นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช อธิบดีกรมการประกันภัย เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิด อุบัติเหตุเรือโดยสารชื่อ “รุ่งโรจน์” ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวจากท่าเรือบางโรง อำเภอถลางจังหวัดภูเก็ต มุ่งหน้าไปท่าเรือมาเนาะ อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ถูกพายุฝนพัดกระหน่ำพลิกคว่ำ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2548 ที่บริเวณบ้านแหลมเหีย ม.3 ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จังหวัดพังงา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 รายและสูญหายประมาณ 20 คน นั้น ได้มอบให้สำนักงานประกันภัยจังหวัดพังงาเร่งติดตามตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการทำประกันภัยของเรือลำดังกล่าวแล้วปรากฏว่า เจ้าของเรือลำดังกล่าว มิได้มีการทำประกันภัยสำหรับผู้โดยสารเรือโดยสารรับจ้างไว้
นางสาวพจนีย์ฯ กล่าวต่อไปว่า โดยกฎหมายเจ้าของเรือจะต้องทำประกันภัยสำหรับ ผู้โดยสารเรือโดยสารรับจ้างซึ่งเป็นการประกันภัยภาคบังคับตามกฎกระทรวงคมนาคม ที่กำหนดให้ เจ้าของเรือโดยสารรับจ้างที่บรรทุกผู้โดยสารตั้งแต่สิบสามคนขึ้นไปต้องทำประกันภัยอุบัติเหตุเพื่อคุ้มครอง ผู้โดยสารเรือกรณีเสียชีวิต สูญเสียมือ เท้า หรือสายตา อย่างใดอย่างหนึ่งรวมสองข้าง หรือทุพพลภาพถาวร สิ้นเชิงจะได้รับความคุ้มครอง คนละ 50,000 บาท ถ้าสูญเสียมือ เท้า หรือสายตาข้างใดข้างหนึ่งจะได้รับ ความคุ้มครองคนละ 25,000 บาท และกรณีบาดเจ็บผู้ประสบภัยจะได้รับค่ารักษาพยาบาลคนละไม่เกิน 10,000 บาท เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงินในการชดใช้ค่าเสียหายของเจ้าของเรือ แต่ในกรณีอุบัติเหตุครั้งนี้ เจ้าของเรือได้เคยมีการประกันภัยสำหรับผู้โดยสารเรือโดยสารรับจ้างไว้ แต่กรมธรรม์ ประกันภัยดังกล่าวได้ขาดการต่ออายุ โดยได้ทำประกันภัยไว้เพียงถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2547 เท่านั้น เมื่อมีการเกิดอุบัติเหตุ ในวันที่ 5 มีนาคม 2548 จึงไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันภัย
นางสาวพจนีย์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นอุบัติภัยร้ายแรงอีกครั้งหนึ่ง ที่ทำให้เกิดความสูญเสียและเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ เจ้าของเรือไม่ได้ต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยให้ต่อเนื่อง ดังนั้น ผู้เป็นเจ้าของเรือจะต้องรับภาระชดใช้ ค่าเสียหายแก่ผู้ประสบภัยเอง จึงนับเป็นอุทาหรณ์ให้เจ้าของเรือพึงตระหนักและตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ป้องกันมิให้เกิดอุบัติเหตุและควรปฏิบัติตามกฎหมายรวมทั้งควรจะมีการทำประกันภัยไว้อย่างต่อเนื่อง ตลอดเวลา ทั้งนี้ อุบัติเหตุเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันโดยมิได้คาดคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้มี ภัยธรรมชาติทางน้ำเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จึงขอเชิญชวนให้เจ้าของเรือที่ยังไม่ได้มีการทำประกันภัยสำหรับผู้โดยสารเรือโดยสารรับจ้างไว้ หรือยังไม่ได้ต่ออายุการประกันภัยให้เร่งจัดทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองผู้โดยสารหากเกิดภัยพิบัติดังกล่าวโดยเสียเบี้ยประกันภัยไม่มากนัก หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกันภัย ดังกล่าวสามารถติดต่อสอบถามได้ที่โทรศัพท์ หมายเลข 0-2547-4550 หรือสายด่วนประกันภัย 1186
ที่มา: http://www.doi.go.th