วานนี้ (28 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ที่ยังเป็นปัญหาอยู่คือเรื่องความไม่เป็นเอกภาพในการกำหนดนโยบายของรัฐบาล และตั้งแต่ปรับ ครม.มา แทนที่จะช่วยให้การแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว กลับปรากฏว่ายิ่งชี้ให้เห็นความไม่เป็นเอกภาพมากยิ่งขึ้น เช่น พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย ระบุมีนโยบายให้หยุดงานวันศุกร์ ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้คัดค้านความเห็นดังกล่าว ซึ่งทำให้เกิดความสับสนในการแก้ปัญหา ดังนั้นนายกฯ ไม่ควรปล่อยให้ พล.อ.อ.คงศักดิ์ออกมาแสดงความคิดเห็นส่วนตัวเป็นรายวันในการแก้ไขปัญหาที่เป็นวาระแห่งชาติ แต่ควรเรียกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาหารือกันเป็นการภายใน เพื่อให้ตกผนึกเป็นความเห็นร่วมกันของรัฐบาล
ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์เคยปูนบำเหน็จผู้นำเผด็จการนั้น นายองอาจกล่าวว่า การที่พรรคไทยรักไทยออกมากล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์เช่นนี้ คงเป็นเพราะในการอภิปราย พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทางพรรคได้ชี้ให้เห็นว่ามีความเป็นเผด็จการหลายส่วน และเรียกร้องให้นายกฯ ใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่การปล่อยให้คนในพรรคไทยรักไทยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผู้แสดงความคิดเห็นถือเป็นท่าทีไม่สร้างสรรค์ และไม่เอื้ออำนวยต่อการแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ก็ไม่สายเกินไปที่นายกฯ และรัฐบาลจะปรับท่าทีให้มองปัญหาใต้เป็นวาระแห่งชาติโดยแสวงหาความร่วมมือมากกว่าศัตรู
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 29 ส.ค. 2548--จบ--
ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์เคยปูนบำเหน็จผู้นำเผด็จการนั้น นายองอาจกล่าวว่า การที่พรรคไทยรักไทยออกมากล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์เช่นนี้ คงเป็นเพราะในการอภิปราย พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทางพรรคได้ชี้ให้เห็นว่ามีความเป็นเผด็จการหลายส่วน และเรียกร้องให้นายกฯ ใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่การปล่อยให้คนในพรรคไทยรักไทยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผู้แสดงความคิดเห็นถือเป็นท่าทีไม่สร้างสรรค์ และไม่เอื้ออำนวยต่อการแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ก็ไม่สายเกินไปที่นายกฯ และรัฐบาลจะปรับท่าทีให้มองปัญหาใต้เป็นวาระแห่งชาติโดยแสวงหาความร่วมมือมากกว่าศัตรู
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 29 ส.ค. 2548--จบ--