพาะสิงคโปร์ที่เริ่มให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในภาคเหนือมากขึ้น ส่วนแนวโน้มการลงทุนในปี 48 คาดว่าจะ
ขยายตัวเพิ่มขึ้น อย่างน้อยน่าจะมีการส่งเสริมการลงทุนไม่ต่ำกว่า 72 โครงการ แต่มูลค่าเงินลงทุนอาจไม่สูงเท่า
กับปี 47 ที่มีโครงการขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนมาก สำหรับอุตสาหกรรมที่น่าจับตามองเป็นพิเศษในปี 48 ได้แก่
อุตสาหกรรมเอสเอ็มอีและอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ เนื่องจากรัฐบาลกำลังส่งเสริมและผลักดันให้เชียงใหม่เป็น 1
ใน 3 จังหวัดที่จะเป็นนครสารสนเทศ (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. จำนวนคนขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สรอ.ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 ก.พ.48 ลดลงอยู่
ในระดับต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 17 ก.พ.48 กรมแรงงานของ สรอ.รายงานจำนวนคน
ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 ก.พ.48 มีจำนวน 302,000 คน ลดลง2,000 คน
จาก 304,000 คนในสัปดาห์ก่อน นับเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.43 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่เศรษฐกิจ
สรอ.จะเข้าสู่ภาวะถดถอย และต่างจากที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ก่อนหน้าว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 315,000 คน ในขณะที่
ตัวเลขเฉลี่ย 4 สัปดาห์ซึ่งตลาดให้ความสนใจเฝ้าติดตามมากกว่าก็ลดลง 4,000 คนจากสัปดาห์ก่อนมีจำนวน
311,750 คน เช่นเดียวกับจำนวนคนที่ขอสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องจากครั้งแรกที่มีจำนวนลดลง 14,000 คน
เหลือ 2.72 ล้านคนในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ก.พ.48 ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดที่มีอยู่ในขณะนี้ (รอยเตอร์)
2. กลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของ สรอ.ปรับลดประมาณการการขยายตัวของผลผลิตอุตสาหกรรม
ในปี 48 เป็นร้อยละ 3.5 และปี 49 เป็น 3.6 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 17 ก.พ.48 The
Manufacturers Alliance/MAPI trade group ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมใน สรอ.ได้ปรับลด
ประมาณการการขยายตัวของผลผลิตอุตสาหกรรมในปี 48 และปี 49 เหลือร้อยละ 3.5 และ 3.6 ตามลำดับ ลด
ลงจากประมาณการครั้งก่อนเมื่อเดือน พ.ย.47 ซึ่งคาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมในปี 48 และปี 49 จะขยายตัวร้อย
ละ 4.1 และ 5.0 ตามลำดับ หลังจากขยายตัวร้อยละ 4.8 ในปี 47 อย่างไรก็ดี อัตราการขยายตัวของผลผลิต
อุตสาหกรรมที่ถูกปรับลดลงก็ยังสูงกว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจซึ่งผู้ประกอบการอุตสาหกรรมกลุ่มนี้คาดว่าจะ
ขยายตัวร้อยละ 3.4 ในปี 48 และร้อยละ 3.3 ในปี 49 ลดลงจากปี 47 ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.4
โดยคาดว่าอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงโดยเฉพาะอุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลจะเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือร้อยละ 13.4
ในปี 48 และร้อยละ 10.7 ในปี 49 เช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 12.5 ในปี 48 และร้อยละ 10.7 ในปี 49 หลังจากขยายตัวร้อยละ 14.8 ในปี 47 (รอยเตอร์)
3. คาดว่ายอดขายปลีกของจีนจะเติบโตร้อยละ 10 ในปี 48 รายงานจากปักกิ่งเมื่อ 17 ก.
พ.48 ก.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการคาดการณ์ยอดขายปลีกของจีน ซึ่งคาดว่าในปี 48 ยอดขายปลีกจะขยายตัวร้อยละ
10 หลังจากที่ขยายตัวร้อยละ 13.3 ในปี 47 สำหรับยอดขายปลีกปี 47 ที่ปรับอัตราเงินเฟ้อแล้วขยายตัวร้อยละ
10.2 เนื่องจากรัฐบาลพยายามสนับสนุนการบริโภคเพื่อช่วยบรรเทาภาวะชะลอตัวของการลงทุนและช่วยประคับ
ประคองเศรษฐกิจของจีนให้อยู่ในภาวะสมดุล ทั้งนี้ ยอดขายปลีกซึ่งมีสัดส่วนเป็นร้อยละ 39.5 ของผลิตภัณฑ์ใน
ประเทศ ในปี 47 ที่สูงกว่าปีก่อนหน้าร้อยละ 0.4 บ่งชี้ว่า การบริโภคเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของ
เศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ยอดขายปลีกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงนี้ เป็นผลจากการใช้จ่ายเกี่ยวกับการตกแต่ง
บ้าน การซื้อโทรศัพท์มือถือ และรายได้จากภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะชะลอลงตามภาวะการลงทุนที่เติบโตชะลอ
ลงได้ (รอยเตอร์)
4. ปริมาณเงินหมุนเวียนของจีนเติบโตชะลอลงในเดือน ม.ค.48 รายงานจากปักกิ่งเมื่อ 17 ก.
พ.48 ธ.กลางจีน เปิดเผยว่า เดือน ม.ค.48 ปริมาณเงินหมุนเวียนในความหมายกว้าง (M2) ของจีนเติบโต
ชะลอลงที่ระดับร้อยละ 14.1 จากระดับร้อยละ 14.6 ในเดือนก่อนหน้า ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์
ซึ่งคาดว่าจะเติบโตที่ระดับร้อยละ 14.9 โดยก่อนหน้านี้ ปริมาณเงินหมุนเวียนของจีนเคยขยายตัวที่ระดับต่ำสุดใน
รอบ 3 ปีในเดือน ต.ค.47 หลังจากขยายตัวที่ระดับร้อยละ 20 ในช่วงต้นปี 46 สำหรับเป้าหมายการเติบโตของ
ปริมาณเงินทั้งปี 48 ทางการจีนประมาณการไว้ที่ระดับร้อยละ 15 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 18 ก.พ. 48 17 ก.พ. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38/540 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.3595/38.6553 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875 - 2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 734.68/33.79 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,750/7,850 7,700/7,800 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 39.91 40.18 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 20.49*/14.59 20.09*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 15 ก.พ. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--