ไตรมาส 2 ปี 2548 เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออก เนื่องจาก ปัญหาภัยแล้ง ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล อีกทั้งปริมาณความต้อง
การน้ำในภาคการผลิตเพิ่มขึ้นตามการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ผลิตปิโตรเคมีในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเกิดความกังวลว่า ปริมาณน้ำที่
มีอยู่จะไม่เพียงพอต่อขบวนการผลิตปิโตรเคมี อย่างไรก็ตาม ภาครัฐได้วางมาตรการแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยการทำฝนเทียม
การสร้างอ่างเก็บน้ำ การวางท่อเชื่อมแหล่งน้ำต่างๆ อีกทั้ง ภาคเอกชนได้ร่วมมือในการประหยัดการใช้น้ำและการติดตั้งระบบ Recycle น้ำที่เหลือ
จากกระบวนการผลิตเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ทำให้ปัญหาการขาดแคลนน้ำได้รับการแก้ไขลุล่วง ผู้ผลิตปิโตรเคมีจึงสามารถเดินเครื่องผลิตได้ตามปกติ
ผู้ผลิตปิโตรเคมีหลายรายวางแผนขยายการลงทุนโครงการปิโตรเคมีในต่างประเทศ เช่น บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย (CCC) และบริษัท ปิโต
รเคมีแห่งชาติ (NPC) ได้ร่วมลงทุนในโครงการผลิต HDPE ขนาด 300 พันตันต่อปีในประเทศอิหร่านร่วมกับ National Petrochemical Co. of
Iran และ Itochu Corp คาดว่า โครงการจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2 ปี 2551 อีกทั้ง บริษัทไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC) วางแผนเพิ่ม
สัดส่วนถือหุ้นบริษัท P.T. Siam Maspion Polymers ซึ่งผลิตเม็ดพลาสติก PVC ในประเทศอินโดนีเซียเป็นร้อยเปอร์เซนต์ (รวมหุ้นของบริษัทปูน
ซีเมนต์ไทย)
การผลิต
การผลิตในช่วงไตรมาส 2 ปี 2548 ลดลง เนื่องจาก ผู้ผลิตบางรายปิดซ่อมบำรุง บางรายลดปริมาณการผลิตในบางช่วง เนื่อง
จากราคาที่ลดลง
สำหรับการผลิตในภูมิภาคเอเชีย โรงงานหลายแห่งมีการปิดซ่อมบำรุง ในขณะที่จีนเริ่มทดลองเดินเครื่องหน่วยผลิต PP ขนาด
250,000 ตัน/ปี โดยมีหน่วยผลิตผลิตภัณฑ์อื่นควบคู่ไปด้วย ได้แก่ การผลิตโพรพิลีน 500,000 ตัน/ปี โพลีเอททิลีน 600,000 ตัน/ปี
การตลาด
การนำเข้า
ไตรมาส 2 ปี 2548 การนำเข้าปิโตรเคมีขั้นต้นมีมูลค่า 2,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 205.78 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว
และเพิ่มขึ้นร้อยละ 70.03 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปิโตรเคมีขั้นกลางมีมูลค่านำเข้า 12,406 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.83 เมื่อ
เทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.89 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเม็ดพลาสติกมีมูลค่านำเข้า 16,126 ล้านบาทเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 14.09 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วและเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ปิโตรเคมี มูลค่านำเข้า (ล้านบาท) เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ)
Q2/2547 Q1/2548 Q2/2548 เทียบกับไตรมาสที่แล้ว เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ขั้นต้น 1,546 860 2,630 205.78 70.03
ขั้นกลาง 10,347 12,900 12,406 - 3.83 19.89
ขั้นปลาย 12,587 14,134 16,126 14.09 28.12
ที่มา : ข้อมูลจากกรมศุลกากร
เมื่อพิจารณาการนำเข้าในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2548 พบว่าปิโตรเคมีขั้นต้นมีการนำเข้าลดลง ในขณะที่ปิโตรเคมีขั้นกลาง และขั้น
ปลาย มีการนำเข้าเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ปิโตรเคมี มูลค่านำเข้า (ล้านบาท) เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ)
มกราคม—มิถุนายน2547 มกราคม—มิถุนายน2548
ขั้นต้น 3,509 3,490 -0.56
ขั้นกลาง 19,265 25,307 31.36
ขั้นปลาย 24,900 30,261 21.53
ที่มา : ข้อมูลจากกรมศุลกากร
การส่งออก
ไตรมาส 2 ปี 2548 การส่งออกปิโตรขั้นต้นมีมูลค่าส่งออก 10,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.76เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และ
เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 63.69 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปิโตรเคมีขั้นกลางมีมูลค่าส่งออก 4,462 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.83 เมื่อ
เทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.67 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเม็ดพลาสติกมีมูลค่าส่งออก 34,708 ล้านบาท ลดลง
ร้อยละ 2.74 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.57 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ปิโตรเคมี มูลค่าส่งออก (ล้านบาท) เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ)
Q2/2547 Q1/2548 Q2/2548 เทียบกับไตรมาสที่แล้ว เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ขั้นต้น 6,181 9,943 10,118 1.76 63.69
ขั้นกลาง 3,792 3,819 4,462 16.83 17.67
ขั้นปลาย 27,208 35,684 34,708 -2.74 25.57
ที่มา : ข้อมูลจากกรมศุลกากร
เมื่อพิจารณาการส่งออกในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2547 พบว่าทุกผลิตภัณฑ์มีการส่งออกเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย
ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้นมีอัตราการขยายตัวสูงสุด ถึงร้อยละ 97.87
ปิโตรเคมี มูลค่าส่งออก (ล้านบาท) เปลี่ยนแปลง(ร้อยละ)
มกราคม — มิถุนายน2547 มกราคม — มิถุนายน2548
ขั้นต้น 10,138 20,062 97.87
ขั้นกลาง 6,871 8,281 20.53
ขั้นปลาย 51,909 70,393 35.61
ที่มา : ข้อมูลจากกรมศุลกากร
ราคา
ไตรมาส 2 ปี 2548 ราคาเม็ดพลาสติก PE ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนเมษายน ก่อนปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคม
และมิถุนายน ส่วนราคาเม็ดพลาสติก PP มีการแกว่งตัว โดยราคาจำหน่ายเม็ดพลาสติกกลุ่มโอเลฟินส์ (ราคาเฉลี่ย SEA CFR) ในเดือนมิถุนายน
2548 ของ LDPE, HDPE และ PP (Blown Film) อยู่ที่ระดับ 41.50, 38.22 และ 41.17 บาทต่อกิโลกรัมตามลำดับ โดย LDPE มีระดับ
ราคาเฉลี่ยลดลงจากราคาเฉลี่ยในเดือนมีนาคม 2548 ที่ระดับ 47.93 บาทต่อกิโลกรัม HDPE และ PP มีระดับราคาเฉลี่ยลดลงจากราคาเฉลี่ยใน
เดือนมีนาคม 2548 ที่ระดับราคา 42.28 และ 42.86 บาทต่อกิโลกรัม ตามลำดับ
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
การน้ำในภาคการผลิตเพิ่มขึ้นตามการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ผลิตปิโตรเคมีในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเกิดความกังวลว่า ปริมาณน้ำที่
มีอยู่จะไม่เพียงพอต่อขบวนการผลิตปิโตรเคมี อย่างไรก็ตาม ภาครัฐได้วางมาตรการแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยการทำฝนเทียม
การสร้างอ่างเก็บน้ำ การวางท่อเชื่อมแหล่งน้ำต่างๆ อีกทั้ง ภาคเอกชนได้ร่วมมือในการประหยัดการใช้น้ำและการติดตั้งระบบ Recycle น้ำที่เหลือ
จากกระบวนการผลิตเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ทำให้ปัญหาการขาดแคลนน้ำได้รับการแก้ไขลุล่วง ผู้ผลิตปิโตรเคมีจึงสามารถเดินเครื่องผลิตได้ตามปกติ
ผู้ผลิตปิโตรเคมีหลายรายวางแผนขยายการลงทุนโครงการปิโตรเคมีในต่างประเทศ เช่น บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย (CCC) และบริษัท ปิโต
รเคมีแห่งชาติ (NPC) ได้ร่วมลงทุนในโครงการผลิต HDPE ขนาด 300 พันตันต่อปีในประเทศอิหร่านร่วมกับ National Petrochemical Co. of
Iran และ Itochu Corp คาดว่า โครงการจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2 ปี 2551 อีกทั้ง บริษัทไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC) วางแผนเพิ่ม
สัดส่วนถือหุ้นบริษัท P.T. Siam Maspion Polymers ซึ่งผลิตเม็ดพลาสติก PVC ในประเทศอินโดนีเซียเป็นร้อยเปอร์เซนต์ (รวมหุ้นของบริษัทปูน
ซีเมนต์ไทย)
การผลิต
การผลิตในช่วงไตรมาส 2 ปี 2548 ลดลง เนื่องจาก ผู้ผลิตบางรายปิดซ่อมบำรุง บางรายลดปริมาณการผลิตในบางช่วง เนื่อง
จากราคาที่ลดลง
สำหรับการผลิตในภูมิภาคเอเชีย โรงงานหลายแห่งมีการปิดซ่อมบำรุง ในขณะที่จีนเริ่มทดลองเดินเครื่องหน่วยผลิต PP ขนาด
250,000 ตัน/ปี โดยมีหน่วยผลิตผลิตภัณฑ์อื่นควบคู่ไปด้วย ได้แก่ การผลิตโพรพิลีน 500,000 ตัน/ปี โพลีเอททิลีน 600,000 ตัน/ปี
การตลาด
การนำเข้า
ไตรมาส 2 ปี 2548 การนำเข้าปิโตรเคมีขั้นต้นมีมูลค่า 2,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 205.78 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว
และเพิ่มขึ้นร้อยละ 70.03 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปิโตรเคมีขั้นกลางมีมูลค่านำเข้า 12,406 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.83 เมื่อ
เทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.89 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเม็ดพลาสติกมีมูลค่านำเข้า 16,126 ล้านบาทเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 14.09 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วและเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ปิโตรเคมี มูลค่านำเข้า (ล้านบาท) เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ)
Q2/2547 Q1/2548 Q2/2548 เทียบกับไตรมาสที่แล้ว เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ขั้นต้น 1,546 860 2,630 205.78 70.03
ขั้นกลาง 10,347 12,900 12,406 - 3.83 19.89
ขั้นปลาย 12,587 14,134 16,126 14.09 28.12
ที่มา : ข้อมูลจากกรมศุลกากร
เมื่อพิจารณาการนำเข้าในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2548 พบว่าปิโตรเคมีขั้นต้นมีการนำเข้าลดลง ในขณะที่ปิโตรเคมีขั้นกลาง และขั้น
ปลาย มีการนำเข้าเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ปิโตรเคมี มูลค่านำเข้า (ล้านบาท) เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ)
มกราคม—มิถุนายน2547 มกราคม—มิถุนายน2548
ขั้นต้น 3,509 3,490 -0.56
ขั้นกลาง 19,265 25,307 31.36
ขั้นปลาย 24,900 30,261 21.53
ที่มา : ข้อมูลจากกรมศุลกากร
การส่งออก
ไตรมาส 2 ปี 2548 การส่งออกปิโตรขั้นต้นมีมูลค่าส่งออก 10,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.76เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และ
เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 63.69 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปิโตรเคมีขั้นกลางมีมูลค่าส่งออก 4,462 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.83 เมื่อ
เทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.67 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเม็ดพลาสติกมีมูลค่าส่งออก 34,708 ล้านบาท ลดลง
ร้อยละ 2.74 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.57 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ปิโตรเคมี มูลค่าส่งออก (ล้านบาท) เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ)
Q2/2547 Q1/2548 Q2/2548 เทียบกับไตรมาสที่แล้ว เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ขั้นต้น 6,181 9,943 10,118 1.76 63.69
ขั้นกลาง 3,792 3,819 4,462 16.83 17.67
ขั้นปลาย 27,208 35,684 34,708 -2.74 25.57
ที่มา : ข้อมูลจากกรมศุลกากร
เมื่อพิจารณาการส่งออกในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2547 พบว่าทุกผลิตภัณฑ์มีการส่งออกเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย
ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้นมีอัตราการขยายตัวสูงสุด ถึงร้อยละ 97.87
ปิโตรเคมี มูลค่าส่งออก (ล้านบาท) เปลี่ยนแปลง(ร้อยละ)
มกราคม — มิถุนายน2547 มกราคม — มิถุนายน2548
ขั้นต้น 10,138 20,062 97.87
ขั้นกลาง 6,871 8,281 20.53
ขั้นปลาย 51,909 70,393 35.61
ที่มา : ข้อมูลจากกรมศุลกากร
ราคา
ไตรมาส 2 ปี 2548 ราคาเม็ดพลาสติก PE ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนเมษายน ก่อนปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคม
และมิถุนายน ส่วนราคาเม็ดพลาสติก PP มีการแกว่งตัว โดยราคาจำหน่ายเม็ดพลาสติกกลุ่มโอเลฟินส์ (ราคาเฉลี่ย SEA CFR) ในเดือนมิถุนายน
2548 ของ LDPE, HDPE และ PP (Blown Film) อยู่ที่ระดับ 41.50, 38.22 และ 41.17 บาทต่อกิโลกรัมตามลำดับ โดย LDPE มีระดับ
ราคาเฉลี่ยลดลงจากราคาเฉลี่ยในเดือนมีนาคม 2548 ที่ระดับ 47.93 บาทต่อกิโลกรัม HDPE และ PP มีระดับราคาเฉลี่ยลดลงจากราคาเฉลี่ยใน
เดือนมีนาคม 2548 ที่ระดับราคา 42.28 และ 42.86 บาทต่อกิโลกรัม ตามลำดับ
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-