ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ระบุการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญในขณะนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในปาฐกถาเรื่อง “ทิศทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเงิน” จัดขึ้นโดยสถาบัน
ปิโตรเลียมวานนี้ (7 ธ.ค.) ว่า การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด เนื่องมาจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมัน ถือว่า
เป็นปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญและโดยเฉพาะเมื่อไทยมีการลงทุนเพิ่มขึ้นทั้งจากภาครัฐและเอกชน ซึ่งขณะนี้มีอัตรา
การใช้กำลังการผลิตในหลายอุตสาหกรรมขยายตัวสูงถึงระดับร้อยละ 80 อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นปัจจัยที่มีปัญหา
เมื่อเทียบกับปัจจัยอื่น ๆ ที่ได้คลี่คลายลงไปแล้ว แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเป็นห่วงมากนัก เพราะปัญหาการขาดดุลบัญชีเดิน
สะพัดเป็นปัจจัยที่ ธปท.ได้ดูแลมาตั้งแต่ต้น ประกอบกับหากพิจารณาจากเงินทุนโดยตรงที่ไหลเข้ามาแล้ว จะเห็นว่ามี
จำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งมีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของไทยจำนวน 800 ล้านดอลลาร์ สรอ.ในปีที่ผ่านมา ได้
ปรับเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนถึง 1,800 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในช่วงเวลา 9 เดือนแรกของปีนี้ (กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท.ส่งสัญญาณจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องจนกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้
จริงเป็นบวก ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตรา
ดอกเบี้ยพันธบัตรซื้อคืนระยะ 14 วัน ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 ธ.ค.ว่า
อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.จะยังมีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มขึ้นต่อไป จนกระทั่งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริง
ของประเทศกลับมาเป็นบวกได้ในที่สุด โดยก่อนหน้านี้ ธปท.คาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะเริ่มเป็นบวกได้
ในช่วงกลางปี 49 หากอัตราเงินเฟ้อเป็นไปตามที่ ธปท.คาดการณ์ว่าจะเร่งตัวสูงที่สุดในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้
และเริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่ต้นปี 49 และอยู่ในระดับร้อยละ 3 ในช่วงสิ้นปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับทิศทางของราคาน้ำมันใน
อนาคตด้วยว่าจะกดดันให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ (ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์)
3. สศค.เตรียมปรับเพิ่มจีดีพีปี 48 อีกครั้ง ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงการ
ปรับประมาณการการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ปี 48 จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 5.3 ว่า ก.คลังเตรียม
ทบทวนตัวเลขจีดีพีทั้งปี 48 ใหม่ จากที่เคยประมาณไว้ว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.3 เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวนั้น
สศค.ได้ใช้ประมาณการจีดีพีไตรมาส 3 ที่ร้อยละ 4.8 เท่านั้น ทั้งนี้ การปรับประมาณการดังกล่าวเพื่อนำมาจัดทำ
งบประมาณประจำปี 50 และเพื่อนำมาประมาณการจีดีพีในปีต่อไปด้วย ขณะที่ ธปท.คาดการณ์ว่า การขยายตัวของ
เศรษฐกิจทั้งปี 48 จะไม่ต่ำกว่าที่ ก.คลังคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 4.3 แต่ไม่สูงถึงร้อยละ 4.7 เช่นที่ สศช.ประมาณ
การ แต่จะอยู่ระหว่างร้อยละ 4.25-4.75 และในปี 49 อัตราการเติบโตจะสูงกว่าร้อยละ 5.0 โดยมีการลงทุน
ภาคเอกชน และการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อน รวมทั้งหากราคาน้ำมันโลกไม่สูงขึ้นต่อเนื่อง อัตราการขยายตัวของ
ไทยอาจสูงกว่าที่ประมาณการไว้ได้อีก (ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าเศรษฐกิจของอังกฤษจะขยายตัวในอัตราต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ร้อยละ 0.4 ในช่วง
3 เดือนสิ้นสุดเดือน พ.ย.48 รายงานจากลอนดอน เมื่อ 7 ธ.ค.48 สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของ
อังกฤษคาดว่าเศรษฐกิจของอังกฤษจะขยายตัวในอัตราต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ร้อยละ 0.4 ในช่วง 3 เดือนสิ้น
สุดเดือน พ.ย.48 หลังจากขยายตัวร้อยละ 0.3 ในช่วง 3 เดือนสิ้นสุดเดือน ต.ค.48 โดยเป็นผลจากตัวเลขผล
ผลิตในภาคการผลิตและอุตสาหกรรมของอังกฤษในเดือน ต.ค.48 ลดลงในอัตราสูงสุดในรอบ 7 เดือน ส่งผลให้นัก
วิเคราะห์คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีหน้าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคาดว่า ธ.กลาง
อังกฤษจะยังอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 4.5 ต่อปีในการประชุมในวันที่ 7 ธ.ค.48 นี้ เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันหลัง
จากลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 ต่อปีในเดือน ส.ค.48 ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
2. คาดว่าในปีหน้าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตร้อยละ 8.5 — 9.0 ชะลอลงจากปีนี้ รายงานจาก
Shanghai เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 48 Shanghai Securities News เปิดเผยว่า นาย Chen Dongqi รอง
ผอก.ศูนย์วิจัย National Development and Reform Commission ของจีนกล่าวว่าเป้าหมายหลักในปีหน้า
ของจีนคือ การกระตุ้นการบริโภคในประเทศ โดยในปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 13 ซึ่งใน
ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนขยายตัวประมาณร้อยละ 9.5 และจากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันคาดว่าในปี
หน้าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง โดยจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 8.5-9 เนื่องจากการลดลงของการเกินดุลการค้า นอกจาก
นั้นเขายังคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index — CPI) ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 1 —
2 น้อยกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้น และเตือนว่าภาวะเงินฝืดอาจจะเกิดขึ้นได้ในปีหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรให้ความ
สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปสงค์ในการลงทุน ที่อาจจะเพิ่มแรงกดดันด้านราคา รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการ
ขยายตัวของทุนสำรองระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นเดือน พ.ย. State Information Center คาด
ว่าทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนในปลายปีหน้า จะสูงถึง 950 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจาก 769 พัน
ล. ดอลลาร์ สรอ. ณ ปลายเดือน ก.ย. 48 และ 610 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ในปลายปีนี้ (รอยเตอร์)
3. ผลสำรวจคาดว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์ในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 5.1 ต่อปี รายงานจากสิงคโปร์
เมื่อ 7 ธ.ค.48 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ภาคเอกชนโดย ธ.กลางสิงคโปร์ประจำไตรมาสที่ 4 ปีนี้
คาดว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์จะขยายตัวร้อยละ 5.1 ในปีนี้ สูงขึ้นจากผลสำรวจครั้งก่อนเมื่อเดือน ก.ย.48 ที่คาดว่า
จะขยายตัวร้อยละ 4.4 ต่อปี โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวในทุกภาคเศรษฐกิจยกเว้นภาคการก่อสร้าง โรงแรม
และภัตตาคาร นอกจากนี้ผลสำรวจยังคาดว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์ในปีหน้าจะยังขยายตัวต่อเนื่องในอัตราร้อยละ 5.0
ต่อปี เท่ากับผลสำรวจครั้งก่อนเมื่อเดือน ก.ย.48 โดยเศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวในอัตราสูงกว่าที่คาดไว้คือร้อย
ละ 7.1 ต่อปีในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ หลังจากขยายตัวร้อยละ 18 ต่อปีในไตรมาสที่ 2 ปีนี้จากผลผลิตอุตสาหกรรมยาที่
พุ่งสูงขึ้นและการฟื้นตัวในตลาดโลกของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิคส์ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของสิงคโปร์ (รอยเตอร์)
4. ดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภคเกาหลีใต้ในเดือน พ.ย.48 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3
รายงานจากโซลเมื่อ 8 ธ.ค.48 The National Statistical Office เปิดเผยว่า ดัชนีความคาดหวังของผู้
บริโภคเกาหลีใต้(Consumer expectation index) ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้ชี้วัดมุมมองของผู้บริโภคต่อแนวโน้มภาวะ
เศรษฐกิจและฐานะการใช้จ่ายส่วนบุคคลในช่วง 6 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในเดือน พ.
ย.48 ที่ระดับ 98.5 จากระดับ 97.5 และ 96.7 ในเดือน ต.ค.และ ก.ย. ตามลำดับ ซึ่งบรรดานัก
เศรษฐศาสตร์กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายส่วนบุคคลยังคงอยู่ในภาวะที่ดี อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดัง
กล่าวยังไม่อยู่ในระดับที่จะส่งผลให้ ธ.กลางเกาหลีใต้เปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราดอกเบี้ย โดยคาดว่า ธ.กลาง
เกาหลีใต้จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อยละ 3.50 ต่อไป อนึ่ง ธ.กลางเกาหลีใต้คาดการณ์ว่าจะ
สามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราดอกเบี้ยได้ในปี 49 เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้จะเติบโตถึงร้อยละ 5
ในปี 49 โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี คาดว่าจะเติบโตได้ร้อยละ 5.5 และจะชะลอลงในช่วงครึ่งหลังของปีที่
ร้อยละ 4.6 ทั้งนี้ การที่เศรษฐกิจเกาหลีใต้เติบโตขึ้นในปี 49 ประกอบกับการปรับเพิ่มของราคาน้ำมัน อาจเป็น
ปัจจัยผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปี 49 ปรับเพิ่มขึ้นที่ระดับร้อยละ 2.7 จากร้อยละ 2.3 ในปี 48 ทั้งนี้ แม้
ว่าความต้องการภายในประเทศจะเพิ่งเริ่มฟื้นตัวไม่นานนี้ แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ก็ยังคงต้องพึ่ง
พาภาคบริการเป็นหลัก เนื่องจากภาคการส่งออกกำลังประสบภาวะชะลอตัว (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8 ธ.ค. 48 7 ธ.ค.48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.32 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.1348/41.4225 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.8475 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 694.87/ 26.45 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,000/10,100 9,850/9,950 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 53.2 53.16 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 30 พ.ย. 48 24.84*/22.69** 24.84*/22.69** 16.99/14.59 ปตท.
** ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 14 พ.ย. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ระบุการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญในขณะนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในปาฐกถาเรื่อง “ทิศทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเงิน” จัดขึ้นโดยสถาบัน
ปิโตรเลียมวานนี้ (7 ธ.ค.) ว่า การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด เนื่องมาจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมัน ถือว่า
เป็นปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญและโดยเฉพาะเมื่อไทยมีการลงทุนเพิ่มขึ้นทั้งจากภาครัฐและเอกชน ซึ่งขณะนี้มีอัตรา
การใช้กำลังการผลิตในหลายอุตสาหกรรมขยายตัวสูงถึงระดับร้อยละ 80 อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นปัจจัยที่มีปัญหา
เมื่อเทียบกับปัจจัยอื่น ๆ ที่ได้คลี่คลายลงไปแล้ว แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเป็นห่วงมากนัก เพราะปัญหาการขาดดุลบัญชีเดิน
สะพัดเป็นปัจจัยที่ ธปท.ได้ดูแลมาตั้งแต่ต้น ประกอบกับหากพิจารณาจากเงินทุนโดยตรงที่ไหลเข้ามาแล้ว จะเห็นว่ามี
จำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งมีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของไทยจำนวน 800 ล้านดอลลาร์ สรอ.ในปีที่ผ่านมา ได้
ปรับเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนถึง 1,800 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในช่วงเวลา 9 เดือนแรกของปีนี้ (กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท.ส่งสัญญาณจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องจนกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้
จริงเป็นบวก ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตรา
ดอกเบี้ยพันธบัตรซื้อคืนระยะ 14 วัน ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 ธ.ค.ว่า
อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.จะยังมีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มขึ้นต่อไป จนกระทั่งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริง
ของประเทศกลับมาเป็นบวกได้ในที่สุด โดยก่อนหน้านี้ ธปท.คาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะเริ่มเป็นบวกได้
ในช่วงกลางปี 49 หากอัตราเงินเฟ้อเป็นไปตามที่ ธปท.คาดการณ์ว่าจะเร่งตัวสูงที่สุดในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้
และเริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่ต้นปี 49 และอยู่ในระดับร้อยละ 3 ในช่วงสิ้นปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับทิศทางของราคาน้ำมันใน
อนาคตด้วยว่าจะกดดันให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ (ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์)
3. สศค.เตรียมปรับเพิ่มจีดีพีปี 48 อีกครั้ง ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงการ
ปรับประมาณการการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ปี 48 จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 5.3 ว่า ก.คลังเตรียม
ทบทวนตัวเลขจีดีพีทั้งปี 48 ใหม่ จากที่เคยประมาณไว้ว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.3 เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวนั้น
สศค.ได้ใช้ประมาณการจีดีพีไตรมาส 3 ที่ร้อยละ 4.8 เท่านั้น ทั้งนี้ การปรับประมาณการดังกล่าวเพื่อนำมาจัดทำ
งบประมาณประจำปี 50 และเพื่อนำมาประมาณการจีดีพีในปีต่อไปด้วย ขณะที่ ธปท.คาดการณ์ว่า การขยายตัวของ
เศรษฐกิจทั้งปี 48 จะไม่ต่ำกว่าที่ ก.คลังคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 4.3 แต่ไม่สูงถึงร้อยละ 4.7 เช่นที่ สศช.ประมาณ
การ แต่จะอยู่ระหว่างร้อยละ 4.25-4.75 และในปี 49 อัตราการเติบโตจะสูงกว่าร้อยละ 5.0 โดยมีการลงทุน
ภาคเอกชน และการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อน รวมทั้งหากราคาน้ำมันโลกไม่สูงขึ้นต่อเนื่อง อัตราการขยายตัวของ
ไทยอาจสูงกว่าที่ประมาณการไว้ได้อีก (ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าเศรษฐกิจของอังกฤษจะขยายตัวในอัตราต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ร้อยละ 0.4 ในช่วง
3 เดือนสิ้นสุดเดือน พ.ย.48 รายงานจากลอนดอน เมื่อ 7 ธ.ค.48 สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของ
อังกฤษคาดว่าเศรษฐกิจของอังกฤษจะขยายตัวในอัตราต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ร้อยละ 0.4 ในช่วง 3 เดือนสิ้น
สุดเดือน พ.ย.48 หลังจากขยายตัวร้อยละ 0.3 ในช่วง 3 เดือนสิ้นสุดเดือน ต.ค.48 โดยเป็นผลจากตัวเลขผล
ผลิตในภาคการผลิตและอุตสาหกรรมของอังกฤษในเดือน ต.ค.48 ลดลงในอัตราสูงสุดในรอบ 7 เดือน ส่งผลให้นัก
วิเคราะห์คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีหน้าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคาดว่า ธ.กลาง
อังกฤษจะยังอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 4.5 ต่อปีในการประชุมในวันที่ 7 ธ.ค.48 นี้ เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันหลัง
จากลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 ต่อปีในเดือน ส.ค.48 ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
2. คาดว่าในปีหน้าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตร้อยละ 8.5 — 9.0 ชะลอลงจากปีนี้ รายงานจาก
Shanghai เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 48 Shanghai Securities News เปิดเผยว่า นาย Chen Dongqi รอง
ผอก.ศูนย์วิจัย National Development and Reform Commission ของจีนกล่าวว่าเป้าหมายหลักในปีหน้า
ของจีนคือ การกระตุ้นการบริโภคในประเทศ โดยในปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 13 ซึ่งใน
ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนขยายตัวประมาณร้อยละ 9.5 และจากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันคาดว่าในปี
หน้าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง โดยจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 8.5-9 เนื่องจากการลดลงของการเกินดุลการค้า นอกจาก
นั้นเขายังคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index — CPI) ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 1 —
2 น้อยกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้น และเตือนว่าภาวะเงินฝืดอาจจะเกิดขึ้นได้ในปีหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรให้ความ
สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปสงค์ในการลงทุน ที่อาจจะเพิ่มแรงกดดันด้านราคา รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการ
ขยายตัวของทุนสำรองระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นเดือน พ.ย. State Information Center คาด
ว่าทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนในปลายปีหน้า จะสูงถึง 950 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจาก 769 พัน
ล. ดอลลาร์ สรอ. ณ ปลายเดือน ก.ย. 48 และ 610 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ในปลายปีนี้ (รอยเตอร์)
3. ผลสำรวจคาดว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์ในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 5.1 ต่อปี รายงานจากสิงคโปร์
เมื่อ 7 ธ.ค.48 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ภาคเอกชนโดย ธ.กลางสิงคโปร์ประจำไตรมาสที่ 4 ปีนี้
คาดว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์จะขยายตัวร้อยละ 5.1 ในปีนี้ สูงขึ้นจากผลสำรวจครั้งก่อนเมื่อเดือน ก.ย.48 ที่คาดว่า
จะขยายตัวร้อยละ 4.4 ต่อปี โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวในทุกภาคเศรษฐกิจยกเว้นภาคการก่อสร้าง โรงแรม
และภัตตาคาร นอกจากนี้ผลสำรวจยังคาดว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์ในปีหน้าจะยังขยายตัวต่อเนื่องในอัตราร้อยละ 5.0
ต่อปี เท่ากับผลสำรวจครั้งก่อนเมื่อเดือน ก.ย.48 โดยเศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวในอัตราสูงกว่าที่คาดไว้คือร้อย
ละ 7.1 ต่อปีในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ หลังจากขยายตัวร้อยละ 18 ต่อปีในไตรมาสที่ 2 ปีนี้จากผลผลิตอุตสาหกรรมยาที่
พุ่งสูงขึ้นและการฟื้นตัวในตลาดโลกของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิคส์ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของสิงคโปร์ (รอยเตอร์)
4. ดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภคเกาหลีใต้ในเดือน พ.ย.48 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3
รายงานจากโซลเมื่อ 8 ธ.ค.48 The National Statistical Office เปิดเผยว่า ดัชนีความคาดหวังของผู้
บริโภคเกาหลีใต้(Consumer expectation index) ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้ชี้วัดมุมมองของผู้บริโภคต่อแนวโน้มภาวะ
เศรษฐกิจและฐานะการใช้จ่ายส่วนบุคคลในช่วง 6 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในเดือน พ.
ย.48 ที่ระดับ 98.5 จากระดับ 97.5 และ 96.7 ในเดือน ต.ค.และ ก.ย. ตามลำดับ ซึ่งบรรดานัก
เศรษฐศาสตร์กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายส่วนบุคคลยังคงอยู่ในภาวะที่ดี อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดัง
กล่าวยังไม่อยู่ในระดับที่จะส่งผลให้ ธ.กลางเกาหลีใต้เปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราดอกเบี้ย โดยคาดว่า ธ.กลาง
เกาหลีใต้จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อยละ 3.50 ต่อไป อนึ่ง ธ.กลางเกาหลีใต้คาดการณ์ว่าจะ
สามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราดอกเบี้ยได้ในปี 49 เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้จะเติบโตถึงร้อยละ 5
ในปี 49 โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี คาดว่าจะเติบโตได้ร้อยละ 5.5 และจะชะลอลงในช่วงครึ่งหลังของปีที่
ร้อยละ 4.6 ทั้งนี้ การที่เศรษฐกิจเกาหลีใต้เติบโตขึ้นในปี 49 ประกอบกับการปรับเพิ่มของราคาน้ำมัน อาจเป็น
ปัจจัยผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปี 49 ปรับเพิ่มขึ้นที่ระดับร้อยละ 2.7 จากร้อยละ 2.3 ในปี 48 ทั้งนี้ แม้
ว่าความต้องการภายในประเทศจะเพิ่งเริ่มฟื้นตัวไม่นานนี้ แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ก็ยังคงต้องพึ่ง
พาภาคบริการเป็นหลัก เนื่องจากภาคการส่งออกกำลังประสบภาวะชะลอตัว (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8 ธ.ค. 48 7 ธ.ค.48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.32 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.1348/41.4225 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.8475 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 694.87/ 26.45 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,000/10,100 9,850/9,950 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 53.2 53.16 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 30 พ.ย. 48 24.84*/22.69** 24.84*/22.69** 16.99/14.59 ปตท.
** ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 14 พ.ย. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--