นายเกริกไกร จีระแพทย์ หัวหน้าคณะเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-EFTA แถลงความคืบหน้าของการเจรจาระหว่างไทยกับประเทศสมาชิกสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป ว่าจะมีการเจรจาอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 11-15 ตุลาคม 2548 นี้ที่ภูเก็ต โดยจะเริ่มหารือในรายละเอียดของข้อบทต่างๆ ของความตกลง
ไทยและเอฟตาได้มีการหารือระหว่างกันแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม 2548 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการหารือในกรอบกว้างๆ เกี่ยวกับแนวทางการจัดทำความตกลงและความครอบคลุมของความตกลง โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าการเจรจาควรครอบคลุมทุกเรื่อง และยึดหลักความยืดหยุ่นเพื่อให้มีความเป็นไปได้สูงในการจัดทำความตกลงที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ ทางเอฟตาขอแยกเจรจาเรื่องการเปิดตลาดสินค้าเกษตรเป็นความตกลงทวิภาคี เนื่องจากประเทศสมาชิกไม่มีนโยบายเกษตรร่วม
การหารือครั้งที่ 2 มีขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2548 ที่ประเทศไอซ์แลนด์ โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับระบบภาษีและมาตรการต่างๆ ที่แต่ละฝ่ายบังคับใช้ในปัจจุบันกับสินค้าบริการและการลงทุนในประเทศ โดยได้แบ่งการหารือเป็นกลุ่ม ได้แก่ การเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรมและประมง การเปิดตลาดสินค้าเกษตร การค้าบริการ การลงทุน กระบวนการศุลกากร กฎแหล่งกำเนิดสินค้า มาตรการปกป้อง การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การจัดซื้อโดยรัฐ และการแข่งขัน
สำหรับการเตรียมการเจรจารอบแรก หน่วยงานต่างๆ ของไทยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีการประชุมหารือกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่เดินทางกลับมาจากไอซ์แลนด์ เพื่อกำหนดท่าทีในการเจรจา เช่น ในเรื่องการเปิดตลาด ได้มีการหารือรายกลุ่มย่อยกับภาคเอกชนในสินค้า 13 กลุ่ม เช่น นมและผลิตภัณฑ์ ข้าว ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ ยานยนต์และชิ้นส่วน เป็นต้น
ภูมิหลัง
ประธานาธิบดีแห่งสมาพันธรัฐสวิสได้เสนอให้มีการจัดทำเขตการค้าเสรีระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) ในระหว่างการเยือนไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 17-19 มีนาคม 2547 ซึ่งนายกรัฐมนตรีของไทยได้ให้ความเห็นชอบในหลักการและคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ได้มีมติเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2547 เห็นชอบให้นายเกริกไกร จีระแพทย์ เป็นหัวหน้าคณะเจรจา สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป ประกอบด้วยประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ลิกเตนสไตน์ ไอซ์แลนด์ มีประชากรรวมกันประมาณ 12.2 ล้านคน แต่เป็นประชากรที่มีกำลังซื้อสูง รายได้ประชาชาติต่อหัวเฉลี่ยอยู่ที่ 34,867 เหรียญสหรัฐ/ปี
ปัจจุบันการค้าระหว่างไทยกับกลุ่มเอฟตายังมีค่อนข้างน้อย ประมาณปีละ 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี หรือร้อยละ 1 ของการค้าของไทยกับโลก โดยในปี 2546 ไทยส่งออก 970 ล้านเหรียญสหรัฐฯและนำเข้า 940 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คู่ค้าสำคัญในกลุ่มคือสวิตเซอร์แลนด์ สินค้าที่ไทยค้าขายกับเอฟตาส่วนใหญ่สนับสนุนซึ่งกันและกัน แม้แต่สินค้าเกษตรก็ไม่ใช่คู่แข่งกัน ดังนั้น การจัดทำเขตการค้าเสรีระหว่างกันไม่น่าจะมีกระทบต่อเกษตรกร แต่ไทยน่าจะได้ประโยชน์ในแง่การลงทุนและความร่วมมือด้านเทคโนโลยีจากการที่นักธุรกิจในประเทศเหล่านี้มาลงทุนในไทยมากขึ้น
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (66) 2282-6171-9 แฟกซ์ (66) 2280-0775
-พห-