กรุงเทพ--17 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวานนี้ (16 มีนาคม 2548) ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ภายหลังทำพิธีถวายสักการะพระอนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทววงศ์วโรปการ ที่วังสราญรมย์ สรุปได้ดังนี้
1. นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะสานต่อนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลชุดที่ผ่านมาภายใต้การนำ ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้มีความต่อเนื่อง โดยจะให้ความสำคัญกับบทบาท ของประเทศไทยในเชิงรุกอย่างสร้างสรรค์ในเวทีโลก จะทำให้การที่ไทยมีปฏิสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ในเวทีโลกซึ่งประกอบด้วยสมาชิกกว่า 200 ประเทศเป็นประโยชน์กับประเทศไทยและ ประชาชนคนไทย รวมทั้งภาคเอกชนของไทยด้วย เพราะฉะนั้นการทูตจะมีความเชื่อมโยงกับ ประชาชนและภาคเอกชน
2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะเดินทางเยือนประเทศในกลุ่มอาเซียนทุกประเทศโดยเร็วที่สุด สำหรับประเทศอื่นๆ นั้น กระทรวงการต่างประเทศจะมีการวิเคราะห์ว่า ควรจะมีความสัมพันธ์ กับประเทศใด ในลักษณะใดและจุดเน้นความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ที่อาจแตกต่างกันไป
บางประเทศอาจมีการเน้นเรื่องความร่วมมือทางด้านการเมืองหรือเศรษฐกิจ บางประเทศอาจเน้นความร่วมมือกันทางด้านการศึกษา เพื่อเปิดโอกาสสูงสุดให้คนไทยได้มีการศึกษาที่ดีที่สุด เนื่องจากการศึกษามีความสำคัญกับขีดความสามารถในการแข่งขันของคนไทย ในขณะที่บางประเทศ อาจเน้นความร่วมมือทางด้านการเกษตรหรือการสาธารณสุข
3. สำหรับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยในต่างประเทศนั้น จะต้องดำเนินนโยบายแบบรู้เขารู้เรา โดยต้องศึกษาให้ทราบว่า ประเทศที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ดูแลนั้น ฝ่ายไทยควรจะเน้นความสัมพันธ์ในลักษณะใด รวมทั้ง จะต้องดำเนินแนวทางดังกล่าวกับประเทศในเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูตด้วย ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะสนับสนุนการทำงานในลักษณะทีมไทยแลนด์ที่มั่นคง
4. นโยบายการต่างประเทศจะมีความเชื่อมโยงกับนโยบายภายในประเทศ โดยเฉพาะนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจ นอกจากนี้ จะให้ความสำคัญกับนโยบายสิทธิมนุษยชนและการสร้างพันธมิตรกับประเทศและกลุ่มประเทศในเวทีโลกที่มีความสำคัญกับประเทศไทย ดังนั้นภูมิภาคบางภูมิภาคที่ไม่ได้เน้นมากนักในอดีตเช่นภูมิภาคลาตินอเมริกา ภูมิภาคแอฟริกา ก็จะมีการกระตุ้นและส่งเสริมความสัมพันธ์ ส่วนภูมิภาคที่ไทยมีความสัมพันธ์ปกติดีอยู่แล้วก็จะกระชับความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ดังนั้นนโยบายต่างประเทศจะมีลักษณะครบวงจร และเน้นนโยบายต่างประเทศเพื่อประชาชน
5. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายของกระทรวงการต่างประเทศในด้านการต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างประเทศว่า รัฐบาลไทยมีนโยบายชัดเจนว่าไทยจะร่วมมือกับพันธมิตรของไทยในการต่อต้าน การก่อการร้ายระหว่างประเทศ ซึ่งจะดำเนินไปพร้อมกับนโยบายของรัฐบาลที่จะเพิ่มโอกาส ให้แก่คนไทยทั้งด้านการศึกษาและการสร้างโอกาสอย่างเต็มที่ให้แก่ประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด
6. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบคำถามสื่อมวลชน เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับมาเลเซีย และอินโดนีเซียในประเด็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางภาคใต้ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะพบกับฝ่ายมาเลเซียและอินโดนีเซีย และจะประสานงานกันอย่างใกล้ชิด สิ่งที่ยังมีความเข้าใจผิดกันก็จะมีการอธิบายและที่สำคัญที่สุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศประสงค์จะให้มีการปรึกษาหารือแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นกันอย่างสม่ำเสมอ
7. สำหรับความสัมพันธ์กับสื่อมวลชน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ต่างประเทศ กล่าวว่า จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสื่อมวลชนและยินดีต้อนรับ สื่อมวลชนเสมอ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวานนี้ (16 มีนาคม 2548) ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ภายหลังทำพิธีถวายสักการะพระอนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทววงศ์วโรปการ ที่วังสราญรมย์ สรุปได้ดังนี้
1. นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะสานต่อนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลชุดที่ผ่านมาภายใต้การนำ ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้มีความต่อเนื่อง โดยจะให้ความสำคัญกับบทบาท ของประเทศไทยในเชิงรุกอย่างสร้างสรรค์ในเวทีโลก จะทำให้การที่ไทยมีปฏิสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ในเวทีโลกซึ่งประกอบด้วยสมาชิกกว่า 200 ประเทศเป็นประโยชน์กับประเทศไทยและ ประชาชนคนไทย รวมทั้งภาคเอกชนของไทยด้วย เพราะฉะนั้นการทูตจะมีความเชื่อมโยงกับ ประชาชนและภาคเอกชน
2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะเดินทางเยือนประเทศในกลุ่มอาเซียนทุกประเทศโดยเร็วที่สุด สำหรับประเทศอื่นๆ นั้น กระทรวงการต่างประเทศจะมีการวิเคราะห์ว่า ควรจะมีความสัมพันธ์ กับประเทศใด ในลักษณะใดและจุดเน้นความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ที่อาจแตกต่างกันไป
บางประเทศอาจมีการเน้นเรื่องความร่วมมือทางด้านการเมืองหรือเศรษฐกิจ บางประเทศอาจเน้นความร่วมมือกันทางด้านการศึกษา เพื่อเปิดโอกาสสูงสุดให้คนไทยได้มีการศึกษาที่ดีที่สุด เนื่องจากการศึกษามีความสำคัญกับขีดความสามารถในการแข่งขันของคนไทย ในขณะที่บางประเทศ อาจเน้นความร่วมมือทางด้านการเกษตรหรือการสาธารณสุข
3. สำหรับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยในต่างประเทศนั้น จะต้องดำเนินนโยบายแบบรู้เขารู้เรา โดยต้องศึกษาให้ทราบว่า ประเทศที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ดูแลนั้น ฝ่ายไทยควรจะเน้นความสัมพันธ์ในลักษณะใด รวมทั้ง จะต้องดำเนินแนวทางดังกล่าวกับประเทศในเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูตด้วย ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะสนับสนุนการทำงานในลักษณะทีมไทยแลนด์ที่มั่นคง
4. นโยบายการต่างประเทศจะมีความเชื่อมโยงกับนโยบายภายในประเทศ โดยเฉพาะนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจ นอกจากนี้ จะให้ความสำคัญกับนโยบายสิทธิมนุษยชนและการสร้างพันธมิตรกับประเทศและกลุ่มประเทศในเวทีโลกที่มีความสำคัญกับประเทศไทย ดังนั้นภูมิภาคบางภูมิภาคที่ไม่ได้เน้นมากนักในอดีตเช่นภูมิภาคลาตินอเมริกา ภูมิภาคแอฟริกา ก็จะมีการกระตุ้นและส่งเสริมความสัมพันธ์ ส่วนภูมิภาคที่ไทยมีความสัมพันธ์ปกติดีอยู่แล้วก็จะกระชับความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ดังนั้นนโยบายต่างประเทศจะมีลักษณะครบวงจร และเน้นนโยบายต่างประเทศเพื่อประชาชน
5. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายของกระทรวงการต่างประเทศในด้านการต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างประเทศว่า รัฐบาลไทยมีนโยบายชัดเจนว่าไทยจะร่วมมือกับพันธมิตรของไทยในการต่อต้าน การก่อการร้ายระหว่างประเทศ ซึ่งจะดำเนินไปพร้อมกับนโยบายของรัฐบาลที่จะเพิ่มโอกาส ให้แก่คนไทยทั้งด้านการศึกษาและการสร้างโอกาสอย่างเต็มที่ให้แก่ประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด
6. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบคำถามสื่อมวลชน เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับมาเลเซีย และอินโดนีเซียในประเด็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางภาคใต้ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะพบกับฝ่ายมาเลเซียและอินโดนีเซีย และจะประสานงานกันอย่างใกล้ชิด สิ่งที่ยังมีความเข้าใจผิดกันก็จะมีการอธิบายและที่สำคัญที่สุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศประสงค์จะให้มีการปรึกษาหารือแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นกันอย่างสม่ำเสมอ
7. สำหรับความสัมพันธ์กับสื่อมวลชน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ต่างประเทศ กล่าวว่า จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสื่อมวลชนและยินดีต้อนรับ สื่อมวลชนเสมอ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-