นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติที่จะออกกฎหมายจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ว่า กฎหมายดังกล่าวเป็นกฏหมายที่สำคัญ ซึ่งรัฐบาลไม่ควรที่จะฉวยโอกาสในช่วงที่จะมีการเปลี่ยนถ่ายรัฐบาลดำเนินการ เพราะในช่วงเวลานี้ความสนใจในกฎหมายดังกล่าวจะลดลง แต่ถึงจะอยู่ในช่วงการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ติดตามเรื่องนี้อยู่ และพบว่ากฎหมายฉบับนี้จะเกี่ยวข้องกับหลายเรื่อง เช่น จะต้องมีการยกเลิกกฎหมายนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยทั้งฉบับ ยกเลิกกฎหมายองค์กรมหาชนหลายฉบับ และมีการแบ่งพื้นที่กำหนดเศรษฐกิจพิเศษเป็นเฉพาะกรณีทางด้านอุตสาหกรรม พาณิชย์บริการ ซึ่งจะอยู่ในรูปนิติบุคคลที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการดำเนินงาน และก็จะมีผู้ว่าการเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
เพราะฉะนั้นสาระสำคัญที่คนไทยควรตระหนักก็คือ ความคิดที่จะให้มีการผ่อนผันกฎหมายสำหรับเปิดทางให้ต่างชาติมาเช่าซื้อและมีกรรมสิทธิ์ในเขตที่ดินได้ เช่าพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจได้ถึง 99 ปี และก็มีการผ่อนผันการใช้แรงงานต่างด้าว การผ่อนผันกฎหมายสิ่งแวดล้อม ผ่อนผันกฎหมายบีโอไอ รวมถึงการที่จะยกเว้นอำนาจองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งอาจจะรวมไปถึงภาษี มีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีสรรพสามิต รวมทั้งให้อำนาจชาวต่างชาติที่จะมีสิทธิ์แลกเปลี่ยนซื้อขายที่ดินได้ พรรคประชาธิปัตย์มีความแนวความคิดในเรื่องดังกล่าวอยู่ 3 ข้อ คือ
1.การเตรียมที่จะเสนอกฎหมายฉบับใหม่ที่มีเนื้อหาสำคัญเกี่ยวข้องกับอธิปไตย และผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ควรที่จะทำในช่วงเวลาเปลี่ยนถ่ายอำนาจการบริหารในขณะนี้
2.เนื้อหาของพระราชบัญญัติฉบับนี้มีหลายส่วนที่ขัดต่ออำนาจกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน เช่น กฎหมายการเว้นคืนที่ดิน ซึ่งรัฐบาลได้พยายามดำเนินการในเรื่องเมืองใหม่นครนายกฯ แต่ติดขัดในข้อกฎหมายดังกล่าว หรือกฎหมายถือครองการให้สิทธิ์ต่างชาติซื้อและเช่าที่ดิน ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบถึงผลกระทบต่อความมั่นคงของสังคม และประเทศชาติ ดังนั้นกฎหมายในลักษณะนี้ควรทำประชาพิจารณ์ เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์โดยตรงของคนไทย
3.แนวคิดในการจัดทำกฎหมาย เป็นแนวคิดที่เผด็จการเบ็ดเสร็จโดยไม่เคารพกระบวนการประชาธิปไตย แต่การออกกฎหมายฉบับใหม่เพื่อให้อำนาจไปรวมศูนย์ที่ท่านนายกฯ ผ่านผู้ว่าการเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทำให้นายกฯและคณะบุคคลที่จะถูกจัดตั้งขึ้นมีอำนาจเบ็ดเสร็จสามารถทำอะไรก็ได้ไม่จำกัดอาณาเขตผืนแผ่นดินไทย หรือกล่าวได้ว่ากฎหมายฉบับนี้ถ้าออกมาจะเป็นกฏหมายที่ให้อำนาจนายกฯเพียงคนเดียว ซึ่งสามารถสร้างประโยชน์ให้กับกลุ่มใดก็ได้‘พรรคประชาธิปัตย์อยากเตือนไปยังรัฐบาลว่าไม่ควรฉวยโอกาสสร้างความชอบธรรมให้กับบุคคลหรือคณะบุคคลที่มีอำนาจในการที่จะยึดเอาอำนาจของประชาชนที่จะตัดสินใจในเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงในชีวิตและอนาคตของประเทศชาติอย่างที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้’นายองอาจกล่าว
โฆษกปชป. กล่าวว่า พรรคให้ความสำคัญกับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษภายในประเทศ และพร้อมที่จะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางความเจริญในภูมิภาคหรืออนุภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการพัฒนาให้เชื่อมโยงรอบทิศทางเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และเพิ่มการพัฒนาศักยภาพของพื้นที่ รวมทั้งอาจจะเป็นการเสริมสร้างความเจริญที่ยั่งยืนภายใต้แนวคิดถึงความมั่นคงของมนุษย์และอธิปไตยของประเทศ ซึ่งพรรคไม่เห็นด้วยกับแนวคิด วิธีการและเนื้อหาโดยรวมของร่างพระราชบัญญัติที่รัฐบาลกำลังนำเสนออยู่ในขณะนี้ ที่อาจจะเรียกได้ว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายฮุบชาติเพื่อขายชาติ เป็นกฎหมายที่คิดแบบเผด็จการ หรืออาจจะนำประเทศชาติไปสู่ความเสียหายได้ในอนาคต
ทั้งนี้นายองอาจ ได้เปิดเผยว่า กองบัญชาการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ จะนัดหมายกับผู้สื่อข่าวในช่วงเวลา 14.00น.ของทุกวัน เพื่อชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพรรคแบบวันต่อวันโดยจะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเพราะ พรรคเชื่อว่าการเคลื่อนไหวของรัฐบาลในขณะนี้มีความพยายามที่จะเอารัดเอาเปรียบในทุกวิถีทางและพยายามที่จะบิดเบือนประเด็นต่างๆ เพื่อหวังผลทางการเลือกตั้ง จึงจำเป็นจะต้องชี้แจงต่อพี่น้องประชาชนในหลายๆเรื่องเพื่อให้ได้รับทราบข้อเท็จจริง ทั้งนี้จะเห็นได้ชัดจากการถ่ายทอดสดคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่ารัฐบาลพยายามใช้เหตุการณ์คลื่นยักษ์‘สึนามิ’เอาความดีใส่ตัวเอาความชั่วใส่คนอื่น พยายามทำให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ร้ายในสายตาประชาชน และสร้างภาพว่าตัวเองเป็นพระเอกของเรื่องนี้ ซึ่งรัฐบาลไม่ควรใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นมาดำเนินการในลักษณะดังกล่าว ‘พรรคประชาธิปัตย์ระวังในเรื่องนี้มาตลอด เราไม่เคยพูดจาเอาประโยชน์ใส่ตัวเองหรือกล่าวร้ายโจมตีรัฐบาล มีแต่ให้ความร่วมมือในการไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไป ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือในระดับชาติ หรือความร่วมมือในพื้นที่ และการลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนพรรคพบปัญหาค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่เคยเอามาเป็นประเด็นที่จะกล่าวโจมตีรัฐบาล’นายองอาจกล่าว และกล่าวว่า ถ้ารัฐบาลมีความสำนึกว่าทำงานแก้ไขปัญหาเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง ควรยุติการกระทำเพื่อแสวงหาความนิยมทางการเมือง เพื่อเพิ่มคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-
เพราะฉะนั้นสาระสำคัญที่คนไทยควรตระหนักก็คือ ความคิดที่จะให้มีการผ่อนผันกฎหมายสำหรับเปิดทางให้ต่างชาติมาเช่าซื้อและมีกรรมสิทธิ์ในเขตที่ดินได้ เช่าพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจได้ถึง 99 ปี และก็มีการผ่อนผันการใช้แรงงานต่างด้าว การผ่อนผันกฎหมายสิ่งแวดล้อม ผ่อนผันกฎหมายบีโอไอ รวมถึงการที่จะยกเว้นอำนาจองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งอาจจะรวมไปถึงภาษี มีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีสรรพสามิต รวมทั้งให้อำนาจชาวต่างชาติที่จะมีสิทธิ์แลกเปลี่ยนซื้อขายที่ดินได้ พรรคประชาธิปัตย์มีความแนวความคิดในเรื่องดังกล่าวอยู่ 3 ข้อ คือ
1.การเตรียมที่จะเสนอกฎหมายฉบับใหม่ที่มีเนื้อหาสำคัญเกี่ยวข้องกับอธิปไตย และผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ควรที่จะทำในช่วงเวลาเปลี่ยนถ่ายอำนาจการบริหารในขณะนี้
2.เนื้อหาของพระราชบัญญัติฉบับนี้มีหลายส่วนที่ขัดต่ออำนาจกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน เช่น กฎหมายการเว้นคืนที่ดิน ซึ่งรัฐบาลได้พยายามดำเนินการในเรื่องเมืองใหม่นครนายกฯ แต่ติดขัดในข้อกฎหมายดังกล่าว หรือกฎหมายถือครองการให้สิทธิ์ต่างชาติซื้อและเช่าที่ดิน ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบถึงผลกระทบต่อความมั่นคงของสังคม และประเทศชาติ ดังนั้นกฎหมายในลักษณะนี้ควรทำประชาพิจารณ์ เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์โดยตรงของคนไทย
3.แนวคิดในการจัดทำกฎหมาย เป็นแนวคิดที่เผด็จการเบ็ดเสร็จโดยไม่เคารพกระบวนการประชาธิปไตย แต่การออกกฎหมายฉบับใหม่เพื่อให้อำนาจไปรวมศูนย์ที่ท่านนายกฯ ผ่านผู้ว่าการเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทำให้นายกฯและคณะบุคคลที่จะถูกจัดตั้งขึ้นมีอำนาจเบ็ดเสร็จสามารถทำอะไรก็ได้ไม่จำกัดอาณาเขตผืนแผ่นดินไทย หรือกล่าวได้ว่ากฎหมายฉบับนี้ถ้าออกมาจะเป็นกฏหมายที่ให้อำนาจนายกฯเพียงคนเดียว ซึ่งสามารถสร้างประโยชน์ให้กับกลุ่มใดก็ได้‘พรรคประชาธิปัตย์อยากเตือนไปยังรัฐบาลว่าไม่ควรฉวยโอกาสสร้างความชอบธรรมให้กับบุคคลหรือคณะบุคคลที่มีอำนาจในการที่จะยึดเอาอำนาจของประชาชนที่จะตัดสินใจในเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงในชีวิตและอนาคตของประเทศชาติอย่างที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้’นายองอาจกล่าว
โฆษกปชป. กล่าวว่า พรรคให้ความสำคัญกับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษภายในประเทศ และพร้อมที่จะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางความเจริญในภูมิภาคหรืออนุภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการพัฒนาให้เชื่อมโยงรอบทิศทางเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และเพิ่มการพัฒนาศักยภาพของพื้นที่ รวมทั้งอาจจะเป็นการเสริมสร้างความเจริญที่ยั่งยืนภายใต้แนวคิดถึงความมั่นคงของมนุษย์และอธิปไตยของประเทศ ซึ่งพรรคไม่เห็นด้วยกับแนวคิด วิธีการและเนื้อหาโดยรวมของร่างพระราชบัญญัติที่รัฐบาลกำลังนำเสนออยู่ในขณะนี้ ที่อาจจะเรียกได้ว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายฮุบชาติเพื่อขายชาติ เป็นกฎหมายที่คิดแบบเผด็จการ หรืออาจจะนำประเทศชาติไปสู่ความเสียหายได้ในอนาคต
ทั้งนี้นายองอาจ ได้เปิดเผยว่า กองบัญชาการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ จะนัดหมายกับผู้สื่อข่าวในช่วงเวลา 14.00น.ของทุกวัน เพื่อชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพรรคแบบวันต่อวันโดยจะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเพราะ พรรคเชื่อว่าการเคลื่อนไหวของรัฐบาลในขณะนี้มีความพยายามที่จะเอารัดเอาเปรียบในทุกวิถีทางและพยายามที่จะบิดเบือนประเด็นต่างๆ เพื่อหวังผลทางการเลือกตั้ง จึงจำเป็นจะต้องชี้แจงต่อพี่น้องประชาชนในหลายๆเรื่องเพื่อให้ได้รับทราบข้อเท็จจริง ทั้งนี้จะเห็นได้ชัดจากการถ่ายทอดสดคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่ารัฐบาลพยายามใช้เหตุการณ์คลื่นยักษ์‘สึนามิ’เอาความดีใส่ตัวเอาความชั่วใส่คนอื่น พยายามทำให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ร้ายในสายตาประชาชน และสร้างภาพว่าตัวเองเป็นพระเอกของเรื่องนี้ ซึ่งรัฐบาลไม่ควรใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นมาดำเนินการในลักษณะดังกล่าว ‘พรรคประชาธิปัตย์ระวังในเรื่องนี้มาตลอด เราไม่เคยพูดจาเอาประโยชน์ใส่ตัวเองหรือกล่าวร้ายโจมตีรัฐบาล มีแต่ให้ความร่วมมือในการไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไป ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือในระดับชาติ หรือความร่วมมือในพื้นที่ และการลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนพรรคพบปัญหาค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่เคยเอามาเป็นประเด็นที่จะกล่าวโจมตีรัฐบาล’นายองอาจกล่าว และกล่าวว่า ถ้ารัฐบาลมีความสำนึกว่าทำงานแก้ไขปัญหาเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง ควรยุติการกระทำเพื่อแสวงหาความนิยมทางการเมือง เพื่อเพิ่มคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-