แท็ก
ธปท.
ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. คาดว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะขยายตัวอย่างน้อยร้อยละ 5 ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่า
การ ธปท. กล่าวในการสัมมนาเรื่องทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 49 ว่า ในไตรมาส 4 ปีนี้เศรษฐกิจไทยน่าจะมีการ
ขยายตัวเกินกว่าร้อยละ 5 ส่วนในปี 49 คาดว่าจะขยายตัวอย่างน้อยร้อยละ 5 เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เคยส่งผล
ลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน ภัยแล้ง หรือการส่งออกปรับตัวดีขึ้น ดังนั้น หากปัจจัยทาง
ด้านการเมืองซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถคาดเดาได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดี ก็น่าจะส่งผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
แม้ว่าไทยจะยังคงขาดดุลไปอีกประมาณ 2-3 ปี โดยปีนี้อยู่ที่ 3.5-4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตาม
เศรษฐกิจไทยยังมีจุดอ่อนอยู่อีก 2 เรื่อง คือ อัตราเงินเฟ้อ และการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด โดยในส่วนของเงินเฟ้อ
นั้น ตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงช่วงครึ่งปี 49 จะอยู่ที่ร้อยละ 6 และกลางปี 49 จะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3 ขณะนี้จึง
จำเป็นที่จะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะไล่ทันอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งในปีหน้ามั่นใจว่าจะสามารถไล่ทันแน่ แต่ยังบอกไม่
ได้ว่าเมื่อใด ซึ่งจะทำให้ผู้ฝากเงินได้รับอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่มากกว่าอัตราเงินเฟ้อเพื่อจูงใจให้มีการออมมาก
ขึ้น (โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน)
2. มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคขอให้ ธปท. ยกเลิกให้นอนแบงก์เรียกเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 28 ต่อปี มูลธินิ
เพื่อผู้บริโภคได้เดินทางยื่นหนังสือที่ ธปท. ขอให้ ธปท. ยกเลิกประกาศการเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมสินเชื่อ
บุคคลของสถาบันการเงินที่มิใช่ธนาคาร (นอนแบงก์) ที่สูงถึงร้อยละ 28 ต่อปี โดยกล่าวว่า จากประกาศของ
ธปท. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับสำหรับ
นอนแบงก์ ซึ่งกำหนดดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ร้อยละ 28 ต่อปี ทางมูลนิธิฯ มองว่ายังเป็นอัตราที่สูง
กว่าที่กฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดให้เรียกเก็บได้ไม่เกินร้อยละ 15 ซึ่ง ธปท. ชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่าง
หารือกับ ก.คลัง และสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขปัญหา ด้าน นางจิตติมา ดุริยะประพันธ์ ผอ.อาวุโส ฝ่ายสนับ
สนุนการบริหาร ธปท. เปิดเผยว่า หลังจากรับหนังสือร้องเรียนแล้วจะได้นำเสนอแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหารือ
กับ ก.คลังต่อไป โดยก่อนหน้านี้ทางมูลนิธิฯ ได้ไปยื่นเรื่องที่ ก.คลัง และสำนักนายกรัฐมนตรีมาแล้ว แต่ยังไม่เคย
มายื่นหนังสือถึง ธปท. โดยตรง (ไทยรัฐ)
3. เศรษฐกิจไทยในปี 49 ยังมีปัจจัยเสี่ยงสูง นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ
และธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 49 ยังมีปัจจัยเสี่ยงสูง ทั้งจากราคาน้ำมันดิบในตลาด
โลก อัตราดอกเบี้ย ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและผู้บริโภคยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ และปัญหาเสถียรภาพทาง
การเมือง ส่วนการส่งออกจะมีมูลค่า 1.2 แสนล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.3 เมื่อเทียบกับปี 48 ที่คาด
ว่าการส่งออกจะขยายตัวร้อยละ 16 มูลค่า 1.1 แสนล้านดอลลาร์ สรอ. ขณะที่ดุลการค้าจะขาดดุล 1.1 หมื่น
ล้านดอลลาร์ สรอ. สูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับปี 48 ที่คาดว่าจะขาดดุล 7.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดจะขาดดุล 5.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับปี 48 ที่คาดว่าจะขาดดุล 3.4 พันล้าน
ดอลลาร์ สรอ. สำหรับเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4 ลดลงจากปี 48 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.5 ส่วน
ราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 56 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล ซึ่งจะส่งผลให้จีดีพีในปี 49 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ
4.8 เมื่อเทียบกับปี 48 ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.6 จากปัจจัยบวกในเรื่องของการส่งออกและการลงทุนของ
ภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจ็กต์ในช่วง ปี 48-52 (ข่าวสด, บ้านเมือง)
4. ธปท. สำรองเงิน 2.5 แสนล้านบาท รองรับการเบิกจ่ายช่วงเทศกาลปีใหม่ ฝ่ายจัดการ
ธนบัตร ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. ได้เตรียมธนบัตรสำรองเพื่อรองรับการเบิกจ่ายธนบัตรในช่วงเทศกาลปีใหม่
ประมาณ 2.5 แสนล้านบาท จากที่คาดการณ์ว่าจะมีการใช้จ่ายธนบัตรในช่วงเดือน ธ.ค.48 ไปจนถึงกลางเดือน
ม.ค.49 ประมาณ 1.25 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณร้อยละ 4.4 สำหรับธนบัตรที่มีการเบิกจ่ายในช่วง
เทศกาลปีใหม่ในปีที่ผ่านมา ในเดือน ธ.ค.47 มีการเบิกจ่ายเป็นมูลค่าถึง 153,809 ล้านบาท และในเดือน ม.
ค.48 มีการเบิกจ่าย 92,326 ล้านบาท ทั้งนี้ โดยปกติ ธปท. จะมีการสำรองธนบัตรไว้ในช่วงที่ประชาชนมีการ
ใช้จ่ายจำนวนมากอย่างในช่วงเทศกาลปีใหม่และเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี (กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน พ.ย.48 ลดลงสูงสุดในรอบ 56 ปีที่ร้อยละ 0.6 เทียบต่อ
เดือน รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 15 ธ.ค.48 รัฐบาล สรอ. เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน
พ.ย.48 ลดลงสูงสุดในรอบ 56 ปี อยู่ที่ร้อยละ 0.6 เทียบต่อเดือน สวนทางกับที่ที่นักวิเคราะห์จากวอลล์สตรี
ทคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 และยังเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.2492 ทั้งนี้
หากไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานแล้ว (ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน) ในเดือน พ.ย.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2
เทียบต่อเดือน สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และหากเทียบต่อปี ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน พ.ย.48
ทะยานไปอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.5 ชะลอตัวจากเดือน ต.ค.48 ที่อยู่ที่ระดับร้อยละ 4.3 แต่ยังคงอยู่เหนือกว่าอัตรา
รายได้เฉลี่ยต่อสัปดาห์เมื่อเทียบต่อปี ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเมื่อเทียบต่อปียังคงอยู่ใน
ภาวะชะลอตัวที่ร้อยละ 2.1 ในเดือน พ.ย.48 ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน พ.ย.48 ลดลง
เนื่องจากราคาพลังงานลดลงจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนกลับมาเบาลงแล้ว โดยราคาแก๊สโซลีนลดลงร้อยละ
16.0 นับเป็นการลดลงสูงสุดตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลเมื่อปี 2510 ขณะที่ราคาน้ำมันอื่น ๆ ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 6.1
และราคาแก๊สธรรมชาติลดลงอยู่ที่ร้อยละ 0.5 ขณะที่ต้นทุนราคาไฟฟ้าเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 3.8 ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น
สูงสุดตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลเมื่อปี 2495 เป็นต้นมา อนึ่ง ต้นทุนราคาสินค้าประเภทอื่น ๆ ในเดือน พ.ย.48 ก็เพิ่ม
ขึ้นเช่นเดียวกัน อาทิเช่น ราคาอาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ต้นทุนบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 และราคายารักษาโรค
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ราคาบ้านเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เทียบต่อเดือน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 เมื่อเทียบต่อปี (รอยเตอร์)
2. ยอดขายปลีกของอังกฤษในเดือน พ.ย.48 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน รายงานจากลอนดอน
เมื่อ 15 ธ.ค.48 The Office for National Statistics เปิดเผยว่า ยอดขายปลีกของอังกฤษในเดือน
พ.ย.48 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือนร้อยละ 0.7 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ในเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้อัตรา
ต่อปีอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.1 ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของยอดขายปลีกในเดือนดังกล่าวบ่งชี้การฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้
บริโภค โดยเฉพาะสะท้อนภาพการใช้จ่ายที่น่าจะสดใสในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้ อนึ่ง ธ.กลางอังกฤษได้ประกาศ
คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับร้อยละ 4.5 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และจะยังไม่มีการเปลี่ยน
แปลงจนกว่าตัวเลขการใช้จ่ายและรายได้ของผู้บริโภคจะแข็งแกร่งเพียงพอ ซึ่งบรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างคาด
หมายว่าจากปัจจัยต่างๆ อาทิเช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจ และอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้ ธ.
กลางอังกฤษปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในปีหน้า (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางมาเลเซียคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 3.0 ต่อไปอีก รายงานจากกัวลาลัม
เปอร์ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 48 ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธ.กลางมาเลเซียเมื่อวานนี้ ซึ่ง
เป็นการประชุมครั้งสุดท้ายสำหรับปีนี้ ที่ประชุมมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนไว้ที่ร้อยละ 3.0 ต่อไป อีก ทั้งนี้
เมื่อเดือนที่แล้ว ธ.กลางมาเลเซียได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวร้อยละ 0.30 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
อย่างไรก็ตามตลาดเงินคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกในราวต้นปีหน้า เนื่องจากทางการ
มาเลเซียพยายามที่จะควบคุมภาวะเงินเฟ้อ และการไหลออกของเงินลงทุน (รอยเตอร์)
4. อัตราการว่างงานของสิงคโปร์ในไตรมาสที่ 3 ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 3.3 รายงานจากสิงคโปร์
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 48 รัฐบาลสิงคโปร์เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 3 สิงคโปร์มีงานใหม่ 28,500 ตำแหน่ง หรือ
เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 2 เท่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานในภาคบริการและการก่อสร้าง แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส
ก่อนกลับลดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีการจ้างงานใหม่ 78,000 ตำแหน่ง ซึ่งมากกว่า
ตำแหน่งงานใหม่ของปีที่แล้วทั้งปี ทั้งนี้รัฐบาลสิงคโปร์คาดว่าตำแหน่งงานใหม่ของทั้งปีนี้จะเท่ากับหรือเกินกว่า
108,500 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวอย่างมากในปี 43 เมื่ออัตราการจ้างงานอยู่ที่ร้อยละ
2.7 นอกจากนั้นรมว. แรงงานกล่าวในรายงานตลาดแรงงานไตรมาสที่ 3 ว่า การขยายตัวของการจ้างงานใน
ระยะเวลาที่เหลือของปีนี้น่าจะมีเสถียรภาพเนื่องจากมีแรงสนับสนุนจากเทศกาลในช่วงปลายปี (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16 ธ.ค. 48 15 ธ.ค.48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.941 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.7610/41.0506 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.06719 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 690.49/ 14.50 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 9,650/9,750 9,800/9,900 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 54.4 55.1 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.64*/23.09** 25.64*/23.09** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 15 ธ.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท. คาดว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะขยายตัวอย่างน้อยร้อยละ 5 ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่า
การ ธปท. กล่าวในการสัมมนาเรื่องทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 49 ว่า ในไตรมาส 4 ปีนี้เศรษฐกิจไทยน่าจะมีการ
ขยายตัวเกินกว่าร้อยละ 5 ส่วนในปี 49 คาดว่าจะขยายตัวอย่างน้อยร้อยละ 5 เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เคยส่งผล
ลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน ภัยแล้ง หรือการส่งออกปรับตัวดีขึ้น ดังนั้น หากปัจจัยทาง
ด้านการเมืองซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถคาดเดาได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดี ก็น่าจะส่งผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
แม้ว่าไทยจะยังคงขาดดุลไปอีกประมาณ 2-3 ปี โดยปีนี้อยู่ที่ 3.5-4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตาม
เศรษฐกิจไทยยังมีจุดอ่อนอยู่อีก 2 เรื่อง คือ อัตราเงินเฟ้อ และการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด โดยในส่วนของเงินเฟ้อ
นั้น ตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงช่วงครึ่งปี 49 จะอยู่ที่ร้อยละ 6 และกลางปี 49 จะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3 ขณะนี้จึง
จำเป็นที่จะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะไล่ทันอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งในปีหน้ามั่นใจว่าจะสามารถไล่ทันแน่ แต่ยังบอกไม่
ได้ว่าเมื่อใด ซึ่งจะทำให้ผู้ฝากเงินได้รับอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่มากกว่าอัตราเงินเฟ้อเพื่อจูงใจให้มีการออมมาก
ขึ้น (โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน)
2. มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคขอให้ ธปท. ยกเลิกให้นอนแบงก์เรียกเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 28 ต่อปี มูลธินิ
เพื่อผู้บริโภคได้เดินทางยื่นหนังสือที่ ธปท. ขอให้ ธปท. ยกเลิกประกาศการเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมสินเชื่อ
บุคคลของสถาบันการเงินที่มิใช่ธนาคาร (นอนแบงก์) ที่สูงถึงร้อยละ 28 ต่อปี โดยกล่าวว่า จากประกาศของ
ธปท. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับสำหรับ
นอนแบงก์ ซึ่งกำหนดดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ร้อยละ 28 ต่อปี ทางมูลนิธิฯ มองว่ายังเป็นอัตราที่สูง
กว่าที่กฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดให้เรียกเก็บได้ไม่เกินร้อยละ 15 ซึ่ง ธปท. ชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่าง
หารือกับ ก.คลัง และสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขปัญหา ด้าน นางจิตติมา ดุริยะประพันธ์ ผอ.อาวุโส ฝ่ายสนับ
สนุนการบริหาร ธปท. เปิดเผยว่า หลังจากรับหนังสือร้องเรียนแล้วจะได้นำเสนอแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหารือ
กับ ก.คลังต่อไป โดยก่อนหน้านี้ทางมูลนิธิฯ ได้ไปยื่นเรื่องที่ ก.คลัง และสำนักนายกรัฐมนตรีมาแล้ว แต่ยังไม่เคย
มายื่นหนังสือถึง ธปท. โดยตรง (ไทยรัฐ)
3. เศรษฐกิจไทยในปี 49 ยังมีปัจจัยเสี่ยงสูง นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ
และธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 49 ยังมีปัจจัยเสี่ยงสูง ทั้งจากราคาน้ำมันดิบในตลาด
โลก อัตราดอกเบี้ย ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและผู้บริโภคยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ และปัญหาเสถียรภาพทาง
การเมือง ส่วนการส่งออกจะมีมูลค่า 1.2 แสนล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.3 เมื่อเทียบกับปี 48 ที่คาด
ว่าการส่งออกจะขยายตัวร้อยละ 16 มูลค่า 1.1 แสนล้านดอลลาร์ สรอ. ขณะที่ดุลการค้าจะขาดดุล 1.1 หมื่น
ล้านดอลลาร์ สรอ. สูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับปี 48 ที่คาดว่าจะขาดดุล 7.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดจะขาดดุล 5.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับปี 48 ที่คาดว่าจะขาดดุล 3.4 พันล้าน
ดอลลาร์ สรอ. สำหรับเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4 ลดลงจากปี 48 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.5 ส่วน
ราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 56 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล ซึ่งจะส่งผลให้จีดีพีในปี 49 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ
4.8 เมื่อเทียบกับปี 48 ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.6 จากปัจจัยบวกในเรื่องของการส่งออกและการลงทุนของ
ภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจ็กต์ในช่วง ปี 48-52 (ข่าวสด, บ้านเมือง)
4. ธปท. สำรองเงิน 2.5 แสนล้านบาท รองรับการเบิกจ่ายช่วงเทศกาลปีใหม่ ฝ่ายจัดการ
ธนบัตร ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. ได้เตรียมธนบัตรสำรองเพื่อรองรับการเบิกจ่ายธนบัตรในช่วงเทศกาลปีใหม่
ประมาณ 2.5 แสนล้านบาท จากที่คาดการณ์ว่าจะมีการใช้จ่ายธนบัตรในช่วงเดือน ธ.ค.48 ไปจนถึงกลางเดือน
ม.ค.49 ประมาณ 1.25 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณร้อยละ 4.4 สำหรับธนบัตรที่มีการเบิกจ่ายในช่วง
เทศกาลปีใหม่ในปีที่ผ่านมา ในเดือน ธ.ค.47 มีการเบิกจ่ายเป็นมูลค่าถึง 153,809 ล้านบาท และในเดือน ม.
ค.48 มีการเบิกจ่าย 92,326 ล้านบาท ทั้งนี้ โดยปกติ ธปท. จะมีการสำรองธนบัตรไว้ในช่วงที่ประชาชนมีการ
ใช้จ่ายจำนวนมากอย่างในช่วงเทศกาลปีใหม่และเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี (กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน พ.ย.48 ลดลงสูงสุดในรอบ 56 ปีที่ร้อยละ 0.6 เทียบต่อ
เดือน รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 15 ธ.ค.48 รัฐบาล สรอ. เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน
พ.ย.48 ลดลงสูงสุดในรอบ 56 ปี อยู่ที่ร้อยละ 0.6 เทียบต่อเดือน สวนทางกับที่ที่นักวิเคราะห์จากวอลล์สตรี
ทคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 และยังเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.2492 ทั้งนี้
หากไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานแล้ว (ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน) ในเดือน พ.ย.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2
เทียบต่อเดือน สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และหากเทียบต่อปี ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน พ.ย.48
ทะยานไปอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.5 ชะลอตัวจากเดือน ต.ค.48 ที่อยู่ที่ระดับร้อยละ 4.3 แต่ยังคงอยู่เหนือกว่าอัตรา
รายได้เฉลี่ยต่อสัปดาห์เมื่อเทียบต่อปี ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเมื่อเทียบต่อปียังคงอยู่ใน
ภาวะชะลอตัวที่ร้อยละ 2.1 ในเดือน พ.ย.48 ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน พ.ย.48 ลดลง
เนื่องจากราคาพลังงานลดลงจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนกลับมาเบาลงแล้ว โดยราคาแก๊สโซลีนลดลงร้อยละ
16.0 นับเป็นการลดลงสูงสุดตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลเมื่อปี 2510 ขณะที่ราคาน้ำมันอื่น ๆ ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 6.1
และราคาแก๊สธรรมชาติลดลงอยู่ที่ร้อยละ 0.5 ขณะที่ต้นทุนราคาไฟฟ้าเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 3.8 ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น
สูงสุดตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลเมื่อปี 2495 เป็นต้นมา อนึ่ง ต้นทุนราคาสินค้าประเภทอื่น ๆ ในเดือน พ.ย.48 ก็เพิ่ม
ขึ้นเช่นเดียวกัน อาทิเช่น ราคาอาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ต้นทุนบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 และราคายารักษาโรค
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ราคาบ้านเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เทียบต่อเดือน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 เมื่อเทียบต่อปี (รอยเตอร์)
2. ยอดขายปลีกของอังกฤษในเดือน พ.ย.48 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน รายงานจากลอนดอน
เมื่อ 15 ธ.ค.48 The Office for National Statistics เปิดเผยว่า ยอดขายปลีกของอังกฤษในเดือน
พ.ย.48 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือนร้อยละ 0.7 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ในเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้อัตรา
ต่อปีอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.1 ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของยอดขายปลีกในเดือนดังกล่าวบ่งชี้การฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้
บริโภค โดยเฉพาะสะท้อนภาพการใช้จ่ายที่น่าจะสดใสในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้ อนึ่ง ธ.กลางอังกฤษได้ประกาศ
คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับร้อยละ 4.5 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และจะยังไม่มีการเปลี่ยน
แปลงจนกว่าตัวเลขการใช้จ่ายและรายได้ของผู้บริโภคจะแข็งแกร่งเพียงพอ ซึ่งบรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างคาด
หมายว่าจากปัจจัยต่างๆ อาทิเช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจ และอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้ ธ.
กลางอังกฤษปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในปีหน้า (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางมาเลเซียคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 3.0 ต่อไปอีก รายงานจากกัวลาลัม
เปอร์ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 48 ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธ.กลางมาเลเซียเมื่อวานนี้ ซึ่ง
เป็นการประชุมครั้งสุดท้ายสำหรับปีนี้ ที่ประชุมมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนไว้ที่ร้อยละ 3.0 ต่อไป อีก ทั้งนี้
เมื่อเดือนที่แล้ว ธ.กลางมาเลเซียได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวร้อยละ 0.30 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
อย่างไรก็ตามตลาดเงินคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกในราวต้นปีหน้า เนื่องจากทางการ
มาเลเซียพยายามที่จะควบคุมภาวะเงินเฟ้อ และการไหลออกของเงินลงทุน (รอยเตอร์)
4. อัตราการว่างงานของสิงคโปร์ในไตรมาสที่ 3 ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 3.3 รายงานจากสิงคโปร์
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 48 รัฐบาลสิงคโปร์เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 3 สิงคโปร์มีงานใหม่ 28,500 ตำแหน่ง หรือ
เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 2 เท่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานในภาคบริการและการก่อสร้าง แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส
ก่อนกลับลดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีการจ้างงานใหม่ 78,000 ตำแหน่ง ซึ่งมากกว่า
ตำแหน่งงานใหม่ของปีที่แล้วทั้งปี ทั้งนี้รัฐบาลสิงคโปร์คาดว่าตำแหน่งงานใหม่ของทั้งปีนี้จะเท่ากับหรือเกินกว่า
108,500 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวอย่างมากในปี 43 เมื่ออัตราการจ้างงานอยู่ที่ร้อยละ
2.7 นอกจากนั้นรมว. แรงงานกล่าวในรายงานตลาดแรงงานไตรมาสที่ 3 ว่า การขยายตัวของการจ้างงานใน
ระยะเวลาที่เหลือของปีนี้น่าจะมีเสถียรภาพเนื่องจากมีแรงสนับสนุนจากเทศกาลในช่วงปลายปี (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16 ธ.ค. 48 15 ธ.ค.48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.941 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.7610/41.0506 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.06719 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 690.49/ 14.50 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 9,650/9,750 9,800/9,900 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 54.4 55.1 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.64*/23.09** 25.64*/23.09** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 15 ธ.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--