วันนี้(3 ธ.ค.48) ที่โรงแรมทวิน โลตัส จ.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดการสัมมนาสาขาพรรคภาคใต้ ภายใต้ชื่อ“ผนึกพลังสร้างสรรค์-สร้างพรรค”โดยมีบรรดาแกนนำพรรค ส.ส.และกรรมการสาขาพรรคจากพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้มาเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ นายชวนหลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค พร้อมทั้งบรรดารองหัวหน้าพรรค และส.ส.พรรค
เมื่อเวลา 09.00 น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปาฐกถาเปิดการสัมมนาในหัวข้อ “อุดมการณ์ 60 ปีประชาธิปัตย์”ว่า พรรคประชาธิปัตย์อยู่ได้ด้วยอุดมการณ์ เสริมสร้างประชาธิปไตยภายใต้การปกครองที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพรรคเชื่อมั่นในระบอบเสรีนิยม เชื่อมั่นในประชาชน พรรคจึงเชื่อว่าการกระจาย 3 ด้าน คือ 1. กระจายรายได้ โดยไม่ใช้หลักประชาสงเคราะห์แต่ใช้หลักการสร้างความเข้มแข็ง คือต้องทำงานไม่ใช่รอคอยการแจก เช่น ตั้งบีโอไอ จูงใจให้เกิดการลงุทนในพื้นที่ห่างไกลซึ่งจะได้รับการลดหย่อนภาษี 2. กระจายอำนาจ ขณะนี้ที่มีการพูดเรื่องการถ่ายโอนโรงเรียนตนคิดว่าเป็นเรื่องปลีกย่อย แต่เรื่องใหญ่คือพรรคต้องกระจายอำนาจให้กับท้องถิ่น
“ อย่าไปบอกว่าไม่มีความพร้อม เพราะขนาดระดับชาติ ส.ส. หรือแม้แต่ส.ว.ก็ยังมีการขายเสียง กินเงินเดือนผู้มีอำนาจ ซึ่งท้องถิ่นเองก็มี แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เราต้องสร้างความพร้อม แต่รัฐบาลนี้ไม่ยอมกระจายและยังตัดทอนเสียอีก เนื่องจากเขากลัวว่าจะสั่งท้องถิ่นไม่ได้ แต่คิดว่าภูมิภาคสั่งได้ จึงกระจายไปยังภูมิภาค คนที่เป็นรองผู้ว่าฯอยากจะเป็นผู้ว่า ก็ต้องช่วยพรรคเขา ส่วนผู้ว่าฯบางคนมีคำสั่งย้ายแล้วแต่หากช่วยพรรคเขาก็ไม่ต้องย้าย เขาบอกว่าคิดใหม่ทำใหม่ แต่ไม่ดีกว่าเดิมเลย ปัญหาใต้ที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ตั้งศอ.บต.ก็ยุบทิ้งเสีย ต่อมารัฐบาลประชาธิปัตย์ทำมาดีเกือบจะพูดได้ว่าไฟดับแล้ว เขาก็มาเปลี่ยนนโยบาย จนพี่น้องคนไทยตายเป็นพัน ซึ่งหากไม่กระจายรายได้ และกระจายอำนาจ กระจายที่3 ก็จะไม่เกิดนั่นคือการกระจายโอกาส” นายชวนกล่าว
ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ในภาคใต้ต้องภูมิใจ แต่ไม่ใช่ภูมิใจเพราะชนะ 52 จาก 54 แต่ภูมิใจเพราะแม้มีการโกงแล้วแต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังชนะ ส่วนที่แพ้ก็ไม่ทำให้พรรครู้สึกอ่อนแอ เพราะพรรคต้องยึดหลักความถูกต้อง ต้องยอมรับว่าตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ไม่เคยมีการเลือกตั้งครั้งไหนที่การโกงหนักเท่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา กกต.ไม่สามารถจับคนที่ซื้อเสียงได้
“กระแสช่วงนี้มีการพูดถึงการแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในภาวะที่องค์กรอิสระในการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจรัฐ ทั้งปปช. กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ฯลฯ ซึ่งเริ่มมีในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ แต่ในสมัยนั้นไม่เคยมีปัญหาเหมือนตอนนี้ ทั้งที่เราใช้กฎหมายฉบับเดียวกันกับนายกฯทักษิณ ที่ไม่มีปัญหาเพราะเราไม่แทรกแซง แต่น่าสงสัยว่าทำไมสมัยรัฐบาลนี้ทำ”ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลนี้กระทำกับประชาชนก็คือ การเลือกปฏิบัติต่อประชาชน คือการที่บอกว่าหากจังหวัดไหนไม่เลือกพรรคไทยรักไทยก็จะได้รับการพัฒนาทีหลัง ทั้งที่เก็บภาษีจากประชาชนเท่ากัน “เอาเงินของประชาชนที่เก็บจากพวกเราไปให้จังหวัดที่เลือกเขา นายกฯอาจจะบอกว่าเป็นคนกตัญญู แต่การขโมยเงินของเราไปแสดงความกตัญญูกับคนอื่น นี่ไม่ใช่กตัญญู แต่เป็นการอกตัญญูต่อพวกเรา อกตัญญูต่อแผ่นดิน ถ้าอยากจะกตัญญูก็ต้องเอาเงินส่วนตัว นายกฯคนนี้ทำลายประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง” ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์
นายชวน กล่าวว่า หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พยายามเสนอความเห็นมาตลอด และมีการตั้งกระทู้ในสภาฯทุกสัปดาห์ ดังนั้น ขอให้ทุกคนเข้าใจสภาพความเป็นจริงของบ้านเมือง และต้องเป็นหลักของบ้านเมือง อยู่บนหลักความถูกต้อง ความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล เพราะสิ่งนี้คือส่วนสำคัญที่จะรักษาบ้านเมืองไว้ได้ ในวันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.48) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะมีพระบรมราโชวาทแก่พสกนิกรชาวไทย ซึ่งเป็นสิริมงคล ที่ปวงชนชาวไทยจะได้ถวายพระพร และสิ่งสำคัญที่สุด ตนคิดว่าการแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ คือ การปฏิบัติตัวเองให้อยู่บนหลักความสุจริต ความถูกต้อง
“ ขอให้พวกเราได้มีบทบาทในการบริหารชุมชน โดยตั้งอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต อย่าไปโกงกิน เพราะฉะนั้น ท้องถิ่นของเราอยู่ในอำนาจที่เราเป็นผู้เลือก เรามีสิทธิ์จะเป็นผู้เลือกทุกคนต้องช่วยส่งเสริม บอกท้องถิ่นที่เราเลือก ให้เขาทำตัวบนพื้นฐานความซื่อสัตย์สุจริต เงินที่ได้มาก็ใช้บนพื้นฐานความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อท้องถิ่นได้มาก” นายชวนกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 ธ.ค. 2548--จบ--
เมื่อเวลา 09.00 น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปาฐกถาเปิดการสัมมนาในหัวข้อ “อุดมการณ์ 60 ปีประชาธิปัตย์”ว่า พรรคประชาธิปัตย์อยู่ได้ด้วยอุดมการณ์ เสริมสร้างประชาธิปไตยภายใต้การปกครองที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพรรคเชื่อมั่นในระบอบเสรีนิยม เชื่อมั่นในประชาชน พรรคจึงเชื่อว่าการกระจาย 3 ด้าน คือ 1. กระจายรายได้ โดยไม่ใช้หลักประชาสงเคราะห์แต่ใช้หลักการสร้างความเข้มแข็ง คือต้องทำงานไม่ใช่รอคอยการแจก เช่น ตั้งบีโอไอ จูงใจให้เกิดการลงุทนในพื้นที่ห่างไกลซึ่งจะได้รับการลดหย่อนภาษี 2. กระจายอำนาจ ขณะนี้ที่มีการพูดเรื่องการถ่ายโอนโรงเรียนตนคิดว่าเป็นเรื่องปลีกย่อย แต่เรื่องใหญ่คือพรรคต้องกระจายอำนาจให้กับท้องถิ่น
“ อย่าไปบอกว่าไม่มีความพร้อม เพราะขนาดระดับชาติ ส.ส. หรือแม้แต่ส.ว.ก็ยังมีการขายเสียง กินเงินเดือนผู้มีอำนาจ ซึ่งท้องถิ่นเองก็มี แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เราต้องสร้างความพร้อม แต่รัฐบาลนี้ไม่ยอมกระจายและยังตัดทอนเสียอีก เนื่องจากเขากลัวว่าจะสั่งท้องถิ่นไม่ได้ แต่คิดว่าภูมิภาคสั่งได้ จึงกระจายไปยังภูมิภาค คนที่เป็นรองผู้ว่าฯอยากจะเป็นผู้ว่า ก็ต้องช่วยพรรคเขา ส่วนผู้ว่าฯบางคนมีคำสั่งย้ายแล้วแต่หากช่วยพรรคเขาก็ไม่ต้องย้าย เขาบอกว่าคิดใหม่ทำใหม่ แต่ไม่ดีกว่าเดิมเลย ปัญหาใต้ที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ตั้งศอ.บต.ก็ยุบทิ้งเสีย ต่อมารัฐบาลประชาธิปัตย์ทำมาดีเกือบจะพูดได้ว่าไฟดับแล้ว เขาก็มาเปลี่ยนนโยบาย จนพี่น้องคนไทยตายเป็นพัน ซึ่งหากไม่กระจายรายได้ และกระจายอำนาจ กระจายที่3 ก็จะไม่เกิดนั่นคือการกระจายโอกาส” นายชวนกล่าว
ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ในภาคใต้ต้องภูมิใจ แต่ไม่ใช่ภูมิใจเพราะชนะ 52 จาก 54 แต่ภูมิใจเพราะแม้มีการโกงแล้วแต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังชนะ ส่วนที่แพ้ก็ไม่ทำให้พรรครู้สึกอ่อนแอ เพราะพรรคต้องยึดหลักความถูกต้อง ต้องยอมรับว่าตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ไม่เคยมีการเลือกตั้งครั้งไหนที่การโกงหนักเท่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา กกต.ไม่สามารถจับคนที่ซื้อเสียงได้
“กระแสช่วงนี้มีการพูดถึงการแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในภาวะที่องค์กรอิสระในการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจรัฐ ทั้งปปช. กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ฯลฯ ซึ่งเริ่มมีในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ แต่ในสมัยนั้นไม่เคยมีปัญหาเหมือนตอนนี้ ทั้งที่เราใช้กฎหมายฉบับเดียวกันกับนายกฯทักษิณ ที่ไม่มีปัญหาเพราะเราไม่แทรกแซง แต่น่าสงสัยว่าทำไมสมัยรัฐบาลนี้ทำ”ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลนี้กระทำกับประชาชนก็คือ การเลือกปฏิบัติต่อประชาชน คือการที่บอกว่าหากจังหวัดไหนไม่เลือกพรรคไทยรักไทยก็จะได้รับการพัฒนาทีหลัง ทั้งที่เก็บภาษีจากประชาชนเท่ากัน “เอาเงินของประชาชนที่เก็บจากพวกเราไปให้จังหวัดที่เลือกเขา นายกฯอาจจะบอกว่าเป็นคนกตัญญู แต่การขโมยเงินของเราไปแสดงความกตัญญูกับคนอื่น นี่ไม่ใช่กตัญญู แต่เป็นการอกตัญญูต่อพวกเรา อกตัญญูต่อแผ่นดิน ถ้าอยากจะกตัญญูก็ต้องเอาเงินส่วนตัว นายกฯคนนี้ทำลายประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง” ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์
นายชวน กล่าวว่า หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พยายามเสนอความเห็นมาตลอด และมีการตั้งกระทู้ในสภาฯทุกสัปดาห์ ดังนั้น ขอให้ทุกคนเข้าใจสภาพความเป็นจริงของบ้านเมือง และต้องเป็นหลักของบ้านเมือง อยู่บนหลักความถูกต้อง ความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล เพราะสิ่งนี้คือส่วนสำคัญที่จะรักษาบ้านเมืองไว้ได้ ในวันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.48) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะมีพระบรมราโชวาทแก่พสกนิกรชาวไทย ซึ่งเป็นสิริมงคล ที่ปวงชนชาวไทยจะได้ถวายพระพร และสิ่งสำคัญที่สุด ตนคิดว่าการแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ คือ การปฏิบัติตัวเองให้อยู่บนหลักความสุจริต ความถูกต้อง
“ ขอให้พวกเราได้มีบทบาทในการบริหารชุมชน โดยตั้งอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต อย่าไปโกงกิน เพราะฉะนั้น ท้องถิ่นของเราอยู่ในอำนาจที่เราเป็นผู้เลือก เรามีสิทธิ์จะเป็นผู้เลือกทุกคนต้องช่วยส่งเสริม บอกท้องถิ่นที่เราเลือก ให้เขาทำตัวบนพื้นฐานความซื่อสัตย์สุจริต เงินที่ได้มาก็ใช้บนพื้นฐานความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อท้องถิ่นได้มาก” นายชวนกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 ธ.ค. 2548--จบ--