กรุงเทพ--11 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
1. การเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีรอบที่ 3 ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ มีขึ้นระหว่างวันที่ 4-9 เมษายน 2548 ที่พัทยา โดยมีนายนิตย์ พิบูลสงคราม เป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทยและ Ms. Barbara Weisel เป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายสหรัฐฯ
2. ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นต่างๆ รวม 19 เรื่องคือ
1) การเปิดตลาดสินค้าเกษตร
2) การเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรม
3) การเปิดตลาดสินค้าสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป
4) มาตรการเยียวยาทางการค้า
5) มาตรการสุขอนามัยพืชและสัตว์
6) อุปสรรคทางเทคนิคต่อ การค้า
7) กฎแหล่งกำเนิดสินค้า
8) การเปิดเสรีภาคบริการ
9) การเปิดเสรีภาคการลงทุน
10) แรงงาน
11)สิ่งแวดล้อม
12) ทรัพย์สินทางปัญญา
13) พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
14) โทรคมนาคม
15) การแข่งขันทางการค้า
16) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
17) การสร้างขีดความสามารถทางการค้า และวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (TCB/SMEs) 18) การระงับข้อพิพาท และ 19) ความโปร่งใส โดยครั้งนี้ไม่มีการหารือการเปิดเสรีภาคการเงิน รวมทั้งการจัดซื้อภาครัฐ และมาตรการและระเบียบพิธีศุลกากร เนื่องจากได้มีการเจรจานอกรอบ (inter-session) ไม่นานก่อนหน้านี้
3. ในการประชุมในครั้งนี้มีผู้แทนจากส่วนราชการเข้าร่วมถึง 42 หน่วยงาน ผู้แทน จากภาคเอกชนอีกกว่า 20 คน ที่ร่วมสังเกตการณ์ รับฟังและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับคณะผู้เจรจา ของไทยทุกวันหลังจากที่คณะเจรจาฝ่ายไทยเสร็จสิ้นภารกิจกับฝ่ายสหรัฐฯ รวมทั้งมีคณะอาจารย์ประมาณ 10 คนที่ให้คำปรึกษาเชิงวิชาการแก่คณะเจรจาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น คณะเจรจา ได้พบปะหารือกับผู้แทนองค์กรเอกชนกลุ่มเครือข่ายภาคประชาชนประมาณ 1,500 คนที่ได้มาร่วมชุมนุมแสดงท่าทีบริเวณสถานที่จัดการประชุมด้วย
นอกจากนี้ คณะเจรจาของไทยและสหรัฐฯ ยังได้เปิดโอกาสให้ผู้แทนภาคเอกชนจากกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ จำนวน 25 คน อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมยา พลาสติก เคมีภัณฑ์ ซอฟต์แวร์ สิ่งทอ ฯลฯ เข้าร่วมหารือเพื่อพิจารณาความร่วมมือที่จะเพิ่มขีดความสามารถทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการไทย
4. ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ยอมรับหรือผูกพันเรื่องใดเรื่องหนึ่งแต่อย่างใด ในการเจรจารอบนี้
5. สรุปผลการหารือประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชน ดังนี้
5.1 การเปิดตลาดสินค้า
ในการเจรจา FTA กับสหรัฐฯ ได้มีการแบ่งกลุ่มเจรจาในหัวข้อนี้เป็น 3 กลุ่มคือการเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตร สินค้าสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป
โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเรื่องรูปแบบการลดภาษี และตกลงที่จะแลกเปลี่ยนข้อเสนอที่ทั้งสองฝ่ายพร้อมจะลดภาษีระหว่างกัน
5.2 การลดอุปสรรคทางการค้า
ทั้งสองฝ่ายได้หารือการลดข้อกีดกันทางการค้าที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งสินค้าเกษตร อาทิ ผัก ผลไม้ ฯลฯ และสินค้าอุตสาหกรรมของไทยไปสหรัฐฯ โดยฝ่ายสหรัฐฯ ได้แสดงความพร้อมที่จะเร่งรัดการแก้ปัญหาศัตรูพืชในผลไม้ไทย 6 ชนิด (ลำไย มังคุด ลิ้นจี่ มะม่วง เงาะ สับปะรด) เพื่อให้สามารถเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ และได้มีการหารือที่จะจัดตั้งกลไกที่จะแก้ปัญหาร่วมกันในเรื่องข้อกีดกันทางการค้าโดยไม่ต้องรอเจรจาความตกลงเสร็จสิ้น และเห็นชอบข้อเสนอของไทยในการจัดบรรยายและสัมมนาเกี่ยวกับโครงสร้างรับรองมาตรฐานสินค้าของกันและกัน
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังรับที่จะพิจารณาเรื่องการเปิดตลาดให้สินค้าไก่ต้มสุกของไทย และจัดทำมาตรฐานร่วมสินค้าเกษตรและอาหารไทยบางรายการที่จะเข้าตลาดสหรัฐฯ เช่น มะขามหวาน และก๋วยเตี๋ยวเส้นจันทน์
5.3 ประเด็นความร่วมมือ
ในรอบนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะเริ่มโครงการความร่วมมือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการค้าให้ผู้ประกอบการรายย่อยของไทย 29 โครงการ ส่วนใหญ่มุ่งเน้น การเรียนรู้กฎระเบียบด้านมาตรฐานเพื่อการเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ การฝึกอบรมให้รัฐวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของไทยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อแสวงหาข้อมูลด้านการตลาด การเขียนแผนทางธุรกิจเพื่อขอเงินกู้ การให้ข้อมูลและจัดหาแหล่งเงินกู้ การจัดให้ กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมของไทยและสหรัฐฯ ได้พบปะกัน
ตัวอย่างโครงการข้างต้นประกอบด้วยการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือด้านการเงินให้ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิประมาณเดือนกรกฎาคม ศกนี้ สมาคมด้านสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทยจะไปพบหารือกับสมาคมผู้นำเข้าสิ่งทอของสหรัฐฯ เพื่อสร้างความคุ้นเคยและแสวงหาโอกาสทางการค้าร่วมกัน ตลอดจนการถ่ายทอดความรู้ให้หน่วยงาน SMEs ไทยในการให้บริการต่อผู้ประกอบการรายย่อยในการทำธุรกิจแบบครบวงจร เป็นต้น
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือเรื่องความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสหรัฐฯ ตอบรับที่จะร่วมมือกับไทยในโครงการขนาดใหญ่ 9 โครงการ อาทิ การใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายทางอวกาศในการเตือนภัยธรรมชาติและการใช้พลังงานทดแทน โดยเฉพาะการพัฒนาพลังงานทางเลือกจากข้าวโพด ซึ่งสหรัฐฯ มีความเชี่ยวชาญ ทั้งสองฝ่ายตกลงกันแล้วว่า จะไม่นำเรื่องความร่วมมือมาต่อรองในการเจรจา การมีความร่วมมือเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการไทยในการเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถให้แก่หน่วยงานของไทยที่ให้บริการแก่ SMEs
5.4 แรงงานและสิ่งแวดล้อม
สองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องความร่วมมือด้านแรงงานโดยฝ่ายไทยให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาระดับมาตรฐานแรงงานของไทย โดยเฉพาะการถ่ายทอดความรู้ ให้ผู้ประกอบการไทยมีการปรับปรุงสภาพการทำงานที่มีความปลอดภัยและถูกสุขอนามัย การส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมในเรื่องต่างๆ เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best practices) เพื่อนำมาใช้ในกระบวนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น
5.5 ทรัพย์สินทางปัญญา
สองฝ่ายได้หารือต่อเนื่องจากการเจรจารอบที่ 2 โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเปรียบเทียบกฎหมายระหว่างกันในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ลิขสิทธ์และสิทธิข้างเคียง เครื่องหมายการค้า เพื่อหาความชัดเจนให้มากขึ้น
โดยรวมแล้ว ไทยและสหรัฐฯ ได้ร่วมกันหารือเรื่องการยกระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของทั้งสองฝ่ายให้มีประสิทธิภาพ มีการดำเนินการทางกฎหมายต่อการละเมิดและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง รวมทั้งมีมาตรการทางศุลกากร เพื่อป้องกันการขนส่งสินค้าผิดกฎหมายข้ามแดน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-สส-
1. การเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีรอบที่ 3 ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ มีขึ้นระหว่างวันที่ 4-9 เมษายน 2548 ที่พัทยา โดยมีนายนิตย์ พิบูลสงคราม เป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทยและ Ms. Barbara Weisel เป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายสหรัฐฯ
2. ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นต่างๆ รวม 19 เรื่องคือ
1) การเปิดตลาดสินค้าเกษตร
2) การเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรม
3) การเปิดตลาดสินค้าสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป
4) มาตรการเยียวยาทางการค้า
5) มาตรการสุขอนามัยพืชและสัตว์
6) อุปสรรคทางเทคนิคต่อ การค้า
7) กฎแหล่งกำเนิดสินค้า
8) การเปิดเสรีภาคบริการ
9) การเปิดเสรีภาคการลงทุน
10) แรงงาน
11)สิ่งแวดล้อม
12) ทรัพย์สินทางปัญญา
13) พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
14) โทรคมนาคม
15) การแข่งขันทางการค้า
16) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
17) การสร้างขีดความสามารถทางการค้า และวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (TCB/SMEs) 18) การระงับข้อพิพาท และ 19) ความโปร่งใส โดยครั้งนี้ไม่มีการหารือการเปิดเสรีภาคการเงิน รวมทั้งการจัดซื้อภาครัฐ และมาตรการและระเบียบพิธีศุลกากร เนื่องจากได้มีการเจรจานอกรอบ (inter-session) ไม่นานก่อนหน้านี้
3. ในการประชุมในครั้งนี้มีผู้แทนจากส่วนราชการเข้าร่วมถึง 42 หน่วยงาน ผู้แทน จากภาคเอกชนอีกกว่า 20 คน ที่ร่วมสังเกตการณ์ รับฟังและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับคณะผู้เจรจา ของไทยทุกวันหลังจากที่คณะเจรจาฝ่ายไทยเสร็จสิ้นภารกิจกับฝ่ายสหรัฐฯ รวมทั้งมีคณะอาจารย์ประมาณ 10 คนที่ให้คำปรึกษาเชิงวิชาการแก่คณะเจรจาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น คณะเจรจา ได้พบปะหารือกับผู้แทนองค์กรเอกชนกลุ่มเครือข่ายภาคประชาชนประมาณ 1,500 คนที่ได้มาร่วมชุมนุมแสดงท่าทีบริเวณสถานที่จัดการประชุมด้วย
นอกจากนี้ คณะเจรจาของไทยและสหรัฐฯ ยังได้เปิดโอกาสให้ผู้แทนภาคเอกชนจากกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ จำนวน 25 คน อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมยา พลาสติก เคมีภัณฑ์ ซอฟต์แวร์ สิ่งทอ ฯลฯ เข้าร่วมหารือเพื่อพิจารณาความร่วมมือที่จะเพิ่มขีดความสามารถทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการไทย
4. ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ยอมรับหรือผูกพันเรื่องใดเรื่องหนึ่งแต่อย่างใด ในการเจรจารอบนี้
5. สรุปผลการหารือประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชน ดังนี้
5.1 การเปิดตลาดสินค้า
ในการเจรจา FTA กับสหรัฐฯ ได้มีการแบ่งกลุ่มเจรจาในหัวข้อนี้เป็น 3 กลุ่มคือการเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตร สินค้าสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป
โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเรื่องรูปแบบการลดภาษี และตกลงที่จะแลกเปลี่ยนข้อเสนอที่ทั้งสองฝ่ายพร้อมจะลดภาษีระหว่างกัน
5.2 การลดอุปสรรคทางการค้า
ทั้งสองฝ่ายได้หารือการลดข้อกีดกันทางการค้าที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งสินค้าเกษตร อาทิ ผัก ผลไม้ ฯลฯ และสินค้าอุตสาหกรรมของไทยไปสหรัฐฯ โดยฝ่ายสหรัฐฯ ได้แสดงความพร้อมที่จะเร่งรัดการแก้ปัญหาศัตรูพืชในผลไม้ไทย 6 ชนิด (ลำไย มังคุด ลิ้นจี่ มะม่วง เงาะ สับปะรด) เพื่อให้สามารถเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ และได้มีการหารือที่จะจัดตั้งกลไกที่จะแก้ปัญหาร่วมกันในเรื่องข้อกีดกันทางการค้าโดยไม่ต้องรอเจรจาความตกลงเสร็จสิ้น และเห็นชอบข้อเสนอของไทยในการจัดบรรยายและสัมมนาเกี่ยวกับโครงสร้างรับรองมาตรฐานสินค้าของกันและกัน
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังรับที่จะพิจารณาเรื่องการเปิดตลาดให้สินค้าไก่ต้มสุกของไทย และจัดทำมาตรฐานร่วมสินค้าเกษตรและอาหารไทยบางรายการที่จะเข้าตลาดสหรัฐฯ เช่น มะขามหวาน และก๋วยเตี๋ยวเส้นจันทน์
5.3 ประเด็นความร่วมมือ
ในรอบนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะเริ่มโครงการความร่วมมือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการค้าให้ผู้ประกอบการรายย่อยของไทย 29 โครงการ ส่วนใหญ่มุ่งเน้น การเรียนรู้กฎระเบียบด้านมาตรฐานเพื่อการเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ การฝึกอบรมให้รัฐวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของไทยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อแสวงหาข้อมูลด้านการตลาด การเขียนแผนทางธุรกิจเพื่อขอเงินกู้ การให้ข้อมูลและจัดหาแหล่งเงินกู้ การจัดให้ กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมของไทยและสหรัฐฯ ได้พบปะกัน
ตัวอย่างโครงการข้างต้นประกอบด้วยการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือด้านการเงินให้ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิประมาณเดือนกรกฎาคม ศกนี้ สมาคมด้านสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทยจะไปพบหารือกับสมาคมผู้นำเข้าสิ่งทอของสหรัฐฯ เพื่อสร้างความคุ้นเคยและแสวงหาโอกาสทางการค้าร่วมกัน ตลอดจนการถ่ายทอดความรู้ให้หน่วยงาน SMEs ไทยในการให้บริการต่อผู้ประกอบการรายย่อยในการทำธุรกิจแบบครบวงจร เป็นต้น
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือเรื่องความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสหรัฐฯ ตอบรับที่จะร่วมมือกับไทยในโครงการขนาดใหญ่ 9 โครงการ อาทิ การใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายทางอวกาศในการเตือนภัยธรรมชาติและการใช้พลังงานทดแทน โดยเฉพาะการพัฒนาพลังงานทางเลือกจากข้าวโพด ซึ่งสหรัฐฯ มีความเชี่ยวชาญ ทั้งสองฝ่ายตกลงกันแล้วว่า จะไม่นำเรื่องความร่วมมือมาต่อรองในการเจรจา การมีความร่วมมือเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการไทยในการเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถให้แก่หน่วยงานของไทยที่ให้บริการแก่ SMEs
5.4 แรงงานและสิ่งแวดล้อม
สองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องความร่วมมือด้านแรงงานโดยฝ่ายไทยให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาระดับมาตรฐานแรงงานของไทย โดยเฉพาะการถ่ายทอดความรู้ ให้ผู้ประกอบการไทยมีการปรับปรุงสภาพการทำงานที่มีความปลอดภัยและถูกสุขอนามัย การส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมในเรื่องต่างๆ เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best practices) เพื่อนำมาใช้ในกระบวนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น
5.5 ทรัพย์สินทางปัญญา
สองฝ่ายได้หารือต่อเนื่องจากการเจรจารอบที่ 2 โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเปรียบเทียบกฎหมายระหว่างกันในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ลิขสิทธ์และสิทธิข้างเคียง เครื่องหมายการค้า เพื่อหาความชัดเจนให้มากขึ้น
โดยรวมแล้ว ไทยและสหรัฐฯ ได้ร่วมกันหารือเรื่องการยกระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของทั้งสองฝ่ายให้มีประสิทธิภาพ มีการดำเนินการทางกฎหมายต่อการละเมิดและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง รวมทั้งมีมาตรการทางศุลกากร เพื่อป้องกันการขนส่งสินค้าผิดกฎหมายข้ามแดน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-สส-