นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี ในฐานะประธานคณะทำงานด้านพลังงานของพรรคประชาธิปัตย์แถลงวันนี้(26 ก.พ.)ว่า จากการที่รัฐบาลขึ้นราคาน้ำมันอีกระลอกหนึ่งและมีแนวโน้มที่จะปรับราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่องในเดือนหน้าส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและค่าครองชีพของประชาชนโดยตรงจึงขอให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินการ 3 มาตรการสำคัญเป็นการด่วนได้แก่
1. มาตรการประหยัดน้ำมันและไฟฟ้าโดยกำหนดเป้าหมายการลดปริมาณการใช้ทั้งภาคราชการและเอกชนให้ได้ 10% ภายใน 6 เดือนจะช่วยลดการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติได้คิดเป็นเงินถึง 40,000 ล้านบาทต่อปี
2. มาตรการส่งเสริมพลังงานทดแทน เอทานอลและ ไบโอดีเซล โดยเร่งรัดการก่อสร้างโรงงานเอทานอล 23 แห่งให้แล้วเสร็จภายในปี2548 จะสามารถผลิตเอทานอลได้ไม่น้อยกว่าปีละ 1,460 ล้านลิตร ทดแทนน้ำมันเบนซินได้คิดเป็นมูลค่าปีละ 30,000 ล้านทั้งนี้รัฐบาลต้องเร่งเข้าไปแก้ไขปัญหาวัตถุดิบในการผลิตเอทานอลโดยเร็วเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนและกำหนดนโยบายแยกการส่งเสริมพืชน้ำมันกับพืชอาหารโดยไม่ชักช้า นอกจากนี้รัฐบาลต้องสนับสนุนโครงการผลิตไบโอดีเซลระดับชุมชนซึ่งจะสามารถผลิตไบโอดีเซลได้วันละ 200,000 ลิตรต่อวันแยกเป็นในเขตกรุงเทพมหานคร 100,000 ลิตรและต่างจังหวัด 100,000 ลิตรโดยมีวัตถุดิบคือน้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้วซึ่งจะทดแทนน้ำมันดีเซลได้ปีละกว่า 2,000 ล้านบาท ขณะนี้มูลนิธิสถาบันพลังงานทดแทนเอทานอล-ไบโอดีเซลแห่งประเทศไทยที่ตนเป็นประธานได้เสนอโครงการไบโอดีเซลต่อผู้ว่ากทม.แล้วและพร้อมติดตั้งเครื่องผลิตไบโอดีเซลใน 50 เขตโดยใช้งบประมาณ 250 ล้านในการผลิตไบโอดีเซล ๑ แสนลิตรต่อวันในกทม.
3. มาตรการบรรเทาผลกระทบโดยมี2 มาตรการย่อยคือ 3.1 การควบคุมราคาสินค้าและบริการ และ 3.2 การช่วยเหลือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง 3 กลุ่มได้แก่ กลุ่มประมง กลุ่มเกษตรกรและกลุ่มขนส่ง
‘ถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องเอาจริงเอาจังอย่างต่อเนื่องและใช้มาตรการเชิงรุกทั้ง 3 ด้านเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันแพงและการพึ่งพาตนเองของประเทศชาติด้วยการสนับสนุนพลังงานทดแทนอย่างทุ่มเท พรรคประชาธิปัตย์พร้อมให้คำแนะนำและสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลเพื่อช่วยกันแก้ไขเยียวยาปัญหาน้ำมันที่ประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้’ ส.ส.อลงกรณ์กล่าวในที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 ก.พ. 2548--จบ--
-ดท-
1. มาตรการประหยัดน้ำมันและไฟฟ้าโดยกำหนดเป้าหมายการลดปริมาณการใช้ทั้งภาคราชการและเอกชนให้ได้ 10% ภายใน 6 เดือนจะช่วยลดการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติได้คิดเป็นเงินถึง 40,000 ล้านบาทต่อปี
2. มาตรการส่งเสริมพลังงานทดแทน เอทานอลและ ไบโอดีเซล โดยเร่งรัดการก่อสร้างโรงงานเอทานอล 23 แห่งให้แล้วเสร็จภายในปี2548 จะสามารถผลิตเอทานอลได้ไม่น้อยกว่าปีละ 1,460 ล้านลิตร ทดแทนน้ำมันเบนซินได้คิดเป็นมูลค่าปีละ 30,000 ล้านทั้งนี้รัฐบาลต้องเร่งเข้าไปแก้ไขปัญหาวัตถุดิบในการผลิตเอทานอลโดยเร็วเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนและกำหนดนโยบายแยกการส่งเสริมพืชน้ำมันกับพืชอาหารโดยไม่ชักช้า นอกจากนี้รัฐบาลต้องสนับสนุนโครงการผลิตไบโอดีเซลระดับชุมชนซึ่งจะสามารถผลิตไบโอดีเซลได้วันละ 200,000 ลิตรต่อวันแยกเป็นในเขตกรุงเทพมหานคร 100,000 ลิตรและต่างจังหวัด 100,000 ลิตรโดยมีวัตถุดิบคือน้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้วซึ่งจะทดแทนน้ำมันดีเซลได้ปีละกว่า 2,000 ล้านบาท ขณะนี้มูลนิธิสถาบันพลังงานทดแทนเอทานอล-ไบโอดีเซลแห่งประเทศไทยที่ตนเป็นประธานได้เสนอโครงการไบโอดีเซลต่อผู้ว่ากทม.แล้วและพร้อมติดตั้งเครื่องผลิตไบโอดีเซลใน 50 เขตโดยใช้งบประมาณ 250 ล้านในการผลิตไบโอดีเซล ๑ แสนลิตรต่อวันในกทม.
3. มาตรการบรรเทาผลกระทบโดยมี2 มาตรการย่อยคือ 3.1 การควบคุมราคาสินค้าและบริการ และ 3.2 การช่วยเหลือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง 3 กลุ่มได้แก่ กลุ่มประมง กลุ่มเกษตรกรและกลุ่มขนส่ง
‘ถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องเอาจริงเอาจังอย่างต่อเนื่องและใช้มาตรการเชิงรุกทั้ง 3 ด้านเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันแพงและการพึ่งพาตนเองของประเทศชาติด้วยการสนับสนุนพลังงานทดแทนอย่างทุ่มเท พรรคประชาธิปัตย์พร้อมให้คำแนะนำและสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลเพื่อช่วยกันแก้ไขเยียวยาปัญหาน้ำมันที่ประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้’ ส.ส.อลงกรณ์กล่าวในที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 ก.พ. 2548--จบ--
-ดท-