จีนปูทาง “ก๊อกสอง” ปรับอัตราแลกเปลี่ยน เปิดตะกร้าหยวน-เพิ่มเทรดอนุพันธ์เงิน

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 16, 2005 17:31 —กรมส่งเสริมการส่งออก

          ธนาคารกลางจีนได้เปิดเผยรายละเอียดสกุลเงินในระบบตะกร้าเงินของประเทศอย่างเป็นทางการ ซึ่งประกอบด้วยเงินดอลลาร์ ยูโร เยน และวอน เป็นเงินสกุลหลักที่ใช้บริหารอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละวัน นอกจากนั้น จีนยังเดินหน้าเปิดการค้าเสรีทางการเงินเพิ่ม ด้วยการอนุญาตให้ธนาคารในประเทศซื้อขายอนุพันธ์อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนได้  ทั้งนี้ สื่อต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่าการเปิดเผยโครงสร้างตะกร้าเงินหยวนสะท้อนถึงความพยายามของธนาคารกลางจีนที่ต้องการสร้างความชัดเจนในการบริหารระบบตะกร้าเงินโดยไม่เปิดเผยน้ำหนักของเงินในแต่ละสกุลที่ใช้ประเมินอัตราแลกเปลี่ยนของหยวน ซึ่งธนาคารกลางจีนชี้แจงว่า น้ำหนักของสกุลเงินในตะกร้าหยวนจะพิจารณาดูจากสัดส่วนหนี้ต่างประเทศของจีนด้วย  
ทั้งนี้ นายจอร์จ โซรอส พ่อมดแห่งโลกการเงิน ได้ทำนายว่าจีนจะปรับค่าเงินหยวนอีกครั้ง 1-2% อย่างเร็วที่สุดในเดือนกันยายนนี้ และยังทำนายอีกว่าเงินเอเชียสกุลอื่นๆ จะต้องแข็งค่าขึ้นในสัดส่วนที่มากกว่าการแข็งค่าของเงินหยวน หากธนาคารกลางจีนปรับค่าเงินอีกรอบ อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์จีนคาดการณ์ว่า จีนจะไม่ปรับอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมภายใน 3-6 เดือนข้างหน้า โดยจีนจะต้องรอประเมินผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงค่าเงินหยวนของเดือนที่แล้วก่อน ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ นายสตีเฟน กรีน นักเศรษฐศาสตร์จากสแตนดาร์ดชาร์เตอร์แบงก์ สาขาเซี่ยง-ไฮ้ ที่ยอมรับว่าคำแถลงครั้งล่าสุดของแบงค์ชาติจีน ไม่ได้ให้เบาะแสใดๆ ที่บ่งชี้ว่าจะมีการปรับค่าเงินหยวนอีกครั้งในช่วงสิ้นปีนี้
ประเด็นวิเคราะห์:
การตัดสินใจของแบงค์ชาติจีนในการเปิดเผยโครงสร้างตะกร้าเงิน และการอนุญาตให้ธนาคารในประเทศซื้อขายอนุพันธ์อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนได้ ถือเป็นความพยายามสร้างความพร้อมให้กับตลาดการเงินในประเทศสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และสร้างเครื่องมือทางการเงินให้กับภาคเอกชนเพื่อใช้รับมือความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน หลังจากธนาคารกลางปรับค่าเงินหยวนให้แข็งขึ้นตั้งแต่ 21 กรกฎาคม 2548 นอกจากนั้น การเปิดเสรีทางการเงินเพิ่มเติมจะช่วยพัฒนาตลาดอัตราแลกเปลี่ยนของจีนซึ่งอยู่ในระยะเริ่มต้น ให้สามารถสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวของกลไกอุปสงค์-อุปทานในตลาดได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้ทางการของจีนสามารถบริหารนโยบายเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างสมดุล
ที่มา: http://www.depthai.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ