ธปท .ฟันธงศก.ไทยสดใสพื้นฐานดี ส่งออกพุ่ง-นำเข้าลด-ลงทุนเพิ่ม

          นางสุชาดา กิระกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ สายนโยบายการเงิน การธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยถึงการประมาณการเศรษฐกิจในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับเดือนตุลาคม 2548 ว่า ธปท. ได้ปรับประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจาก 3.5-4.5% มาเป็น 4.25-4.75% เนื่องจากปัจจัยสำคัญด้านการส่งออกที่ได้ปรับตัวเริ่มดีขึ้นและมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยการส่งออก 2 เดือนแรกของไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 ขยายตัวดีเกือบทุกประเภท
          ในขณะที่ได้มีการสอบถามจากผู้ประกอบการพบว่าการส่งออกหลายประเภทจะขยายตัวได้ต่อเนื่องหากเศรษฐกิจโลกยังคงขยายตัวอยู่ โดยที่สินค้าเกษตรมีแนวโน้มที่สดใสขึ้น เนื่องจากภัยแล้งได้ลดลง สินค้าประมงได้รับการลดภาษีนำเข้าสินค้ากุ้งจากสหภาพยุโรปเป็นการชั่วคราว และจะได้รับสิทธิจีเอสพีเป็นเวลา 10 ปี โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549 สำหรับสินค้ายานยนต์ยังขยายตัวได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากมีการย้ายฐานการผลิตเข้ามาที่ประเทศไทย สำหรับไข้หวัดนกที่กลับมาระบาดเป็นครั้งที่ 3 จะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไก่มากนัก 
ด้านการนำเข้าในครึ่งหลังของปี 2548 คาดว่าจะมีการชะลอการนำเข้า สาเหตุมาจากสินค้านำเข้าอย่างเหล็กที่มีการขยายตัวอย่างมากในต้นปี เพื่อสะสมสต๊อกและรองรับโครงการขนาดใหญ่ของรัฐได้มีจำนวนที่มากพอแล้ว และการประกาศลอยตัวราคาน้ำมันมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2548 รวมถึงมาตรการประหยัดพลังงาน ทำให้การนำเข้าน้ำมันลดลง ขณะที่เครื่องชี้การลงทุนของภาคเอกชนยังคงขยายตัวได้ในเกณฑ์ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคอุตสาหกรรม หรือสินเชื่อภาคอุตสาหกรรมที่แสดงถึงแนวโน้มความต้องการลงทุนอยู่ต่อเนื่อง
ประเด็นวิเคราะห์          
          ภาวะเศรษฐกิจของไทยในครึ่งปีหลังของปี 2548 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าการนำเข้าจะมีการชะลอตัวลง เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภัยแล้ง สินค้าประมง(กุ้ง) ได้รับสิทธิจีเอสพีจากสหภาพยุโรปเป็นเวลา 10 ปี สินค้ายานยนต์ได้มีการย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น สำหรับปัญหาไข้หวัดนกจะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไก่ของไทยมากนัก ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อภายในประเทศยังเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมัน และอาจจะส่งผลกระทบไปยังสินค้าอื่นๆ เร่งให้สูงเพิ่มขึ้นด้วย แต่ ธปท. เชื่อว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะส่งสัญญาณให้ทุกส่วนได้เกิดความระมัดระวังการใช้จ่าย และจะช่วยควบคุมภาวะเงินเฟ้อไม่รุนแรงเกินกว่าที่จะควบคุมได้
          ที่มา: http://www.depthai.go.th