Bangkok--Mar 26--MFA
เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2548 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างที่ติดตาม พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเยือนราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน พร้อมด้วยนายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระหว่างวันที่ 25-26 เมษายน 2548 สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. การเยือนจอร์แดนของนายกรัฐมนตรีไทยครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยนายกรัฐมนตรีและคณะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดี Abdullah bin Al-Hussein แห่งจอร์แดนและได้พบหารือข้อราชการกับ Dr. Adnan Badran นายกรัฐมนตรีจอร์แดนด้วย โดยได้มีการหารือกันในหลายประเด็น ทั้งเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจ บทบาทของจอร์แดนในการต่อต้านการก่อการร้าย การให้ทุนรัฐบาลจอร์แดนแก่นักศึกษาไทยเป็นจำนวน 5 ทุน และประเด็นความร่วมมือระหว่างไทย - จอร์แดนอื่นๆ ทั้งในด้านทวิภาคีและพหุภาคี
2. ในด้านเศรษฐกิจการค้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า จอร์แดนสามารถเป็นประตูสู่อิรักสำหรับธุรกิจสิ่งทอไทยและอุตสาหกรรมการก่อสร้างของไทยได้ นอกจากนั้น จอร์แดนยังสามารถเป็นประตูสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาสำหรับสินค้าไทย โดยเฉพาะสิ่งทอ ได้อีกทางหนึ่งด้วย เนื่องจากจอร์แดนมีความตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐอเมริกา
3. ในด้านการเมือง จอร์แดนมีบทบาทสูงในเวทีโลก ในภูมิภาคตะวันออกกลาง และเป็นประเทศมุสลิมสายกลาง ซึ่งนายกรัฐมนตรีจอร์แดนได้ย้ำว่า อิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติภาพและการให้อภัย และปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากมิได้มีสาเหตุมาจากศาสนาโดยแท้จริง แต่เป็นเพราะมีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงโดยใช้ศาสนาเป็นข้ออ้าง ซึ่งเป็นความเห็นที่สอดคล้องกับฝ่ายไทย สำหรับเรื่องการแก้ปัญหาภาคใต้ของไทย ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติขึ้นแล้วนั้น ฝ่ายจอร์แดนมั่นใจว่า ไทยจะสามารถแก้ปัญหาได้ และฝ่ายไทยได้ชี้แจงว่า จะมีการแก้ปัญหาเรื่องความยากจนในภาคใต้และสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่โดยสันติวิธี และรัฐบาลไทยจะใช้กระบวนการยุติธรรมเข้าจัดการกับกลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงโดยแอบอ้างศาสนา โดยรัฐบาลจะดำเนินการด้วยความโปร่งใส
การเยือนครั้งนี้ทำให้ความสัมพันธ์ 2 ฝ่ายไทย - จอร์แดนกระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยรัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะติดต่อกันโดยตรงทางโทรศัพท์มือถือ และในวันรุ่งขึ้น (26 เมษายน 2548) นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางออกจากจอร์แดน ไปเยือนรัฐสุลต่านโอมานต่อไป
Prime Minister at the Ministry of Foreign Affairs
Press Division, Department of Information Tel.(02) 643-5105
Fax. (02) 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th End.
-PM-
เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2548 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างที่ติดตาม พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเยือนราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน พร้อมด้วยนายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระหว่างวันที่ 25-26 เมษายน 2548 สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. การเยือนจอร์แดนของนายกรัฐมนตรีไทยครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยนายกรัฐมนตรีและคณะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดี Abdullah bin Al-Hussein แห่งจอร์แดนและได้พบหารือข้อราชการกับ Dr. Adnan Badran นายกรัฐมนตรีจอร์แดนด้วย โดยได้มีการหารือกันในหลายประเด็น ทั้งเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจ บทบาทของจอร์แดนในการต่อต้านการก่อการร้าย การให้ทุนรัฐบาลจอร์แดนแก่นักศึกษาไทยเป็นจำนวน 5 ทุน และประเด็นความร่วมมือระหว่างไทย - จอร์แดนอื่นๆ ทั้งในด้านทวิภาคีและพหุภาคี
2. ในด้านเศรษฐกิจการค้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า จอร์แดนสามารถเป็นประตูสู่อิรักสำหรับธุรกิจสิ่งทอไทยและอุตสาหกรรมการก่อสร้างของไทยได้ นอกจากนั้น จอร์แดนยังสามารถเป็นประตูสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาสำหรับสินค้าไทย โดยเฉพาะสิ่งทอ ได้อีกทางหนึ่งด้วย เนื่องจากจอร์แดนมีความตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐอเมริกา
3. ในด้านการเมือง จอร์แดนมีบทบาทสูงในเวทีโลก ในภูมิภาคตะวันออกกลาง และเป็นประเทศมุสลิมสายกลาง ซึ่งนายกรัฐมนตรีจอร์แดนได้ย้ำว่า อิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติภาพและการให้อภัย และปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากมิได้มีสาเหตุมาจากศาสนาโดยแท้จริง แต่เป็นเพราะมีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงโดยใช้ศาสนาเป็นข้ออ้าง ซึ่งเป็นความเห็นที่สอดคล้องกับฝ่ายไทย สำหรับเรื่องการแก้ปัญหาภาคใต้ของไทย ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติขึ้นแล้วนั้น ฝ่ายจอร์แดนมั่นใจว่า ไทยจะสามารถแก้ปัญหาได้ และฝ่ายไทยได้ชี้แจงว่า จะมีการแก้ปัญหาเรื่องความยากจนในภาคใต้และสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่โดยสันติวิธี และรัฐบาลไทยจะใช้กระบวนการยุติธรรมเข้าจัดการกับกลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงโดยแอบอ้างศาสนา โดยรัฐบาลจะดำเนินการด้วยความโปร่งใส
การเยือนครั้งนี้ทำให้ความสัมพันธ์ 2 ฝ่ายไทย - จอร์แดนกระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยรัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะติดต่อกันโดยตรงทางโทรศัพท์มือถือ และในวันรุ่งขึ้น (26 เมษายน 2548) นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางออกจากจอร์แดน ไปเยือนรัฐสุลต่านโอมานต่อไป
Prime Minister at the Ministry of Foreign Affairs
Press Division, Department of Information Tel.(02) 643-5105
Fax. (02) 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th End.
-PM-