กรุงเทพ--9 ก.พ.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2548 ฯพณฯ นายเบอร์นาร์ด อาร์ บอท รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เนเธอร์แลนด์ ได้เข้าพบ ฯพณฯ ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ณ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหารือข้อราชการ และได้แลกเปลี่ยนสัตยาบันสารสนธิสัญญาว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิด และความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับ ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ซึ่งได้มีการลงนาม ณ กรุงเฮก เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2547
การแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร ฯ ซึ่งจะมีผลให้สนธิสัญญา ฯ มีผลใช้บังคับถือได้ว่าเป็นอีกมิติของความพยายามระหว่างกันที่จะก่อให้เกิดความร่วมมือและเพิ่มพูนความร่วมมือในด้านการยุติธรรมระหว่างสองประเทศ โดยประเทศไทยมีพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตาม คำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ. 2527 เป็นกฎหมายรองรับสนธิสัญญา ฯ ซึ่งตามความในข้อ 11 ของสนธิสัญญา ฯ ระบุว่า สนธิสัญญา ฯ จะมีผลใช้บังคับในวันแรกของเดือนที่สองนับจากวันที่มีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารกัน (วันที่ 1 เมษายน 2548)
ประเทศไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับวัตถุประสงค์หลักในการจัดทำสนธิสัญญา ฯ ดังกล่าวซึ่งมุ่งที่จะช่วยให้ผู้กระทำผิดสามารถปรับตัวกลับคืนสู่สังคมของตนได้ โดยสนธิสัญญา ฯ กำหนดมาตรการต่าง ๆ ที่อนุญาตให้ผู้กระทำผิดได้รับการโอนตัวกลับไปยังประเทศของตนเพื่อรับโทษที่เหลือ ภายหลังจากที่ผู้กระทำผิดได้รับโทษจำคุกเป็นเวลาขั้นต่ำสุดตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายของรัฐผู้โอนแล้ว ดังนั้น สนธิสัญญา ฯ นี้จึงเป็นเสมือนกรอบความร่วมมือที่จะช่วยเสริมสร้างให้ความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายและการบริหารงานกระบวนการยุติธรรมระหว่างไทยกับเนเธอร์แลนด์มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2548 ฯพณฯ นายเบอร์นาร์ด อาร์ บอท รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เนเธอร์แลนด์ ได้เข้าพบ ฯพณฯ ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ณ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหารือข้อราชการ และได้แลกเปลี่ยนสัตยาบันสารสนธิสัญญาว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิด และความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับ ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ซึ่งได้มีการลงนาม ณ กรุงเฮก เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2547
การแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร ฯ ซึ่งจะมีผลให้สนธิสัญญา ฯ มีผลใช้บังคับถือได้ว่าเป็นอีกมิติของความพยายามระหว่างกันที่จะก่อให้เกิดความร่วมมือและเพิ่มพูนความร่วมมือในด้านการยุติธรรมระหว่างสองประเทศ โดยประเทศไทยมีพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตาม คำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ. 2527 เป็นกฎหมายรองรับสนธิสัญญา ฯ ซึ่งตามความในข้อ 11 ของสนธิสัญญา ฯ ระบุว่า สนธิสัญญา ฯ จะมีผลใช้บังคับในวันแรกของเดือนที่สองนับจากวันที่มีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารกัน (วันที่ 1 เมษายน 2548)
ประเทศไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับวัตถุประสงค์หลักในการจัดทำสนธิสัญญา ฯ ดังกล่าวซึ่งมุ่งที่จะช่วยให้ผู้กระทำผิดสามารถปรับตัวกลับคืนสู่สังคมของตนได้ โดยสนธิสัญญา ฯ กำหนดมาตรการต่าง ๆ ที่อนุญาตให้ผู้กระทำผิดได้รับการโอนตัวกลับไปยังประเทศของตนเพื่อรับโทษที่เหลือ ภายหลังจากที่ผู้กระทำผิดได้รับโทษจำคุกเป็นเวลาขั้นต่ำสุดตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายของรัฐผู้โอนแล้ว ดังนั้น สนธิสัญญา ฯ นี้จึงเป็นเสมือนกรอบความร่วมมือที่จะช่วยเสริมสร้างให้ความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายและการบริหารงานกระบวนการยุติธรรมระหว่างไทยกับเนเธอร์แลนด์มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-