1. ฐานเงินและปริมาณเงิน
-ปริมาณเงินขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้นกว่าเดือนก่อนเล็กน้อย
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2548 อยู่ที่ระดับ 789.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 22.0 พันล้านบาทและขยายตัวร้อยละ 17.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของฐานเงินจากเดือนก่อนได้แก่ (1) สินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิของทางการเพิ่มขึ้น (2)สินเชื่อสุทธิที่ ธปท. ให้แก่รัฐบาลเพิ่มขึ้นจาการลดลงของเงินฝากภาครัฐที่ ธปท.และ (3)สินเชื่อสุทธิที่ ธปท.ให้แก่สถาบันการเงินลดลง เนื่องจากสถาบันการเงินลงทุนในตลาดซื้อคืนพันธบัตรและพันธบัตร ธปท.เพิ่มขึ้น
ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 5.2 5.5 และ6.0 ตามลำดับ ซึ่งเป้นอัตราที่เร่งตัวขึ้นมาจากเดือนก่อน โดยเป็นผลจากการขยายตัวเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิ
2. อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
-ค่าเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นเพราะ Sentiment ของเงินดอลล่าร์ สรอ.อ่อนลง กอปรกับความเชื่อมั่นต่อเศรฐกิจไทยเพิ่มขึ้นหลังการเลือกตั้ง
-อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดการเงินปรับลดลงโดยเฉลี่ยจากสภาพคล่องโดยรวมที่ยังมีอยู่มาก
-อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นปรับเพิ่มขึ้น
อัตราแลกเปลี่ยน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 เฉลี่ยอยู่ที่ 38.48 บาทต่อดอลล่าร์ สรอ.โดยค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากเดือนก่อนสอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาคจากปัจจัยสนับสนุน ได้แก่(1)ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจไทยหลังการเลือกตั้ง (2)Sentiment ของเงินล้านดอลล่าร์ สรอ.ที่อ่อนลงเนื่องจากมีการคาดการณ์กันมากขึ้นว่าธนาคารกลางของประเทศในเอเชียจะกระจายการถือเงินสำรองทางการจากสกุลเงินล้านดอลล่าร์ สรอ.จากบริษัทน้ำมันเพิ่มขึ้น อีกทั้งนักลงทุนเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยจึงมีแรงเทขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ปรับลดลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 จากสภาพคล่องโดยรวมที่ยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนใกล้การประชุม กนง.ซึ่งสถาบันการเงินมีการลงทุนในตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะสั้นเพิ่มขึ้น ระหว่างรอดูผลการประชุม กนง.ทำให้อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันปรับลดลงค่อนข้างมาก ทั้งนี้ เฉลี่ยทั้งเดือนอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1วันอยู่ที่ร้อยละ 1.84 และ 1.88 ต่อปี ตามลำดับ
สำหรับในช่วงวันที่ 1-24 มีนาคม 2548 แม้จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2548 แต่เนื่องจากสภาพคล่องที่ยังมีอยู่มากในระบบ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปล่อยเงินเข้าสู่ระบบการเงินของภาครัฐผ่านโครงการบัตรประกันสุขภาพและการเตรียมเงินเพื่อเบิกจ่ายของภาครัฐ อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันจึงปรับลดลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.81 ต่อปี ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเฉลี่ยสูงขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ร้อยละ 1.91 ต่อปี เพราะสาขาธนาคารต่างประเทศมีความต้องการสภาพคล่อง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงต้นเดือนมีนาคมแต่ในขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับลดลงเพราะนักลงทุนในประเทศเร่งลงทุนในพันธบัตรระยะดังกล่าว เพราะมีความกังวลว่าอุปทานจะลดลงในระยะต่อไป
ในช่วงวันที่ 1-24 มีนาคม 2548 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นปรับเพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวปรับลดลง เนื่องจากนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์หันมาลงทุนในตลาดพันธบัตรเพิ่มขึ้น กอปรกับพันธบัตรระยะดังกล่าวมีปริมาณน้อย
3. เงินฝากและสินเชื่อภาคเอกชนของระบบธนาคารพาณิชย์
- เงินฝากขยายตัวในอัตราที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ขณะที่สินเชื่อขยายตัวชะลอลง
- อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กู้ไม่เปลี่ยนแปลง
เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ขยายตัวร้อยละ 3.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 33.4 พันล้านบาทจากเดือนมกราคม โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินฝากของภาคธุรกิจและรัฐวิสาหกิจ
สินเชื่อภาคเอกชน (รวมการถือหลักทรัพย์ของเอกชน)ของธนาคารพาณิชย์ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ขยายตัวร้อยละ 6.0 จากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน เนื่องจากมีการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทบริหารสินทรัพย์บางแห่ง สำหรับสินเชื่อภาคเอกชน(รวมการถือหลักทรัพย์ของเอกชน)ของธนาคารพาณิชย์ ที่บวกกลับการตัดหนี้สูญและสินเชื่อที่โอนไปบริษัทบริหารสินทรัพย์ แต่ไม่รวมสินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2548 มียอดคงค้าง 6,370.8 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน
อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ ขนาดใหญ่ 4 แห่ง ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 และในช่วงวันที่ 1-24 มีนาคม 2548 คงอยู่ระดับเดิมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.00 และ 5.69 ต่อปี ตามลำดับ
--ธนาคารแห่งประเทศ--
-ปริมาณเงินขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้นกว่าเดือนก่อนเล็กน้อย
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2548 อยู่ที่ระดับ 789.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 22.0 พันล้านบาทและขยายตัวร้อยละ 17.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของฐานเงินจากเดือนก่อนได้แก่ (1) สินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิของทางการเพิ่มขึ้น (2)สินเชื่อสุทธิที่ ธปท. ให้แก่รัฐบาลเพิ่มขึ้นจาการลดลงของเงินฝากภาครัฐที่ ธปท.และ (3)สินเชื่อสุทธิที่ ธปท.ให้แก่สถาบันการเงินลดลง เนื่องจากสถาบันการเงินลงทุนในตลาดซื้อคืนพันธบัตรและพันธบัตร ธปท.เพิ่มขึ้น
ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 5.2 5.5 และ6.0 ตามลำดับ ซึ่งเป้นอัตราที่เร่งตัวขึ้นมาจากเดือนก่อน โดยเป็นผลจากการขยายตัวเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิ
2. อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
-ค่าเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นเพราะ Sentiment ของเงินดอลล่าร์ สรอ.อ่อนลง กอปรกับความเชื่อมั่นต่อเศรฐกิจไทยเพิ่มขึ้นหลังการเลือกตั้ง
-อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดการเงินปรับลดลงโดยเฉลี่ยจากสภาพคล่องโดยรวมที่ยังมีอยู่มาก
-อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นปรับเพิ่มขึ้น
อัตราแลกเปลี่ยน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 เฉลี่ยอยู่ที่ 38.48 บาทต่อดอลล่าร์ สรอ.โดยค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากเดือนก่อนสอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาคจากปัจจัยสนับสนุน ได้แก่(1)ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจไทยหลังการเลือกตั้ง (2)Sentiment ของเงินล้านดอลล่าร์ สรอ.ที่อ่อนลงเนื่องจากมีการคาดการณ์กันมากขึ้นว่าธนาคารกลางของประเทศในเอเชียจะกระจายการถือเงินสำรองทางการจากสกุลเงินล้านดอลล่าร์ สรอ.จากบริษัทน้ำมันเพิ่มขึ้น อีกทั้งนักลงทุนเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยจึงมีแรงเทขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ปรับลดลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 จากสภาพคล่องโดยรวมที่ยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนใกล้การประชุม กนง.ซึ่งสถาบันการเงินมีการลงทุนในตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะสั้นเพิ่มขึ้น ระหว่างรอดูผลการประชุม กนง.ทำให้อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันปรับลดลงค่อนข้างมาก ทั้งนี้ เฉลี่ยทั้งเดือนอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1วันอยู่ที่ร้อยละ 1.84 และ 1.88 ต่อปี ตามลำดับ
สำหรับในช่วงวันที่ 1-24 มีนาคม 2548 แม้จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2548 แต่เนื่องจากสภาพคล่องที่ยังมีอยู่มากในระบบ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปล่อยเงินเข้าสู่ระบบการเงินของภาครัฐผ่านโครงการบัตรประกันสุขภาพและการเตรียมเงินเพื่อเบิกจ่ายของภาครัฐ อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันจึงปรับลดลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.81 ต่อปี ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเฉลี่ยสูงขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ร้อยละ 1.91 ต่อปี เพราะสาขาธนาคารต่างประเทศมีความต้องการสภาพคล่อง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงต้นเดือนมีนาคมแต่ในขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับลดลงเพราะนักลงทุนในประเทศเร่งลงทุนในพันธบัตรระยะดังกล่าว เพราะมีความกังวลว่าอุปทานจะลดลงในระยะต่อไป
ในช่วงวันที่ 1-24 มีนาคม 2548 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นปรับเพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวปรับลดลง เนื่องจากนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์หันมาลงทุนในตลาดพันธบัตรเพิ่มขึ้น กอปรกับพันธบัตรระยะดังกล่าวมีปริมาณน้อย
3. เงินฝากและสินเชื่อภาคเอกชนของระบบธนาคารพาณิชย์
- เงินฝากขยายตัวในอัตราที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ขณะที่สินเชื่อขยายตัวชะลอลง
- อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กู้ไม่เปลี่ยนแปลง
เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ขยายตัวร้อยละ 3.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 33.4 พันล้านบาทจากเดือนมกราคม โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินฝากของภาคธุรกิจและรัฐวิสาหกิจ
สินเชื่อภาคเอกชน (รวมการถือหลักทรัพย์ของเอกชน)ของธนาคารพาณิชย์ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ขยายตัวร้อยละ 6.0 จากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน เนื่องจากมีการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทบริหารสินทรัพย์บางแห่ง สำหรับสินเชื่อภาคเอกชน(รวมการถือหลักทรัพย์ของเอกชน)ของธนาคารพาณิชย์ ที่บวกกลับการตัดหนี้สูญและสินเชื่อที่โอนไปบริษัทบริหารสินทรัพย์ แต่ไม่รวมสินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2548 มียอดคงค้าง 6,370.8 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน
อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ ขนาดใหญ่ 4 แห่ง ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 และในช่วงวันที่ 1-24 มีนาคม 2548 คงอยู่ระดับเดิมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.00 และ 5.69 ต่อปี ตามลำดับ
--ธนาคารแห่งประเทศ--