ภาวะอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ปี 2547
ในปี 2547 อุตสาหกรรมปิโตรเคมียังอยู่ในช่วงภาวะขาขึ้น โดยราคาผลิคภัณฑ์ปิโตรเคมีได้ปรับตัวสูงขึ้นมาเป็นลำดับ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2547 ราคาได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรงกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่ความต้องการเม็ดพลาสติกในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น จึงมีการส่งออกไปต่างประเทศค่อนข้างมาก จนเกิดภาวะเม็ดพลาสติกภายในประเทศขาดตลาด อย่างไรก็ตาม ภาวการณ์ตึงตัวของเม็ดพลาสติกเริ่มคลี่คลายในช่วงปลายปี ทั้งในด้านราคาและปริมาณการซื้อขาย เนื่องจากผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่อเนื่องชะลอการสั่งซื้อเพื่อรอดูราคา ส่วนในด้านการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ผู้ประกอบการได้วางแผนขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยจะใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบมากขึ้น สำหรับการนำเข้าและการส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ในปี 2547 เพิ่มขึ้นทุกผลิตภัณฑ์ โดยเป็นการนำเข้าปิโตรเคมีขั้นต้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,123 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 116 ปิโตรเคมีขั้นกลาง มีมูลค่านำเข้าประมาณ 47,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 และปิโตรเคมีขั้นปลาย มีมูลค่านำเข้าประมาณ 62,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 49 และการส่งออกปิโตรขั้นต้นมีมูลค่าประมาณ 29,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 43 ปิโตรเคมีขั้นกลางมีมูลค่าส่งออกประมาณ 16,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 ส่วนเม็ดพลาสติกมีมูลค่าส่งออกประมาณ 119,034 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 41
แนวโน้ม ปี 2548
ภาวะอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในปี 2548 คาดว่าจะสามารถขยายตัวต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบกับความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในตลาดโลก โดยเฉพาะประเทศจีนยังมีสูง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการจะประสบปัญหาด้านวัตถุดิบ เนื่องจากความผันผวนของภาวะน้ำมันในตลาดโลก การนำก๊าซธรรมชาติมาเป็นวัตถุดิบจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้ประกอบการจะพิจารณา เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ความผันผวนดังกล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
ในปี 2547 อุตสาหกรรมปิโตรเคมียังอยู่ในช่วงภาวะขาขึ้น โดยราคาผลิคภัณฑ์ปิโตรเคมีได้ปรับตัวสูงขึ้นมาเป็นลำดับ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2547 ราคาได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรงกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่ความต้องการเม็ดพลาสติกในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น จึงมีการส่งออกไปต่างประเทศค่อนข้างมาก จนเกิดภาวะเม็ดพลาสติกภายในประเทศขาดตลาด อย่างไรก็ตาม ภาวการณ์ตึงตัวของเม็ดพลาสติกเริ่มคลี่คลายในช่วงปลายปี ทั้งในด้านราคาและปริมาณการซื้อขาย เนื่องจากผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่อเนื่องชะลอการสั่งซื้อเพื่อรอดูราคา ส่วนในด้านการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ผู้ประกอบการได้วางแผนขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยจะใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบมากขึ้น สำหรับการนำเข้าและการส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ในปี 2547 เพิ่มขึ้นทุกผลิตภัณฑ์ โดยเป็นการนำเข้าปิโตรเคมีขั้นต้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,123 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 116 ปิโตรเคมีขั้นกลาง มีมูลค่านำเข้าประมาณ 47,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 และปิโตรเคมีขั้นปลาย มีมูลค่านำเข้าประมาณ 62,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 49 และการส่งออกปิโตรขั้นต้นมีมูลค่าประมาณ 29,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 43 ปิโตรเคมีขั้นกลางมีมูลค่าส่งออกประมาณ 16,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 ส่วนเม็ดพลาสติกมีมูลค่าส่งออกประมาณ 119,034 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 41
แนวโน้ม ปี 2548
ภาวะอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในปี 2548 คาดว่าจะสามารถขยายตัวต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบกับความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในตลาดโลก โดยเฉพาะประเทศจีนยังมีสูง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการจะประสบปัญหาด้านวัตถุดิบ เนื่องจากความผันผวนของภาวะน้ำมันในตลาดโลก การนำก๊าซธรรมชาติมาเป็นวัตถุดิบจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้ประกอบการจะพิจารณา เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ความผันผวนดังกล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-