ในเดือนพฤษภาคม 2548 เศรษฐกิจโดยรวมในด้านอุปสงค์ทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า ทั้งดัชนี การอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ขณะที่การส่งออกชะลอลงจากเดือนก่อน แต่การนำเข้าเร่งตัวขึ้น
ด้านอุปทาน การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวในอัตราที่สูงกว่าเดือนก่อน จากการส่งออกที่ดีขึ้นในหมวดอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า สำหรับภาคบริการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยขณะที่รายได้เกษตรกรจากพืชผลหลักขยายตัวชะลอลงจากเดือนก่อน ทั้งจากราคาที่ชะลอตัวและผลผลิตพืชผลหลักที่ลดลง
เสถียรภาพเศรษฐกิจ เงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี อย่างไรก็ตาม ดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงขาดดุลสูง จากการขาดดุลการค้าในระดับใกล้เคียงเดือนก่อน และจากการเกินดุลบริการลดลง สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแรงกดดันเพิ่มมากขึ้นจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเป็นสำคัญ
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนพฤษภาคม2548 มีดังนี้
1.การผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม2548 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 8.0 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน เป็นผลจากการส่งออกที่ดีขึ้นในหมวดอิเล็กทรอนิกส์ตามการส่งออก Hard Disk Drive และแผงวงจรรวม และหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถส่งออกเครื่องปรับอากาศไปตลาดใหม่ได้มากขึ้น รวมทั้งหมวดอาหารที่ปัญหาวัตถุดิบคลี่คลายลง นอกจากนี้ หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กเพิ่มขึ้นมากจากระยะเดียวกันปีก่อนที่การผลิตลดลงเนื่องจากทางการยกเลิกภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดชั่วคราว และหมวดเครื่องดื่มที่มีการเร่งผลิตสุราและเบียร์จากข่าวการปรับเพิ่มขึ้นภาษีสรรพสามิตอย่างไรก็ตาม บางอุตสาหกรรมมีการผลิตลดลง เช่น หมวดผลิตภัณ ฑ์ เคมีผลิตลดลงเนื่องจากโรงงานบางแห่งปิดซ่อมบำรุง และหมวดเครื่องหนังที่ลดลงส่วนหนึ่ง เนื่องจากการปรับกระบวนการผลิตไปสู่สินค้าที่มีคุณภาพสูงขึ้น ประกอบกับมีปัญหาวัตถุดิบไม่เพียงพอ
อัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 71.4 สูงกว่าช่วงเดือนเมษายนซึ่งมีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 0.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 0.7 ในเดือนเมษายน เป็นผลจากการขยายตัวของปริมาณการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือน ภาษีมูลค่าเพิ่ม และมูลค่าการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นสำคัญ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังปรับตัวลดลง สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.6 ใกล้เคียงกับเดือนก่อนโดยการลงทุนหมวดเครื่องมือเครื่องจักรขยายตัวตามการนำเข้าสินค้าทุน ขณะที่การลงทุนหมวดก่อสร้างชะลอตัวตามพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้าง
3. ภาคการคลัง ในเดือนพฤษภาคม 2548 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 17.0จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ภาษีร้อยละ 18.5 รายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 ทั้งนี้ ในรอบ 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2548 รัฐบาลจัดเก็บรายได้รวม 957.5พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.0
4. ภาคต่างประเทศ ดุลการค้าขาดดุล 1,621 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการนำเข้าที่มีมูลค่าสูงถึง 10,610 ล้านดอลลาร์ สรอ. คิดเป็นการขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 33.6 โดยการนำเข้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์ยังคงขยายตัวสูงโดยเป็นผลทั้งจากปริมาณและราคา ขณะที่สินค้านำเข้าอื่นได้แก่ เหล็ก เครื่องจักรกลและชิ้นส่วนเครื่องจักรไฟฟ้าและชิ้นส่วน ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ด้านการส่งออกมีมูลค่า 8,989 ล้านดอลลาร์ สรอ. คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 13.1 โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ยานยนต์และชิ้นส่วน คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์พลาสติก ดุลบริการรายได้ และเงินโอนเกินดุล 57 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนเนื่องจากการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของภาคเอกชนซึ่งมีมูลค่า 698 ล้านดอลลาร์ สรอ. เป็นสำคัญ ขณะที่รายรับจากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 6.4 ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 1,564 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงินเกินดุล 283 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2548 อยู่ที่ระดับ 48.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 5.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5.ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคม 2548เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยราคา
หมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ตามราคาหมวดผักและผลไม้ หมวดเนื้อสัตว์ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนส่งผลให้ปริมาณผลผลิตมีน้อย ส่วนราคาหมวดที่ไม่รวมอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 จากการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารสาธารณะตามราคาน้ำมันดีเซลสำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.2 จากการเพิ่มขึ้นของราคาหมวดพาหนะการขนส่ง และการสื่อสาร สำหรับดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.4 ชะลอลงจากร้อยละ11.0 ในเดือนก่อน เป็นผลจากการชะลอลงของราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และ เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ตามการลดลงของราคาน้ำมันเบนซิน 2 ครั้งรวม 80 สตางค์ต่อลิตรในเดือนพฤษภาคม
ใน ช่วง 5 เดือน แรกของปี 2548 ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน และดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.2 0.8 และ 9.5ตามลำดับ
6. ภาวะการเงิน ในเดือนพฤษภาคม 2548 ปริมาณเงิน M2 และ M2a ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 2.4 และ 3.0 ตามลำดับ ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน โดยเดือนนี้ภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจมีการออกตราสารหนี้จำนวนมาก สำหรับเงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 2.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้น 34.0 พันล้านบาทจากเดือนก่อนหน้าโดยส่วนหนึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของเงินฝากภาคธุรกิจเพื่อนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคล อีกส่วนหนึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของเงินฝากภาครัฐ สำหรับสินเชื่อภาคเอกชน (รวมการถือหลักทรัพย์ของเอกชน) ของธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 5.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้น 50.0 พันล้านบาทจากเดือนก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อซึ่งธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ให้แก่ภาคธุรกิจ
อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่มีวันหยุดเทศกาลและการเปิดภาคการศึกษา ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องสำรองสภาพคล่องเพื่อการเบิกถอนของประชาชน ประกอบกับธนาคารพาณิชย์ต้องนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้แก่ภาครัฐ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดการเงินเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.25 และ 2.24 ต่อปี ตามลำดับ
7.ค่าเงินบาท ในเดือนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 39.84 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงจากเดือนก่อนตามการอ่อนลงของค่าเงินในภูมิภาค แม้ว่าในช่วงครึ่งแรกของเดือน ค่าเงินบาทปรับแข็งขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุน ต่างประเทศนำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยกอปรกับบริษัท Fitch ได้ปรับอันดับความน่าเชื่อถือของไทยแต่ในช่วงครึ่งหลังของเดือนค่าเงินบาทกลับอ่อนตัวลงตามค่าเงินในภูมิภาค เนื่องจากตลาดการเงินคาดว่าจีนจะยังไม่ปรับค่าเงินหยวนในระยะอันใกล้ นอกจากนี้ความเชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ดีขึ้น และบริษัทน้ำมันในประเทศมีความต้องการซื้อเงินดอลลาร์ สรอ. จำนวนมาก
ในช่วงวันที่ 1-24 มิถุนายน 2548 ค่าเงินบาทยังคงอ่อนตัวลงต่อเนื่องมาเฉลี่ยอยู่ที่ 40.86 บาทต่อดอลลาร์สรอ. โดยในช่วงปลายเดือนค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนตามค่าเงินในภูมิภาค ประกอบกับรัฐวิสาหกิจและกองทุนต่างประเทศมีความต้องการซื้อดอลลาร์ค่อนข้างมาก
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ด้านอุปทาน การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวในอัตราที่สูงกว่าเดือนก่อน จากการส่งออกที่ดีขึ้นในหมวดอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า สำหรับภาคบริการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยขณะที่รายได้เกษตรกรจากพืชผลหลักขยายตัวชะลอลงจากเดือนก่อน ทั้งจากราคาที่ชะลอตัวและผลผลิตพืชผลหลักที่ลดลง
เสถียรภาพเศรษฐกิจ เงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี อย่างไรก็ตาม ดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงขาดดุลสูง จากการขาดดุลการค้าในระดับใกล้เคียงเดือนก่อน และจากการเกินดุลบริการลดลง สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแรงกดดันเพิ่มมากขึ้นจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเป็นสำคัญ
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนพฤษภาคม2548 มีดังนี้
1.การผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม2548 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 8.0 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน เป็นผลจากการส่งออกที่ดีขึ้นในหมวดอิเล็กทรอนิกส์ตามการส่งออก Hard Disk Drive และแผงวงจรรวม และหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถส่งออกเครื่องปรับอากาศไปตลาดใหม่ได้มากขึ้น รวมทั้งหมวดอาหารที่ปัญหาวัตถุดิบคลี่คลายลง นอกจากนี้ หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กเพิ่มขึ้นมากจากระยะเดียวกันปีก่อนที่การผลิตลดลงเนื่องจากทางการยกเลิกภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดชั่วคราว และหมวดเครื่องดื่มที่มีการเร่งผลิตสุราและเบียร์จากข่าวการปรับเพิ่มขึ้นภาษีสรรพสามิตอย่างไรก็ตาม บางอุตสาหกรรมมีการผลิตลดลง เช่น หมวดผลิตภัณ ฑ์ เคมีผลิตลดลงเนื่องจากโรงงานบางแห่งปิดซ่อมบำรุง และหมวดเครื่องหนังที่ลดลงส่วนหนึ่ง เนื่องจากการปรับกระบวนการผลิตไปสู่สินค้าที่มีคุณภาพสูงขึ้น ประกอบกับมีปัญหาวัตถุดิบไม่เพียงพอ
อัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 71.4 สูงกว่าช่วงเดือนเมษายนซึ่งมีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 0.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 0.7 ในเดือนเมษายน เป็นผลจากการขยายตัวของปริมาณการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือน ภาษีมูลค่าเพิ่ม และมูลค่าการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นสำคัญ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังปรับตัวลดลง สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.6 ใกล้เคียงกับเดือนก่อนโดยการลงทุนหมวดเครื่องมือเครื่องจักรขยายตัวตามการนำเข้าสินค้าทุน ขณะที่การลงทุนหมวดก่อสร้างชะลอตัวตามพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้าง
3. ภาคการคลัง ในเดือนพฤษภาคม 2548 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 17.0จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ภาษีร้อยละ 18.5 รายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 ทั้งนี้ ในรอบ 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2548 รัฐบาลจัดเก็บรายได้รวม 957.5พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.0
4. ภาคต่างประเทศ ดุลการค้าขาดดุล 1,621 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการนำเข้าที่มีมูลค่าสูงถึง 10,610 ล้านดอลลาร์ สรอ. คิดเป็นการขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 33.6 โดยการนำเข้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์ยังคงขยายตัวสูงโดยเป็นผลทั้งจากปริมาณและราคา ขณะที่สินค้านำเข้าอื่นได้แก่ เหล็ก เครื่องจักรกลและชิ้นส่วนเครื่องจักรไฟฟ้าและชิ้นส่วน ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ด้านการส่งออกมีมูลค่า 8,989 ล้านดอลลาร์ สรอ. คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 13.1 โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ยานยนต์และชิ้นส่วน คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์พลาสติก ดุลบริการรายได้ และเงินโอนเกินดุล 57 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนเนื่องจากการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของภาคเอกชนซึ่งมีมูลค่า 698 ล้านดอลลาร์ สรอ. เป็นสำคัญ ขณะที่รายรับจากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 6.4 ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 1,564 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงินเกินดุล 283 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2548 อยู่ที่ระดับ 48.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 5.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5.ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคม 2548เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยราคา
หมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ตามราคาหมวดผักและผลไม้ หมวดเนื้อสัตว์ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนส่งผลให้ปริมาณผลผลิตมีน้อย ส่วนราคาหมวดที่ไม่รวมอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 จากการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารสาธารณะตามราคาน้ำมันดีเซลสำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.2 จากการเพิ่มขึ้นของราคาหมวดพาหนะการขนส่ง และการสื่อสาร สำหรับดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.4 ชะลอลงจากร้อยละ11.0 ในเดือนก่อน เป็นผลจากการชะลอลงของราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และ เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ตามการลดลงของราคาน้ำมันเบนซิน 2 ครั้งรวม 80 สตางค์ต่อลิตรในเดือนพฤษภาคม
ใน ช่วง 5 เดือน แรกของปี 2548 ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน และดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.2 0.8 และ 9.5ตามลำดับ
6. ภาวะการเงิน ในเดือนพฤษภาคม 2548 ปริมาณเงิน M2 และ M2a ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 2.4 และ 3.0 ตามลำดับ ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน โดยเดือนนี้ภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจมีการออกตราสารหนี้จำนวนมาก สำหรับเงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 2.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้น 34.0 พันล้านบาทจากเดือนก่อนหน้าโดยส่วนหนึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของเงินฝากภาคธุรกิจเพื่อนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคล อีกส่วนหนึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของเงินฝากภาครัฐ สำหรับสินเชื่อภาคเอกชน (รวมการถือหลักทรัพย์ของเอกชน) ของธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 5.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้น 50.0 พันล้านบาทจากเดือนก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อซึ่งธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ให้แก่ภาคธุรกิจ
อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่มีวันหยุดเทศกาลและการเปิดภาคการศึกษา ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องสำรองสภาพคล่องเพื่อการเบิกถอนของประชาชน ประกอบกับธนาคารพาณิชย์ต้องนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้แก่ภาครัฐ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดการเงินเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.25 และ 2.24 ต่อปี ตามลำดับ
7.ค่าเงินบาท ในเดือนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 39.84 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงจากเดือนก่อนตามการอ่อนลงของค่าเงินในภูมิภาค แม้ว่าในช่วงครึ่งแรกของเดือน ค่าเงินบาทปรับแข็งขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุน ต่างประเทศนำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยกอปรกับบริษัท Fitch ได้ปรับอันดับความน่าเชื่อถือของไทยแต่ในช่วงครึ่งหลังของเดือนค่าเงินบาทกลับอ่อนตัวลงตามค่าเงินในภูมิภาค เนื่องจากตลาดการเงินคาดว่าจีนจะยังไม่ปรับค่าเงินหยวนในระยะอันใกล้ นอกจากนี้ความเชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ดีขึ้น และบริษัทน้ำมันในประเทศมีความต้องการซื้อเงินดอลลาร์ สรอ. จำนวนมาก
ในช่วงวันที่ 1-24 มิถุนายน 2548 ค่าเงินบาทยังคงอ่อนตัวลงต่อเนื่องมาเฉลี่ยอยู่ที่ 40.86 บาทต่อดอลลาร์สรอ. โดยในช่วงปลายเดือนค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนตามค่าเงินในภูมิภาค ประกอบกับรัฐวิสาหกิจและกองทุนต่างประเทศมีความต้องการซื้อดอลลาร์ค่อนข้างมาก
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--