พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร
วัน ศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 87/2548
คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า
ตั้งแต่วันที่ 22-28 กรกฎาคม 2548
ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนพาดผ่านประเทศพม่าและลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลัง ค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนาแน่น รวมทั้งคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงในช่วงวันที่ 22-25 ก.ค.2548 ต่อจากนั้นฝนจะลดลง และคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง
ข้อควรระวัง ช่วงวันที่ 22-25 ก.ค.2548 บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมง ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ ส่วนเรือเล็กโดยเฉพาะในทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง
ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่างๆในระยะ7วันข้างหน้ามีดังนี้
เหนือ
ลักษณะอากาศ
# ช่วงวันที่ 22-25 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง 70 % ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ต่อจากนั้นจะมีฝนฟ้าคะนอง 40 % ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตอนเช้า 95 % ตอนบ่าย 70%
ผลกระทบต่อการเกษตร
# ระยะนี้อากาศชื้น เกษตรกรที่ปลูกกุหลาบควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบจุด โรคหนามดำ และโรคตากบ ซึ่งจะทำให้ใบร่วงหล่นและกิ่งแห้งตาย ดังนั้นจึงควรหมั่นสำรวจแปลงปลูก หากพบ การระบาดควรตัดส่วนของพืชที่เป็นโรคดังกล่าวไปเผาทำลาย
ตะวันออกเฉียงเหนือ
ลักษณะอากาศ
# ช่วงวันที่ 22-25 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง 70 % ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ต่อจากนั้นจะมีฝนฟ้าคะนอง 40 % ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตอนเช้า 95 % ตอนบ่าย 70%
ผลกระทบต่อการเกษตร
# ช่วงวันที่ 22-25 ก.ค. จะมีฝนตกหนักบางแห่งทำให้อากาศมีความชื้นสูง ฉะนั้นชาวไร่ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคและศัตรูพืชชนิดต่างๆ เช่น หนอนเจาะฝักในข้าวโพด โรคแส้ดำในอ้อย และโรคใบไหม้ใน มันสำปะหลัง ซึ่งจะทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต และผลผลิตเสียหายได้ หากพบการระบาดควรรีบกำจัด
กลาง
ลักษณะอากาศ
# ช่วงวันที่ 22-25 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง 40-60% ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำและมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ต่อจากนั้นจะมีฝนฟ้าคะนอง 40 % ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตอนเช้า 95 % ตอนบ่าย 60%
ผลกระทบต่อการเกษตร
# ช่วงวันที่ 22-25 ก.ค. จะมีฝนตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะทางด้านตะวันตกของภาค เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคแอนแทรกโนสในฝรั่ง องุ่น และชมพู่ ซึ่งจะทำให้ผลเน่าเสียหาย หากพบการระบาดควรเก็บผลที่เป็นโรคดังกล่าวไปทำลาย
ตะวันออก
ลักษณะอากาศ
# ช่วงวันที่ 22-25 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง 40-60 % ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดจันทบุรีและตราด ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ต่อจากนั้นจะมีฝนฟ้าคะนอง 40 % ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตอนเช้า 95 % ตอนบ่าย 65%
ผลกระทบต่อการเกษตร
# สำหรับบริเวณจังหวัดจันทบุรีและตราดจะมีฝนตกหนักบางแห่ง ฉะนั้นเกษตรกรที่ปลูกพืชผักควรระวัง และป้องกันการระบาดของโรคและศัตรูพืช เช่น โรคราสนิมและโรคใบจุดในถั่วฝักยาว หนอนกินใบในแตงกวา และโรคเหี่ยวในผักกาดขาว ซึ่งจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโตและผลผลิตเสียหาย หากพบการระบาดควร รีบกำจัด
ใต้
ลักษณะอากาศ
# ฝั่งตะวันออกช่วงวันที่ 22-25 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง 40-60 % ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ต่อจากนั้นจะมีฝนฟ้าคะนอง 40 % ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม
# ฝั่งตะวันตกช่วงวันที่ 22-25 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง 50-70% ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ต่อจากนั้นจะมีฝนฟ้าคะนอง 40 % ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตอนเช้า 95% ตอนบ่าย 65%
ผลกระทบต่อการเกษตร
# ระยะนี้มีฝนตกชุกโดยเฉพาะทางฝั่งตะวันตกของภาค เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง พื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่ม นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคราใบติดในทุเรียน โรคราสนิมในเงาะ และโรคราสีชมพูในลองกอง ซึ่งจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโตและตาย หากพบการระบาดควรรีบกำจัด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
-สส-