ไทยเตรียมแสดงบทบาทสำคัญในเวทีความร่วมมืออนุภูมิภาคอีกครั้งหนึ่ง ในฐานะเจ้าภาพ จัดการประชุมระดับผู้นำของ ACMECS ครั้งที่ 2 ที่กรุงเทพฯ 1-3 พฤศจิกายน ศกนี้
หลังจากที่นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ริเริ่มให้มีการจัดตั้งกรอบความร่วมมือยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง หรือ Ayeyawady - Chao Phraya — Mekong Economic Cooperation Strategy (ACMECS) เมื่อกลางปี 2546 ในเดือนพฤศจิกายนปี เดียวกันนั้นก็ได้มีการจัดการประชุมผู้นำ ACMECS ครั้งแรกที่เมืองพุกาม สหภาพพม่าโดยเปลี่ยนชื่อ จาก Economic Cooperation Strategy หรือ ECS มาเป็น ACMECS ตามข้อเสนอของเจ้าภาพ การประชุม
หลังจากนั้นไม่นาน เวียดนามก็ได้เข้าเป็นสมาชิกเมื่อเดือนพฤศภาคมปี 2547 ทำให้ ACMECS เป็นเวทีที่มีทุกประเทศในภาคแผ่นดินใหญ่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นสมาชิก
โดยที่ไทยมองเห็นความสำคัญของการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและความร่วมมือกับประเทศ เพื่อนบ้านอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ภูมิภาคพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน จึงได้ประกาศให้ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในสาขาที่เห็นพ้องกันว่ามีความสำคัญที่สุด 5 สาขา ได้แก่ 1) การอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน 2) ความร่วมมือด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม 3) เส้นทางคมนาคม 4) การท่องเที่ยว และ 5) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
นอกจากนั้นแล้ว ในการประชุมรัฐมนตรี ACMECS ที่นครเสียมราฐเมื่อเดือนสิงหาคม 2548 ก็ได้ มีการเห็นพ้องกับข้อเสนอของไทยให้จัดตั้งความร่วมมือด้านสาธารณสุขเป็นสาขาที่ 6 เพื่อเตรียมรับมือกับ ภัยคุกคามทางด้านสาธารณสุขต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและการเจริญเติบโตในภูมิภาคได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไข้หวัดนก
การประชุมผู้นำครั้งที่สองนี้จะเป็นโอกาสที่ผู้นำจะทบทวนความคืบหน้าของโครงการต่างๆ นับตั้งแต่การประชุมครั้งแรกที่พุกาม ประเมินสถานะของข้อเสนอใหม่ๆ ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากพุกาม และพิจารณาแนวทางและกลไกสำหรับความร่วมมือต่อไปในอนาคต
ที่ผ่านมา โครงการความร่วมมือเป็นไปในหลายรูปแบบ อาทิ การยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าเกษตร 10 รายการภายใต้โครงการ contract farming การจัดตั้งสภาธุรกิจ ACMECS ในแต่ละประเทศสมาชิก การเชิญผู้ประกอบการส่งออกจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่ประเทศไทย การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม การสนับสนุนโครงการท่องเที่ยวตามแนวความคิด Four Countries One Destination (ซึ่งเมื่อมีเวียดนามเข้าร่วมแล้วก็เป็น Five Countries One Destination) การให้ทุนการศึกษานอกเหนือจากที่ให้ในกรอบทวิภาคี และรวมทั้งเงินทุนทั้งแบบให้เปล่าและเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนแก่ประเทศเพื่อนบ้าน
เป้าหมายของความพยายามในส่วนของไทยที่จะช่วยยกระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามแนวชายแดน คือการสร้างงานและรายได้ในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้เกิดความสันติสุขในหมู่ประชาชน เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเสี่ยงโชคมาเป็นแรงงานผิดกฎหมายในประเทศไทย ช่วยลดปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคมบริเวณชายแดน
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือโครงการ contract farming การที่บริษัทเกษตรอุตสาหกรรมของไทยมีพื้นที่เพาะปลูกในประเทศเพื่อนบ้านยังช่วยในการเพิ่มผลผลิตสินค้าเกษตรที่จำเป็นต้องใช้ในอุตสาหกรรมเกษตรแต่ไทยไม่สามารถผลิตเพียงพอความต้องการได้ หรือไม่ก็มีความสามารถในการแข่งขันน้อยกว่า สมควรที่จะหันไปดำเนินกิจกรรมที่มีความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบมากกว่า เพื่อก้าวขึ้นสู่อีกระดับหนึ่งของลูกโซ่มูลค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเพิ่มมูลค่าหรือสร้างคุณค่า (value creation) ซึ่งเป็นแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกในอนาคตอันใกล้
การที่ไทยช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านเป็นประโยชน์โดยตรงของไทย เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านใกล้ตัวเรามากที่สุด ไม่ว่าจะทุกข์จะสุขก็หลีกเลี่ยงกันไม่ได้ เมื่อเพื่อนบ้านเราอยู่ดีกินดี ก็เป็นตลาดรองรับสินค้าของไทยได้ การกระทบกระทั่งลดน้อยลง ภูมิภาคมีมีเสถียรภาพมากขึ้น
บทบาทใหม่ของไทยนี้ทำให้ประชาคมโลกมองไทยด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป จากการที่ไทยเคยเป็น “ผู้ขอ” แต่เดิม บัดนี้กลับกลายมาเป็น “ผู้ให้” ซึ่งให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านสูงติดอันดับต้นๆ ของโลกเมื่อเทียบเป็นสัดส่วนรายได้ประชาชาติ นอกจากนั้นไทยยังพร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนกับประเทศที่สามในการให้ความร่วมมือในการช่วยพัฒนาประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ในภูมิภาคอีกด้วย ดังที่เห็นจากการที่มี “หุ้นส่วนในการพัฒนา” เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสของ ACMECS เพื่อประสานการให้ความร่วมมือกับประเทศเหล่านั้น
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้เคยเป็นดินแดนแห่งความขัดแย้งมาช้านาน การที่ไทยริเริ่ม ACMECS เป็นเครื่องช่วยพิสูจน์ว่าไทยมีความจริงใจและจริงจังที่จะช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสร้างความสมานฉันท์ร่วมกัน ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน และความอยู่ดีกินดีร่วมกัน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของทุกประเทศที่เป็นสมาชิก
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-สส-
หลังจากที่นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ริเริ่มให้มีการจัดตั้งกรอบความร่วมมือยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง หรือ Ayeyawady - Chao Phraya — Mekong Economic Cooperation Strategy (ACMECS) เมื่อกลางปี 2546 ในเดือนพฤศจิกายนปี เดียวกันนั้นก็ได้มีการจัดการประชุมผู้นำ ACMECS ครั้งแรกที่เมืองพุกาม สหภาพพม่าโดยเปลี่ยนชื่อ จาก Economic Cooperation Strategy หรือ ECS มาเป็น ACMECS ตามข้อเสนอของเจ้าภาพ การประชุม
หลังจากนั้นไม่นาน เวียดนามก็ได้เข้าเป็นสมาชิกเมื่อเดือนพฤศภาคมปี 2547 ทำให้ ACMECS เป็นเวทีที่มีทุกประเทศในภาคแผ่นดินใหญ่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นสมาชิก
โดยที่ไทยมองเห็นความสำคัญของการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและความร่วมมือกับประเทศ เพื่อนบ้านอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ภูมิภาคพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน จึงได้ประกาศให้ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในสาขาที่เห็นพ้องกันว่ามีความสำคัญที่สุด 5 สาขา ได้แก่ 1) การอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน 2) ความร่วมมือด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม 3) เส้นทางคมนาคม 4) การท่องเที่ยว และ 5) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
นอกจากนั้นแล้ว ในการประชุมรัฐมนตรี ACMECS ที่นครเสียมราฐเมื่อเดือนสิงหาคม 2548 ก็ได้ มีการเห็นพ้องกับข้อเสนอของไทยให้จัดตั้งความร่วมมือด้านสาธารณสุขเป็นสาขาที่ 6 เพื่อเตรียมรับมือกับ ภัยคุกคามทางด้านสาธารณสุขต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและการเจริญเติบโตในภูมิภาคได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไข้หวัดนก
การประชุมผู้นำครั้งที่สองนี้จะเป็นโอกาสที่ผู้นำจะทบทวนความคืบหน้าของโครงการต่างๆ นับตั้งแต่การประชุมครั้งแรกที่พุกาม ประเมินสถานะของข้อเสนอใหม่ๆ ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากพุกาม และพิจารณาแนวทางและกลไกสำหรับความร่วมมือต่อไปในอนาคต
ที่ผ่านมา โครงการความร่วมมือเป็นไปในหลายรูปแบบ อาทิ การยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าเกษตร 10 รายการภายใต้โครงการ contract farming การจัดตั้งสภาธุรกิจ ACMECS ในแต่ละประเทศสมาชิก การเชิญผู้ประกอบการส่งออกจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่ประเทศไทย การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม การสนับสนุนโครงการท่องเที่ยวตามแนวความคิด Four Countries One Destination (ซึ่งเมื่อมีเวียดนามเข้าร่วมแล้วก็เป็น Five Countries One Destination) การให้ทุนการศึกษานอกเหนือจากที่ให้ในกรอบทวิภาคี และรวมทั้งเงินทุนทั้งแบบให้เปล่าและเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนแก่ประเทศเพื่อนบ้าน
เป้าหมายของความพยายามในส่วนของไทยที่จะช่วยยกระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามแนวชายแดน คือการสร้างงานและรายได้ในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้เกิดความสันติสุขในหมู่ประชาชน เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเสี่ยงโชคมาเป็นแรงงานผิดกฎหมายในประเทศไทย ช่วยลดปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคมบริเวณชายแดน
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือโครงการ contract farming การที่บริษัทเกษตรอุตสาหกรรมของไทยมีพื้นที่เพาะปลูกในประเทศเพื่อนบ้านยังช่วยในการเพิ่มผลผลิตสินค้าเกษตรที่จำเป็นต้องใช้ในอุตสาหกรรมเกษตรแต่ไทยไม่สามารถผลิตเพียงพอความต้องการได้ หรือไม่ก็มีความสามารถในการแข่งขันน้อยกว่า สมควรที่จะหันไปดำเนินกิจกรรมที่มีความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบมากกว่า เพื่อก้าวขึ้นสู่อีกระดับหนึ่งของลูกโซ่มูลค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเพิ่มมูลค่าหรือสร้างคุณค่า (value creation) ซึ่งเป็นแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกในอนาคตอันใกล้
การที่ไทยช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านเป็นประโยชน์โดยตรงของไทย เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านใกล้ตัวเรามากที่สุด ไม่ว่าจะทุกข์จะสุขก็หลีกเลี่ยงกันไม่ได้ เมื่อเพื่อนบ้านเราอยู่ดีกินดี ก็เป็นตลาดรองรับสินค้าของไทยได้ การกระทบกระทั่งลดน้อยลง ภูมิภาคมีมีเสถียรภาพมากขึ้น
บทบาทใหม่ของไทยนี้ทำให้ประชาคมโลกมองไทยด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป จากการที่ไทยเคยเป็น “ผู้ขอ” แต่เดิม บัดนี้กลับกลายมาเป็น “ผู้ให้” ซึ่งให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านสูงติดอันดับต้นๆ ของโลกเมื่อเทียบเป็นสัดส่วนรายได้ประชาชาติ นอกจากนั้นไทยยังพร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนกับประเทศที่สามในการให้ความร่วมมือในการช่วยพัฒนาประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ในภูมิภาคอีกด้วย ดังที่เห็นจากการที่มี “หุ้นส่วนในการพัฒนา” เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสของ ACMECS เพื่อประสานการให้ความร่วมมือกับประเทศเหล่านั้น
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้เคยเป็นดินแดนแห่งความขัดแย้งมาช้านาน การที่ไทยริเริ่ม ACMECS เป็นเครื่องช่วยพิสูจน์ว่าไทยมีความจริงใจและจริงจังที่จะช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสร้างความสมานฉันท์ร่วมกัน ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน และความอยู่ดีกินดีร่วมกัน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของทุกประเทศที่เป็นสมาชิก
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-สส-