นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาดการณ์ว่าผลจากภาวะภัยแล้งอย่างรุนแรงส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าเกษตรกร ให้ได้รับความเสียหายผลผลิตลดต่ำลง โดยในส่วนของมันสำปะหลัง ในฤดูการผลิตปี 2547/48 คาดว่าจะมีผลผลิตหัวมันสดเพียง 16.98 ล้านตัน ลดลงจากปีที่แล้วซึ่งผลิตได้ 21.44 ล้านตัน ถึงร้อยละ 20.71 และปัญหาดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในปี 2548 ด้วย
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม — เดือนกุมภาพันธ์ 2548 มีการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (ตามสถิติกรมศุลกากร) เป็นมูลค่ารวม 4,564.42 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 24 ซึ่งการส่งออกดังกล่าวแยกเป็นการส่งออกมันเส้น/มันอัดเม็ด จำนวน 0.45 ล้านตัน มูลค่า 1,617 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่าลดลงจากปี 2547 ร้อยละ 57 และ 47 ตามลำดับ และส่งออกแป้งมันสำปะหลัง จำนวน 0.23 ล้านตัน มูลค่า 2,644 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่าลดลงจากปี 2547 ร้อยละ 22 และ 7 ตามลำดับ
ภาวะภัยแล้งและการใช้มันสำปะหลังภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบให้ปริมาณการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทยที่ลดลงมากเช่นกัน แต่ในทางกลับกันก็ส่งผลสะท้อนให้ราคาส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาส่งออกมันเส้น/มันอัดเม็ด (เฉลี่ยเดือนมกราคม —มีนาคม 2548) สูงถึงตันละ 3,720 บาท เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยเพียงตันละ 2,821.บาท ถึงร้อยละ 32 และราคาแป้งมันสำปะหลัง (เฉลี่ยเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2548) สูงถึงตันละ 11,413 บาท เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยเพียงตันละ 9,524 บาท บาท ถึงร้อยละ 20 และทำให้มูลค่าการส่งออกในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2548 มีมูลค่ารวมสูงถึง 4,564.42 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18 ของเป้าหมายมูลค่าส่งออก ที่ตั้งไว้ที่มูลค่ารวม 25,935 ล้านบาท (หรือ 665 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
ยิ่งกว่านั้น ขณะนี้ การใช้มันสำปะหลังภายในประเทศกลับเพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่าจะมีการใช้หัวมันสดเพื่อแปรรูปเป็นมันเส้น/มันอัดเม็ด สำหรับใช้ผลิตอาหารสัตว์ / กรดซิตริก และการแปรรูปเป็นแป้ง เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้นจาก 4.5 ล้านตันในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เป็น 5.8 — 6.6 ล้านตัน ในปี 2548 ดังนั้น เมื่อถึงสิ้นปีการค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด ราคาหัวมันสำปะหลังสดปัจจุบัน ณ โรงแป้งอยู่ที่ 1.60-2.10 บาท/กก.
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า เพื่อให้การผลิตและการค้ามันสำปะหลังมีความยั่งยืน ขณะนี้ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำลังจัดทำยุทธศาสตร์สินค้ามันสำปะหลังแบบครบวงจรตั้งแต่การผลิต จนถึงการส่งออก โดยกำหนดเป้าหมายระยะยาวตั้งแต่ปี 2548-2551 โดยเน้นการเพิ่มผลผลิตหัวมันสดต่อไร่ และลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมให้มีการแปรรูปมันสำปะหลังสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น แป้งแปรรูป และการผลิตเอทานอล โดยขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้มีการมันสำปะหลัง อ้อย และน้ำมันปาล์ม ผลิตเอทานอล เพื่อผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง โดยในปี 2548 ได้กำหนดเป้าหมายให้มีการใช้มันสำปะหลังผลิตเอทานอลประมาณ 3 แสนตันหัวมันสด และขยายเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านตันหัวมันสด ในปี 2551 ซึ่งวิธีการนี้ เป็นการช่วยลดการส่งออกสินค้าวัตถุดิบ และจะทำให้ราคาผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม — เดือนกุมภาพันธ์ 2548 มีการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (ตามสถิติกรมศุลกากร) เป็นมูลค่ารวม 4,564.42 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 24 ซึ่งการส่งออกดังกล่าวแยกเป็นการส่งออกมันเส้น/มันอัดเม็ด จำนวน 0.45 ล้านตัน มูลค่า 1,617 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่าลดลงจากปี 2547 ร้อยละ 57 และ 47 ตามลำดับ และส่งออกแป้งมันสำปะหลัง จำนวน 0.23 ล้านตัน มูลค่า 2,644 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่าลดลงจากปี 2547 ร้อยละ 22 และ 7 ตามลำดับ
ภาวะภัยแล้งและการใช้มันสำปะหลังภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบให้ปริมาณการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทยที่ลดลงมากเช่นกัน แต่ในทางกลับกันก็ส่งผลสะท้อนให้ราคาส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาส่งออกมันเส้น/มันอัดเม็ด (เฉลี่ยเดือนมกราคม —มีนาคม 2548) สูงถึงตันละ 3,720 บาท เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยเพียงตันละ 2,821.บาท ถึงร้อยละ 32 และราคาแป้งมันสำปะหลัง (เฉลี่ยเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2548) สูงถึงตันละ 11,413 บาท เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยเพียงตันละ 9,524 บาท บาท ถึงร้อยละ 20 และทำให้มูลค่าการส่งออกในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2548 มีมูลค่ารวมสูงถึง 4,564.42 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18 ของเป้าหมายมูลค่าส่งออก ที่ตั้งไว้ที่มูลค่ารวม 25,935 ล้านบาท (หรือ 665 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
ยิ่งกว่านั้น ขณะนี้ การใช้มันสำปะหลังภายในประเทศกลับเพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่าจะมีการใช้หัวมันสดเพื่อแปรรูปเป็นมันเส้น/มันอัดเม็ด สำหรับใช้ผลิตอาหารสัตว์ / กรดซิตริก และการแปรรูปเป็นแป้ง เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้นจาก 4.5 ล้านตันในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เป็น 5.8 — 6.6 ล้านตัน ในปี 2548 ดังนั้น เมื่อถึงสิ้นปีการค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด ราคาหัวมันสำปะหลังสดปัจจุบัน ณ โรงแป้งอยู่ที่ 1.60-2.10 บาท/กก.
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า เพื่อให้การผลิตและการค้ามันสำปะหลังมีความยั่งยืน ขณะนี้ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำลังจัดทำยุทธศาสตร์สินค้ามันสำปะหลังแบบครบวงจรตั้งแต่การผลิต จนถึงการส่งออก โดยกำหนดเป้าหมายระยะยาวตั้งแต่ปี 2548-2551 โดยเน้นการเพิ่มผลผลิตหัวมันสดต่อไร่ และลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมให้มีการแปรรูปมันสำปะหลังสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น แป้งแปรรูป และการผลิตเอทานอล โดยขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้มีการมันสำปะหลัง อ้อย และน้ำมันปาล์ม ผลิตเอทานอล เพื่อผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง โดยในปี 2548 ได้กำหนดเป้าหมายให้มีการใช้มันสำปะหลังผลิตเอทานอลประมาณ 3 แสนตันหัวมันสด และขยายเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านตันหัวมันสด ในปี 2551 ซึ่งวิธีการนี้ เป็นการช่วยลดการส่งออกสินค้าวัตถุดิบ และจะทำให้ราคาผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-