เดือนกันยายน 2548 เศรษฐกิจการเงินภาคเหนือ ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าโดยทางด้านอุปสงค์ การอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ตลอดจนการส่งออกขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน ส่วนทางด้านอุปทาน รายได้เกษตรกรจากการจำหน่ายพืชผลหลักเพิ่มขึ้นจากปัจจัยด้านราคา ขณะที่ผลผลิตพืชหลักลดลงไม่มาก ผลผลิตอุตสาหกรรมชะลอลงจากเดือนก่อน ภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและพื้นฐานอยู่ในเกณฑ์สูง ส่วนเงินฝากและเงินให้สินเชื่อ ขยายตัวดี
สำหรับในช่วง 9 เดือนของปี 2548 เศรษฐกิจภาคเหนือขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง เนื่องจากผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ภัยธรรมชาติทั้งภาวะความแห้งแล้งและน้ำท่วม ตลอดจนการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภค การลงทุนของภาคเอกชน รวมทั้งการส่งออกชะลอตัวลง อย่างไรก็ดีในช่วงไตรมาส 3 การส่งออกขยายตัวดีขึ้นโดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชนิดใหม่และสินค้าแปรรูปเกษตร ประกอบกับผลผลิตทางการเกษตรเริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้เศรษฐกิจภาคเหนือปรับตัวดีขึ้น ทางด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังเร่งตัวสูงขึ้นจากผลของการปรับขึ้นราคาน้ำมันเป็นสำคัญ ส่วนภาคการเงินอยู่ในเกณฑ์ดีทั้งด้านเงินฝากและเงินให้สินเชื่อ
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจมีดังนี้
1. ภาคเกษตร รายได้เกษตรกรจากการจำหน่ายพืชหลักเดือนนี้เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.9 จากปัจจัยทางด้านราคา โดยราคาพืชหลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 ตามราคาข้าวโพดและข้าวเปลือกเหนียวนาปี ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.4 และร้อยละ 3.0 ตามลำดับ ขณะที่ผลผลิตพืชหลักเริ่มฟื้นตัวโดยลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนเพียงร้อยละ 1.3 โดยผลผลิตข้าวนาปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 จากแรงจูงใจของราคา แต่สำหรับผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ลดลงร้อยละ 5.4 เนื่องจากประสบภาวะฝนทิ้งช่วงในช่วงเพาะปลูกและเกษตรกรบางส่วนปรับเปลี่ยนไปปลูกมันสำปะหลัง แต่ผลผลิตมันสำปะหลังก็ลดลงจากกระทบแล้ง
ช่วง 9 เดือนปี 2548 รายได้เกษตรกรจากการจำหน่ายพืชหลักเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.2 จากปัจจัยทางด้านราคาเป็นสำคัญ โดยราคาพืชหลักเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 11.3 ตามราคาข้าวนาปรังที่เพิ่มขึ้นตามราคาในตลาดโลกและมาตรการของรัฐ และราคาอ้อย ข้าวโพดและมันสำปะหลังสูงขึ้นตามผลผลิตที่ลดลง สำหรับผลผลิตพืชหลักลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.1 จากกระทบแล้งในช่วงครึ่งแรกของปีและประสบภาวะน้ำท่วมหลายครั้งในไตรมาส 3 ทำให้ผลผลิตอ้อยโรงงาน มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวนาปรัง ลดลงร้อยละ 18.5 ร้อยละ 7.9 ร้อยละ 5.4 และร้อยละ 3.9 ตามลำดับ สำหรับผลผลิตลำไยเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.0 จากพื้นที่เพาะปลูกที่ให้ผลแล้วเพิ่มขึ้น ส่วนข้าวนาปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 ตามแรงจูงใจของราคาเป็นสำคัญ
2. ภาคอุตสาหกรรม เดือนกันยายน 2548 ผลผลิตอุตสาหกรรมภาคเหนือชะลอลง โดยมูลค่าการผลิตและส่งออกของอุตสาหกรรมส่งออกจากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือที่ผ่านด่านศุลกากรลำพูน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.4 เป็น 148.9 ล้านดอลลาร์ สรอ.ชะลอตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อน แต่สูงกว่าครึ่งแรกของปีที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 4.6 สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า อัญมณี และเครื่องจักร แต่เครื่องตัดต่อวงจรไฟฟ้า อุปกรณ์เกี่ยวกับสายตา ทรานฟอร์เมอร์และมอเตอร์ส่งออกลดลง ผลผลิตวัสดุก่อสร้าง ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.2 โดยลดลงเป็นเดือนแรกในปีนี้ ตามการชะลอตัวของการก่อสร้างภาคเอกชนเป็นสำคัญ
ช่วง 9 เดือน ปี 2548 ผลผลิตอุตสาหกรรมภาคเหนือขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง โดยการผลิตและส่งออกของอุตสาหกรรมส่งออกจากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือผ่านด่านศุลกากรลำพูน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.3 เป็น 1,270.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากมีการส่งออกลดลงในไตรมาสแรก แต่ปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2 ไตรมาสหลัง ตามอุปสงค์ของสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีชนิดใหม่ และอัญมณี ผลผลิตวัสดุก่อสร้าง เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.8 โดยขยายตัวสูงในไตรมาสแรกและชะลอตัวในไตรมาส 2 และ 3 ตามฤดูกาล ประกอบกับความกังวลเรื่องต้นทุนการก่อสร้าง ผลผลิตสังกะสี ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.2 เหลือ 77,165 เมตริกตัน ตามความต้องการในประเทศที่ลดลง แต่ราคาขายเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนตามราคาในตลาดโลก
3. ภาคบริการ เดือนกันยายน 2548 ภาคบริการหดตัวจากเดือนก่อนและระยะเดียวกันปีก่อน เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวไทยมีความระมัดระวังการใช้จ่ายจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นทำให้ลดการเดินทางลง ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ยังขาดความเชื่อมั่นจากข่าวแผ่นดินไหวและสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบกับเดือนนี้จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงประสบปัญหาน้ำท่วม 2 ครั้ง ทำให้นักท่องเที่ยวชะลอการเดินทาง กิจกรรมภาคบริการที่สำคัญได้แก่ จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานลดลงร้อยละ 4.2 อัตราการเข้าพักของโรงแรมเฉลี่ยลดลงเหลือร้อยละ 40.5 เทียบกับร้อยละ 45.5 ระยะเดียวกันปีก่อน แต่ราคาห้องพักเฉลี่ยของโรงแรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9
ช่วง 9 เดือน ปี 2548 ภาคบริการชะลอลง โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติยังขาดความเชื่อมั่นเกี่ยวกับข่าวแผ่นดินไหวและสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยระมัดระวังค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมัน ประกอบกับการจัดประชุม/สัมมนาของภาครัฐและเอกชนลดลงช่วงปลายปีงบประมาณ โดยจำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.9 อัตราการเข้าพักของโรงแรมเฉลี่ยลดลงเหลือร้อยละ 50.6 ด้านราคาห้องพักเฉลี่ยของโรงแรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 จากการปรับปรุงห้องพักและตามราคาของโรงแรมระดับบนที่เปิดดำเนินการ โดยลดราคาห้องพักในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยวต่ำกว่าปีก่อน
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน เดือนกันยายน 2548 การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ชะลอตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยกิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ ปริมาณจดทะเบียนรถยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1 ชะลอลงเมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.2 ในเดือนก่อน แต่ปริมาณจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ ลดลงร้อยละ 1.3 เทียบกับร้อยละ 4.6 เดือนก่อน
ช่วง 9 เดือน ปี 2548 การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน โดยปริมาณจดทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5 และร้อยละ 0.4 ต่ำกว่าระยะเดียวกันปีก่อนซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7 และร้อยละ 5.0 ตามลำดับ
5. การลงทุนภาคเอกชน เดือนกันยายน 2548 การลงทุนภาคเอกชน อยู่ในเกณฑ์ชะลอตัว โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อการก่อสร้าง โดยพื้นที่ขอรับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาล เพิ่มขึ้นร้อยละ13.9 ตามการขยายตัวของการก่อสร้างประเภทพาณิชยกรรม ที่จังหวัดนครสวรรค์ และเพชรบูรณ์ แต่ประเภทที่อยู่อาศัยลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน ปริมาณการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 0.1 ส่วนการลงทุนเพื่อการผลิต มีไม่มากนัก โดยโครงการที่ได้รับอนุมัติจาก BOI ในเดือนนี้มี 5 แห่ง เงินลงทุน 728.4 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 54.1 เป็นโครงการลงทุนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และสิ่งทอ
ช่วง 9 เดือนปี 2548 การลงทุนขยายตัวในเกณฑ์ดี ตามการเร่งการก่อสร้างในไตรมาสแรก แต่ในไตรมาส 2 และ 3 มีทิศทางชะลอลงต่อเนื่องจากผลกระทบของราคาน้ำมันส่งผลต่อต้นทุนการผลิต ทำให้นักลงทุนชะลอการตัดสินใจ กิจกรรมสำคัญ ได้แก่ ยอดจำหน่ายสินค้าหมวดวัสดุก่อสร้าง เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.3 แต่สัญญาณการก่อสร้างและการผลิตในระยะต่อไปชะลอลง สะท้อนจากพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาล ลดลงร้อยละ 1.7 และโครงการที่ได้รับอนุมัติจาก BOI มีจำนวน 38 โครงการ เป็นเงินลงทุน 4,293.8 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 53.2
6. การค้าต่างประเทศ เดือนกันยายน 2548 การส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 14.1 เป็น 209.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอลงจากร้อยละ 22.0 ในเดือนก่อน โดยการส่งออกผ่านด่านศุลกากรลำพูนเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 เป็น 148.9 ล้านดอลลาร์ สรอ.จากสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกล และอัญมณี ตลาดส่งออกสำคัญได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และอิสราเอล การส่งออกผ่านด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 45.8 เป็น 17.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากใบยาสูบ เครื่องประดับ และคาร์บูเรเตอร์รถจักรยานยนต์ และการส่งออกผ่านด่านศุลกากรชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 เป็น 42.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการส่งออกสินค้าไปจีนตอนใต้ที่เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว และการส่งออกไปลาวที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.3 ส่วนการส่งออกไปพม่าลดลงร้อยละ 6.3 เนื่องจากทางการพม่าเข้มงวดการนำเข้าและส่งออกสินค้าที่พม่าควบคุม
การนำเข้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.2 เป็น 124.1 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการนำเข้าผ่านด่านศุลกากรลำพูนเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.5 เป็น 115.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. สินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้นได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและ เครื่องจักรกล เครื่องแก้วและอัญมณีราคาสูง การนำเข้าผ่านด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 26.3 เป็น 2.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อน จากสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรและเครื่องจักรกล การนำเข้าผ่านด่านศุลกากรชายแดนลดลงร้อยละ 7.6 เหลือ 6.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการนำเข้าจากพม่าลดลงร้อยละ 38.0 แต่สำหรับการนำเข้าจากจีนตอนใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.1 และการนำเข้าจากลาวมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า เท่าตัว
ดุลการค้า เกินดุล 85.1 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่เกินดุล 63.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. ระยะเดียวกันปีก่อน
ช่วง 9 เดือน ปี 2548 การส่งออก ผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.8 เป็น 1,838.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกผ่านด่านศุลกากรลำพูน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 เป็น 1,270.7 ล้านบาทเนื่องจากการส่งออกลดลงช่วงไตรมาส 1 แต่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 และ 3 ตามอุปสงค์ในสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ชนิดใหม่ ส่วนการส่งออกผ่านด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.0 เป็น 155.5 ล้านดอลลาร์ สรอ.เร่งตัวขึ้น เนื่องจากผู้ส่งออกเปลี่ยนสถานที่ทำพิธีศุลกากรจากเดิมที่ส่วนกลางมาเป็นที่จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบกับการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับเพิ่มขึ้นมาก ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และยุโรป การส่งออกผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.2 เป็น 412.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอลงตามการส่งออกไปพม่า ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.2 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนการส่งออกไปลาว เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.1 จากผลิตภัณฑ์พืชสวน และน้ำมันปิโตรเลียม ขณะที่การส่งออกไปจีนตอนใต้ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว
การนำเข้า ผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.8 เป็น 1,112.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนใหญ่เป็นนำเข้าผ่านด่านศุลกากรลำพูนเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 เป็น 1,040.0 ล้านดอลลาร์สรอ. จากประเภทเครื่องตัดต่อวงจรไฟฟ้า และเครื่องจักรเครื่องจักรกล การนำเข้าผ่านด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.3 เป็น 17.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการนำเข้าสินค้าสำคัญที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตประเภทสิ่งทอ อัญมณี ผลิตภัณฑ์โลหะขั้นมูลฐาน และอุตสาหกรรมชนิดอื่น การนำเข้าผ่านด่านศุลกากรชายแดน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 เป็น 55.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอตัวตามการนำเข้าสินค้าจากพม่า ร้อยละ 5.0 ส่วนการนำเข้าจากจีน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 จากประเภทสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และการนำเข้าจากลาว เพิ่มขึ้นร้อยละ 50.8 จากผลิตภัณฑ์ไม้
ดุลการค้า เกินดุล 726.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากที่เกินดุล 606.8 ล้านดอลลาร์ สรอ.ในระยะเดียวกันปีก่อน
7. ระดับราคา ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.1 เทียบกับปีก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 จากสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะราคาหมวดผักและผลไม้ที่ได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วม ส่วนหมวดอื่นๆที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 ตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ด้านดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.7 เร่งตัวเมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ระยะเดียวกันปีก่อน
ช่วง 9 เดือนปี 2548 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.1 เร่งตัวขึ้นจาก ร้อยละ 2.6 ในช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสำคัญ สำหรับราคาสินค้าในหมวดอาหาร โดยเฉพาะหมวดผักและผลไม้ เพิ่มขึ้นสูงในไตรมาสที่ 3 เนื่องจากภาวะน้ำท่วมทำให้ผลผลิตเข้าสู่ตลาดลดลง ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.1 เร่งตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ลดลงร้อยละ 0.1
8. การจ้างงาน จากข้อมูลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติเดือนสิงหาคม 2548 ภาคเหนือมีกำลังแรงงานรวม 6.8 ล้านคน เป็นผู้มีงานทำ 6.7 ล้านคน ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.3 โดยการจ้างงานในภาคเกษตร ลดลงร้อยละ 1.6 และนอกภาคเกษตร ลดลงร้อยละ 0.8 จากการลดลงในสาขาขายปลีก-ส่งฯ และโรงแรมและภัตตาคาร ด้านอัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.2 ลดลงจากร้อยละ 1.5 ระยะเดียวกันปีก่อน ทางด้านผู้ประกันตน เดือนกันยายน 2548 มีจำนวน 566,337 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.5 และร้อยละ 5.0 ตามลำดับ
9. การเงิน ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2548 เงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือ มียอดคงค้าง 305,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.3 จากเงินฝากของส่วนราชการและสถาบันการศึกษาเป็นสำคัญโดยเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดเชียงใหม่ นครสวรรค์ พิจิตร และเพชรบูรณ์ ส่วนเงินให้สินเชื่อมียอดคงค้าง 235,255 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.6 ส่วนหนึ่งเนื่องจากการโอนสินเชื่อจากการควบรวมสถาบันการเงิน และบริษัทเงินทุนที่ปรับสถานะเป็นธนาคารพาณิชย์ โดยมีการขยายตัวมากในจังหวัดนครสวรรค์ กำแพงเพชร พิษณุโลก เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ระดับร้อยละ 77.1 สูงกว่าร้อยละ 71.4 ระยะเดียวกันปีก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ--
สำหรับในช่วง 9 เดือนของปี 2548 เศรษฐกิจภาคเหนือขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง เนื่องจากผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ภัยธรรมชาติทั้งภาวะความแห้งแล้งและน้ำท่วม ตลอดจนการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภค การลงทุนของภาคเอกชน รวมทั้งการส่งออกชะลอตัวลง อย่างไรก็ดีในช่วงไตรมาส 3 การส่งออกขยายตัวดีขึ้นโดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชนิดใหม่และสินค้าแปรรูปเกษตร ประกอบกับผลผลิตทางการเกษตรเริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้เศรษฐกิจภาคเหนือปรับตัวดีขึ้น ทางด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังเร่งตัวสูงขึ้นจากผลของการปรับขึ้นราคาน้ำมันเป็นสำคัญ ส่วนภาคการเงินอยู่ในเกณฑ์ดีทั้งด้านเงินฝากและเงินให้สินเชื่อ
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจมีดังนี้
1. ภาคเกษตร รายได้เกษตรกรจากการจำหน่ายพืชหลักเดือนนี้เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.9 จากปัจจัยทางด้านราคา โดยราคาพืชหลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 ตามราคาข้าวโพดและข้าวเปลือกเหนียวนาปี ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.4 และร้อยละ 3.0 ตามลำดับ ขณะที่ผลผลิตพืชหลักเริ่มฟื้นตัวโดยลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนเพียงร้อยละ 1.3 โดยผลผลิตข้าวนาปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 จากแรงจูงใจของราคา แต่สำหรับผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ลดลงร้อยละ 5.4 เนื่องจากประสบภาวะฝนทิ้งช่วงในช่วงเพาะปลูกและเกษตรกรบางส่วนปรับเปลี่ยนไปปลูกมันสำปะหลัง แต่ผลผลิตมันสำปะหลังก็ลดลงจากกระทบแล้ง
ช่วง 9 เดือนปี 2548 รายได้เกษตรกรจากการจำหน่ายพืชหลักเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.2 จากปัจจัยทางด้านราคาเป็นสำคัญ โดยราคาพืชหลักเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 11.3 ตามราคาข้าวนาปรังที่เพิ่มขึ้นตามราคาในตลาดโลกและมาตรการของรัฐ และราคาอ้อย ข้าวโพดและมันสำปะหลังสูงขึ้นตามผลผลิตที่ลดลง สำหรับผลผลิตพืชหลักลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.1 จากกระทบแล้งในช่วงครึ่งแรกของปีและประสบภาวะน้ำท่วมหลายครั้งในไตรมาส 3 ทำให้ผลผลิตอ้อยโรงงาน มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวนาปรัง ลดลงร้อยละ 18.5 ร้อยละ 7.9 ร้อยละ 5.4 และร้อยละ 3.9 ตามลำดับ สำหรับผลผลิตลำไยเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.0 จากพื้นที่เพาะปลูกที่ให้ผลแล้วเพิ่มขึ้น ส่วนข้าวนาปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 ตามแรงจูงใจของราคาเป็นสำคัญ
2. ภาคอุตสาหกรรม เดือนกันยายน 2548 ผลผลิตอุตสาหกรรมภาคเหนือชะลอลง โดยมูลค่าการผลิตและส่งออกของอุตสาหกรรมส่งออกจากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือที่ผ่านด่านศุลกากรลำพูน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.4 เป็น 148.9 ล้านดอลลาร์ สรอ.ชะลอตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อน แต่สูงกว่าครึ่งแรกของปีที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 4.6 สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า อัญมณี และเครื่องจักร แต่เครื่องตัดต่อวงจรไฟฟ้า อุปกรณ์เกี่ยวกับสายตา ทรานฟอร์เมอร์และมอเตอร์ส่งออกลดลง ผลผลิตวัสดุก่อสร้าง ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.2 โดยลดลงเป็นเดือนแรกในปีนี้ ตามการชะลอตัวของการก่อสร้างภาคเอกชนเป็นสำคัญ
ช่วง 9 เดือน ปี 2548 ผลผลิตอุตสาหกรรมภาคเหนือขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง โดยการผลิตและส่งออกของอุตสาหกรรมส่งออกจากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือผ่านด่านศุลกากรลำพูน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.3 เป็น 1,270.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากมีการส่งออกลดลงในไตรมาสแรก แต่ปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2 ไตรมาสหลัง ตามอุปสงค์ของสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีชนิดใหม่ และอัญมณี ผลผลิตวัสดุก่อสร้าง เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.8 โดยขยายตัวสูงในไตรมาสแรกและชะลอตัวในไตรมาส 2 และ 3 ตามฤดูกาล ประกอบกับความกังวลเรื่องต้นทุนการก่อสร้าง ผลผลิตสังกะสี ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.2 เหลือ 77,165 เมตริกตัน ตามความต้องการในประเทศที่ลดลง แต่ราคาขายเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนตามราคาในตลาดโลก
3. ภาคบริการ เดือนกันยายน 2548 ภาคบริการหดตัวจากเดือนก่อนและระยะเดียวกันปีก่อน เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวไทยมีความระมัดระวังการใช้จ่ายจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นทำให้ลดการเดินทางลง ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ยังขาดความเชื่อมั่นจากข่าวแผ่นดินไหวและสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบกับเดือนนี้จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงประสบปัญหาน้ำท่วม 2 ครั้ง ทำให้นักท่องเที่ยวชะลอการเดินทาง กิจกรรมภาคบริการที่สำคัญได้แก่ จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานลดลงร้อยละ 4.2 อัตราการเข้าพักของโรงแรมเฉลี่ยลดลงเหลือร้อยละ 40.5 เทียบกับร้อยละ 45.5 ระยะเดียวกันปีก่อน แต่ราคาห้องพักเฉลี่ยของโรงแรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9
ช่วง 9 เดือน ปี 2548 ภาคบริการชะลอลง โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติยังขาดความเชื่อมั่นเกี่ยวกับข่าวแผ่นดินไหวและสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยระมัดระวังค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมัน ประกอบกับการจัดประชุม/สัมมนาของภาครัฐและเอกชนลดลงช่วงปลายปีงบประมาณ โดยจำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.9 อัตราการเข้าพักของโรงแรมเฉลี่ยลดลงเหลือร้อยละ 50.6 ด้านราคาห้องพักเฉลี่ยของโรงแรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 จากการปรับปรุงห้องพักและตามราคาของโรงแรมระดับบนที่เปิดดำเนินการ โดยลดราคาห้องพักในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยวต่ำกว่าปีก่อน
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน เดือนกันยายน 2548 การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ชะลอตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยกิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ ปริมาณจดทะเบียนรถยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1 ชะลอลงเมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.2 ในเดือนก่อน แต่ปริมาณจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ ลดลงร้อยละ 1.3 เทียบกับร้อยละ 4.6 เดือนก่อน
ช่วง 9 เดือน ปี 2548 การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน โดยปริมาณจดทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5 และร้อยละ 0.4 ต่ำกว่าระยะเดียวกันปีก่อนซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7 และร้อยละ 5.0 ตามลำดับ
5. การลงทุนภาคเอกชน เดือนกันยายน 2548 การลงทุนภาคเอกชน อยู่ในเกณฑ์ชะลอตัว โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อการก่อสร้าง โดยพื้นที่ขอรับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาล เพิ่มขึ้นร้อยละ13.9 ตามการขยายตัวของการก่อสร้างประเภทพาณิชยกรรม ที่จังหวัดนครสวรรค์ และเพชรบูรณ์ แต่ประเภทที่อยู่อาศัยลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน ปริมาณการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 0.1 ส่วนการลงทุนเพื่อการผลิต มีไม่มากนัก โดยโครงการที่ได้รับอนุมัติจาก BOI ในเดือนนี้มี 5 แห่ง เงินลงทุน 728.4 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 54.1 เป็นโครงการลงทุนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และสิ่งทอ
ช่วง 9 เดือนปี 2548 การลงทุนขยายตัวในเกณฑ์ดี ตามการเร่งการก่อสร้างในไตรมาสแรก แต่ในไตรมาส 2 และ 3 มีทิศทางชะลอลงต่อเนื่องจากผลกระทบของราคาน้ำมันส่งผลต่อต้นทุนการผลิต ทำให้นักลงทุนชะลอการตัดสินใจ กิจกรรมสำคัญ ได้แก่ ยอดจำหน่ายสินค้าหมวดวัสดุก่อสร้าง เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.3 แต่สัญญาณการก่อสร้างและการผลิตในระยะต่อไปชะลอลง สะท้อนจากพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาล ลดลงร้อยละ 1.7 และโครงการที่ได้รับอนุมัติจาก BOI มีจำนวน 38 โครงการ เป็นเงินลงทุน 4,293.8 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 53.2
6. การค้าต่างประเทศ เดือนกันยายน 2548 การส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 14.1 เป็น 209.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอลงจากร้อยละ 22.0 ในเดือนก่อน โดยการส่งออกผ่านด่านศุลกากรลำพูนเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 เป็น 148.9 ล้านดอลลาร์ สรอ.จากสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกล และอัญมณี ตลาดส่งออกสำคัญได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และอิสราเอล การส่งออกผ่านด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 45.8 เป็น 17.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากใบยาสูบ เครื่องประดับ และคาร์บูเรเตอร์รถจักรยานยนต์ และการส่งออกผ่านด่านศุลกากรชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 เป็น 42.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการส่งออกสินค้าไปจีนตอนใต้ที่เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว และการส่งออกไปลาวที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.3 ส่วนการส่งออกไปพม่าลดลงร้อยละ 6.3 เนื่องจากทางการพม่าเข้มงวดการนำเข้าและส่งออกสินค้าที่พม่าควบคุม
การนำเข้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.2 เป็น 124.1 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการนำเข้าผ่านด่านศุลกากรลำพูนเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.5 เป็น 115.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. สินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้นได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและ เครื่องจักรกล เครื่องแก้วและอัญมณีราคาสูง การนำเข้าผ่านด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 26.3 เป็น 2.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อน จากสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรและเครื่องจักรกล การนำเข้าผ่านด่านศุลกากรชายแดนลดลงร้อยละ 7.6 เหลือ 6.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการนำเข้าจากพม่าลดลงร้อยละ 38.0 แต่สำหรับการนำเข้าจากจีนตอนใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.1 และการนำเข้าจากลาวมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า เท่าตัว
ดุลการค้า เกินดุล 85.1 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่เกินดุล 63.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. ระยะเดียวกันปีก่อน
ช่วง 9 เดือน ปี 2548 การส่งออก ผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.8 เป็น 1,838.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกผ่านด่านศุลกากรลำพูน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 เป็น 1,270.7 ล้านบาทเนื่องจากการส่งออกลดลงช่วงไตรมาส 1 แต่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 และ 3 ตามอุปสงค์ในสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ชนิดใหม่ ส่วนการส่งออกผ่านด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.0 เป็น 155.5 ล้านดอลลาร์ สรอ.เร่งตัวขึ้น เนื่องจากผู้ส่งออกเปลี่ยนสถานที่ทำพิธีศุลกากรจากเดิมที่ส่วนกลางมาเป็นที่จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบกับการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับเพิ่มขึ้นมาก ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และยุโรป การส่งออกผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.2 เป็น 412.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอลงตามการส่งออกไปพม่า ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.2 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนการส่งออกไปลาว เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.1 จากผลิตภัณฑ์พืชสวน และน้ำมันปิโตรเลียม ขณะที่การส่งออกไปจีนตอนใต้ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว
การนำเข้า ผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.8 เป็น 1,112.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนใหญ่เป็นนำเข้าผ่านด่านศุลกากรลำพูนเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 เป็น 1,040.0 ล้านดอลลาร์สรอ. จากประเภทเครื่องตัดต่อวงจรไฟฟ้า และเครื่องจักรเครื่องจักรกล การนำเข้าผ่านด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.3 เป็น 17.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการนำเข้าสินค้าสำคัญที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตประเภทสิ่งทอ อัญมณี ผลิตภัณฑ์โลหะขั้นมูลฐาน และอุตสาหกรรมชนิดอื่น การนำเข้าผ่านด่านศุลกากรชายแดน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 เป็น 55.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอตัวตามการนำเข้าสินค้าจากพม่า ร้อยละ 5.0 ส่วนการนำเข้าจากจีน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 จากประเภทสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และการนำเข้าจากลาว เพิ่มขึ้นร้อยละ 50.8 จากผลิตภัณฑ์ไม้
ดุลการค้า เกินดุล 726.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากที่เกินดุล 606.8 ล้านดอลลาร์ สรอ.ในระยะเดียวกันปีก่อน
7. ระดับราคา ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.1 เทียบกับปีก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 จากสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะราคาหมวดผักและผลไม้ที่ได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วม ส่วนหมวดอื่นๆที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 ตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ด้านดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.7 เร่งตัวเมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ระยะเดียวกันปีก่อน
ช่วง 9 เดือนปี 2548 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.1 เร่งตัวขึ้นจาก ร้อยละ 2.6 ในช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสำคัญ สำหรับราคาสินค้าในหมวดอาหาร โดยเฉพาะหมวดผักและผลไม้ เพิ่มขึ้นสูงในไตรมาสที่ 3 เนื่องจากภาวะน้ำท่วมทำให้ผลผลิตเข้าสู่ตลาดลดลง ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.1 เร่งตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ลดลงร้อยละ 0.1
8. การจ้างงาน จากข้อมูลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติเดือนสิงหาคม 2548 ภาคเหนือมีกำลังแรงงานรวม 6.8 ล้านคน เป็นผู้มีงานทำ 6.7 ล้านคน ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.3 โดยการจ้างงานในภาคเกษตร ลดลงร้อยละ 1.6 และนอกภาคเกษตร ลดลงร้อยละ 0.8 จากการลดลงในสาขาขายปลีก-ส่งฯ และโรงแรมและภัตตาคาร ด้านอัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.2 ลดลงจากร้อยละ 1.5 ระยะเดียวกันปีก่อน ทางด้านผู้ประกันตน เดือนกันยายน 2548 มีจำนวน 566,337 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.5 และร้อยละ 5.0 ตามลำดับ
9. การเงิน ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2548 เงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือ มียอดคงค้าง 305,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.3 จากเงินฝากของส่วนราชการและสถาบันการศึกษาเป็นสำคัญโดยเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดเชียงใหม่ นครสวรรค์ พิจิตร และเพชรบูรณ์ ส่วนเงินให้สินเชื่อมียอดคงค้าง 235,255 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.6 ส่วนหนึ่งเนื่องจากการโอนสินเชื่อจากการควบรวมสถาบันการเงิน และบริษัทเงินทุนที่ปรับสถานะเป็นธนาคารพาณิชย์ โดยมีการขยายตัวมากในจังหวัดนครสวรรค์ กำแพงเพชร พิษณุโลก เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ระดับร้อยละ 77.1 สูงกว่าร้อยละ 71.4 ระยะเดียวกันปีก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ--