สรุปสาระสำคัญคำแถลงของกระทรวงการคลังต่อศาลล้มละลายกลางในคดีไกล่เกลี่ยคำร้องขอมีสิทธิซื้อหุ้นบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) ก่อนของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2548
ในวันนี้ (4 มีนาคม 2548) ศาลล้มละลายกลางได้นัดไกล่เกลี่ยในเรื่องการออกหุ้นเพิ่มทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) (ทีพีไอ) โดยมีผู้บริหารแผน ตัวแทนกระทรวงการคลัง ตัวแทนคณะกรรมการเจ้าหนี้ ผู้บริหารของลูกหนี้ (นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์) เข้าร่วมในการเจรจา กระทรวงการคลังได้แถลงต่อศาลว่า ตามที่ศาลล้มละลายกลางเห็นว่าคดีฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ที่ผ่านมามีความขัดแย้งสูงระหว่างผู้บริหารของลูกหนี้และเจ้าหนี้ หากลูกหนี้ต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลายก็จะก่อให้เกิดปัญหาต่อเจ้าหนี้ ประชาชนผู้ถือหุ้นของลูกหนี้ พนักงานของลูกหนี้ อันจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศชาติ และด้วยศักยภาพของรัฐบาลจะทำให้
การฟื้นฟูกิจการเป็นผลสำเร็จได้ในที่สุดจึงได้มีคำสั่งตั้งกระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผน และได้มีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการฉบับแก้ไขในลำดับต่อมา ทั้งนี้ โดยแผนฟื้นฟูกิจการฉบับแก้ไขได้กำหนดให้กระทรวงการคลังมีสิทธิโดยเด็ดขาดในการจัดหาผู้ร่วมลงทุนที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดและทำข้อตกลงในการขายส่วนทุนตามแผนทั้งหมดให้แก่ผู้ร่วมลงทุนภายในเวลาไม่ช้ากว่า 8 สัปดาห์ก่อนวันสิ้นระยะเวลาดำเนินการตามแผน (ภายใน 4 พฤศจิกายน 2548)
ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้เร่งดำเนินการพิจารณาจัดหาผู้ร่วมลงทุนตามข้อกำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งขณะนี้กระบวนการในการจัดหาผู้ร่วมลงทุนมีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยผู้ร่วมลงทุนที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบในเบื้องต้นเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนดในแผนโดยมีความชำนาญในการประกอบธุรกิจปิโตรเลียม มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และมีความน่าเชื่อถือเป็นที่ยอมรับได้ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเชื่อได้ว่าจะทำให้กิจการของลูกหนี้สามารถดำเนินการต่อไปได้ด้วยดี ไม่ก่อให้เกิดปัญหาการล้มละลายต่อไปในภายหน้าอันจะส่งผลกระทบต่อลูกหนี้ พนักงาน เจ้าหนี้ และความมั่นคงของเศรษฐกิจของประเทศอันเป็นเจตนารมณ์สำคัญของกระทรวงการคลังในการยอมรับเข้ามาเป็นผู้บริหารแผนและยอมรับหน้าที่ในการจัดหาผู้ร่วมลงทุนและจัดสรรส่วนทุนตามแผนในคราวนี้
เนื่องจากการดำเนินการมีความคืบหน้าและมีความแน่นอนในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงไม่อาจพิจารณายอมรับข้อเสนอในการขอซื้อส่วนทุนตามแผนของผู้บริหารของลูกหนี้ และขออนุญาตศาลที่จะไม่ดำเนินการไกล่เกลี่ยในคดีคำร้องขอซื้อส่วนทุนตามแผนของผู้บริหารของลูกหนี้อีกต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการให้แล้วเสร็จได้ภายในเวลาที่กำหนดตามแผน และไม่ให้เกิดความล่าช้าและเป็นอุปสรรคจนกระทบต่อความพยายามที่ได้ดำเนินการมาแล้วในอันที่จะดำเนินการให้การฟื้นฟูกิจการของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) เกิดผลสำเร็จตามแผนดังกล่าวข้างต้นอย่างแท้จริง โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศ ลูกหนี้ และผู้เกี่ยวข้องโดยรวมเป็นสำคัญ
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 19/2548 4 มีนาคม 2548--
ในวันนี้ (4 มีนาคม 2548) ศาลล้มละลายกลางได้นัดไกล่เกลี่ยในเรื่องการออกหุ้นเพิ่มทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) (ทีพีไอ) โดยมีผู้บริหารแผน ตัวแทนกระทรวงการคลัง ตัวแทนคณะกรรมการเจ้าหนี้ ผู้บริหารของลูกหนี้ (นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์) เข้าร่วมในการเจรจา กระทรวงการคลังได้แถลงต่อศาลว่า ตามที่ศาลล้มละลายกลางเห็นว่าคดีฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ที่ผ่านมามีความขัดแย้งสูงระหว่างผู้บริหารของลูกหนี้และเจ้าหนี้ หากลูกหนี้ต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลายก็จะก่อให้เกิดปัญหาต่อเจ้าหนี้ ประชาชนผู้ถือหุ้นของลูกหนี้ พนักงานของลูกหนี้ อันจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศชาติ และด้วยศักยภาพของรัฐบาลจะทำให้
การฟื้นฟูกิจการเป็นผลสำเร็จได้ในที่สุดจึงได้มีคำสั่งตั้งกระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผน และได้มีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการฉบับแก้ไขในลำดับต่อมา ทั้งนี้ โดยแผนฟื้นฟูกิจการฉบับแก้ไขได้กำหนดให้กระทรวงการคลังมีสิทธิโดยเด็ดขาดในการจัดหาผู้ร่วมลงทุนที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดและทำข้อตกลงในการขายส่วนทุนตามแผนทั้งหมดให้แก่ผู้ร่วมลงทุนภายในเวลาไม่ช้ากว่า 8 สัปดาห์ก่อนวันสิ้นระยะเวลาดำเนินการตามแผน (ภายใน 4 พฤศจิกายน 2548)
ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้เร่งดำเนินการพิจารณาจัดหาผู้ร่วมลงทุนตามข้อกำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งขณะนี้กระบวนการในการจัดหาผู้ร่วมลงทุนมีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยผู้ร่วมลงทุนที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบในเบื้องต้นเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนดในแผนโดยมีความชำนาญในการประกอบธุรกิจปิโตรเลียม มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และมีความน่าเชื่อถือเป็นที่ยอมรับได้ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเชื่อได้ว่าจะทำให้กิจการของลูกหนี้สามารถดำเนินการต่อไปได้ด้วยดี ไม่ก่อให้เกิดปัญหาการล้มละลายต่อไปในภายหน้าอันจะส่งผลกระทบต่อลูกหนี้ พนักงาน เจ้าหนี้ และความมั่นคงของเศรษฐกิจของประเทศอันเป็นเจตนารมณ์สำคัญของกระทรวงการคลังในการยอมรับเข้ามาเป็นผู้บริหารแผนและยอมรับหน้าที่ในการจัดหาผู้ร่วมลงทุนและจัดสรรส่วนทุนตามแผนในคราวนี้
เนื่องจากการดำเนินการมีความคืบหน้าและมีความแน่นอนในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงไม่อาจพิจารณายอมรับข้อเสนอในการขอซื้อส่วนทุนตามแผนของผู้บริหารของลูกหนี้ และขออนุญาตศาลที่จะไม่ดำเนินการไกล่เกลี่ยในคดีคำร้องขอซื้อส่วนทุนตามแผนของผู้บริหารของลูกหนี้อีกต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการให้แล้วเสร็จได้ภายในเวลาที่กำหนดตามแผน และไม่ให้เกิดความล่าช้าและเป็นอุปสรรคจนกระทบต่อความพยายามที่ได้ดำเนินการมาแล้วในอันที่จะดำเนินการให้การฟื้นฟูกิจการของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) เกิดผลสำเร็จตามแผนดังกล่าวข้างต้นอย่างแท้จริง โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศ ลูกหนี้ และผู้เกี่ยวข้องโดยรวมเป็นสำคัญ
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 19/2548 4 มีนาคม 2548--