รองโฆษกปชป.'สาธิต ปิตุเตชะ ' ทวงความคืบหน้าคดี ยึดทรัพย์ กำนันสมชาย คุณปลื่ม ชี้ 2 ปีไม่มีความคืบหน้า ตั้งข้อสังเกตเป็นเพราะนายสมชายเป็นบิดาของอดีตรัฐมนตรีในพรรคไทยรักไทยหรือไม่ พร้อมท้าพิสูจน์นายกรัฐมนตรี หากมีความจริงใจต่อการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น กรณีนี้ต้องชัดเจนและต้องนำเงินกลับมาคืนให้กับประชาชน
วันนี้ (18 ต.ค.48) เวลา 14.00น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนได้ทำหนังสือถึงพ.ต.อ.พีรพันธุ์ เปรมภูติ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟ้องเงิน (ปปง.) ถึงความคืบหน้าในการยึดทรัพย์ในคดีของนายสมชาย คุณปลื้ม ที่ถูกศาลพิพากษาว่าทุจริตในคดีจัดซื้อที่ดิน ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษาเรื่องนี้มา 2 ปีแล้ว และที่อ้างว่าโดยทางลับนั้น อยากจะถามว่าในช่วง 2 ปีได้ยึดทรัพย์อะไรของจำเลยในคดีนี้บ้าง และมีความคืบหน้ากับการสืบหาทรัพย์สำหรับจำเลยในคดีนี้อย่างไร เพราะเป็นที่ทราบกันว่าจำเลยในคดีนี้มีข้อมูลที่ชัดเจนว่ามีทรัพย์สินและหลักทรัพย์ โดยนายสมชายได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นเงินสดมูลค่า 7,000 ล้านบาท ดังนั้นหากคณะกรรมการปปง.เอาจริงเอาจัง เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องยาก
“นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เมื่อปี 2546 ได้ยืนยันชัดเจนว่าคดีนี้เป็นความผิดหนึ่งในมูลฐานผิดต่อหน้าที่ราชการตามกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งปปง.มีอำนาจโดยชอบธรรมตามกฎหมายในการเข้าไปตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน และปปง.มีหน้าที่เข้าไปตรวจสอบการทำธุรกรรมของสถาบันการเงิน หรือธนาคาร และรายงานเพื่อที่จะดำเนินการยึดทรัพย์เงินได้ อย่างไรก็ตามหากยังไม่มีการดำเนินการอะไร ในวันจันทร์ ที่ 24 ต.ค.ตนจะไปแจ้งความเอาผิดกับนายพีรพันธ์ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่”นายสาธิตกล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คดีของนายสมชายนั้นเป็นกรณีที่นำที่ดินในราคาไร่ละ 50,000 บาท แล้วนำมาให้กับราชการในราคาไร่ละ 700,000-800,000 บาท ซึ่งที่ดินดังกล่าวมีจำนวน 100 กว่าไร่ คิดเป็นมูลค่าเงินแล้วเท่ากับรัฐหรือราชการจะต้องเสียเงินซื้อที่ดินครั้งนี้ประมาณ 90 ล้านบาท และเส้นทางการเงินก็ชัดเจนว่าผู้ที่เป็นตัวแทนในการขายที่ดินให้กับเทศบาลก็คือคนสวนของนายสมชาย และสุดท้ายเม็ดเงินที่ได้รับค่าที่ดินก็ไปสู่บัญชีของจำเลยในคดีนี้ตามคำพิพากษาของศาล อย่างไรก็ตามตนก็เข้าใจว่าเลขาธิการปปง.คงลำบากใจในการดำเนินการ เพราะนายสมชายเป็นบิดาของอดีตรัฐมนตรีในพรรคไทยรักไทย แต่ก็เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่อยากจะขอท้าพิสูจน์กับนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีได้ประกาศกับประชาชนว่าจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ดังนั้นหากนายกรัฐมนตรีคิดว่ามีความจริงใจต่อการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ก็เห็นว่ากรณีนี้ชัดเจนที่สุดที่จะนำเงินกลับมาคืนให้กับประชาชน
“ที่ระบุว่าเป็นความลับของคดี น่าจะเป็นเรื่องโกหก เพราะหากเทียบกับกรณีที่ปปง.ดำเนินการยึดทรัพย์ของอดีตอธิบดีกรมเจ้าท่ายังยึดโดยเปิดเผยต่อสื่อมวลชน ผมว่าปปง.จำเป็นต้องสร้างภาพความเด็ดขาด และจำเป็นที่จะต้องให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นเยี่ยงอย่างว่า ถ้าเป็นกรณีทุจริตคอร์รัปชั่นจะมีบทลงโทษเช่นนี้ จะได้เป็นเรื่องเข็ดหลาบสำหรับผู้ที่จะกระทำผิดต่อไปในอนาคต วันนี้เลยอยากจะถามไปถึงนายกรัฐมนตรีว่าภายใต้ 2 ปีที่ผ่านมา เรื่องนี้ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้น ยังไม่มีความคืบหน้าในการที่จะตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ได้จากการซื้อที่จะโอนไปสู่บัญชีไหน อย่างไร ทั้ง ๆ ที่จำเลยในคดีนี้มีทรัพย์สินมากมายมหาศาล ที่สำคัญในขณะนี้ผมได้รับแจ้งในข้อมูลทางลับว่า กำลังจะมีการเตรียมจำหน่ายจ่ายโอนกิจการ ที่ดิน ทรัพย์สินบางส่วนของคดีนี้ให้ไปสู่บุคคลที่สามที่ไม่เกี่ยวข้อง ดังนั้นในวันจันทร์หน้า ท่านพีรพันธุ์ในฐานะผู้รับผิดชอบจะต้องตอบสังคมและตอบศาลให้ได้ว่า 2 ปีที่ผ่านมาและในอนาคตที่ไม่สามารถยึดทรัพย์กลับมาเป็นของราชการ ก็เท่ากับมีความเสียหายในทรัพย์สินของราชการ ท่านพีระพันธุ์จะรับผิดชอบอย่างไร และจะเหมาะสมหรือไม่ที่ท่านพีรพันธุ์จะเข้าไปสู่ตำแหน่งที่ไปดูแลกระทรวงที่ให้ความยุติธรรมกับประชาชนทั้งประเทศ วันนี้ต้องท้าพิสูจน์ว่าท่านนายกฯมีความจริงใจกับการปราบคอร์รัปชั่นแค่ไหน” นายสาธิต กล่าว
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าจะมีการแต่งตั้งให้พ.ต.อ.พีรพันธุ์เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมนั้น นายสาธิต กล่าวว่า การจะเปิดทางให้พ.ต.อ.พีรพันธุ์ไปสู่กระทรวงยุติธรรม ก็ต้องพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้ก่อนจึงจะมีความเหมาะสม
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ต.ค. 2548--จบ--
วันนี้ (18 ต.ค.48) เวลา 14.00น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนได้ทำหนังสือถึงพ.ต.อ.พีรพันธุ์ เปรมภูติ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟ้องเงิน (ปปง.) ถึงความคืบหน้าในการยึดทรัพย์ในคดีของนายสมชาย คุณปลื้ม ที่ถูกศาลพิพากษาว่าทุจริตในคดีจัดซื้อที่ดิน ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษาเรื่องนี้มา 2 ปีแล้ว และที่อ้างว่าโดยทางลับนั้น อยากจะถามว่าในช่วง 2 ปีได้ยึดทรัพย์อะไรของจำเลยในคดีนี้บ้าง และมีความคืบหน้ากับการสืบหาทรัพย์สำหรับจำเลยในคดีนี้อย่างไร เพราะเป็นที่ทราบกันว่าจำเลยในคดีนี้มีข้อมูลที่ชัดเจนว่ามีทรัพย์สินและหลักทรัพย์ โดยนายสมชายได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นเงินสดมูลค่า 7,000 ล้านบาท ดังนั้นหากคณะกรรมการปปง.เอาจริงเอาจัง เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องยาก
“นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เมื่อปี 2546 ได้ยืนยันชัดเจนว่าคดีนี้เป็นความผิดหนึ่งในมูลฐานผิดต่อหน้าที่ราชการตามกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งปปง.มีอำนาจโดยชอบธรรมตามกฎหมายในการเข้าไปตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน และปปง.มีหน้าที่เข้าไปตรวจสอบการทำธุรกรรมของสถาบันการเงิน หรือธนาคาร และรายงานเพื่อที่จะดำเนินการยึดทรัพย์เงินได้ อย่างไรก็ตามหากยังไม่มีการดำเนินการอะไร ในวันจันทร์ ที่ 24 ต.ค.ตนจะไปแจ้งความเอาผิดกับนายพีรพันธ์ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่”นายสาธิตกล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คดีของนายสมชายนั้นเป็นกรณีที่นำที่ดินในราคาไร่ละ 50,000 บาท แล้วนำมาให้กับราชการในราคาไร่ละ 700,000-800,000 บาท ซึ่งที่ดินดังกล่าวมีจำนวน 100 กว่าไร่ คิดเป็นมูลค่าเงินแล้วเท่ากับรัฐหรือราชการจะต้องเสียเงินซื้อที่ดินครั้งนี้ประมาณ 90 ล้านบาท และเส้นทางการเงินก็ชัดเจนว่าผู้ที่เป็นตัวแทนในการขายที่ดินให้กับเทศบาลก็คือคนสวนของนายสมชาย และสุดท้ายเม็ดเงินที่ได้รับค่าที่ดินก็ไปสู่บัญชีของจำเลยในคดีนี้ตามคำพิพากษาของศาล อย่างไรก็ตามตนก็เข้าใจว่าเลขาธิการปปง.คงลำบากใจในการดำเนินการ เพราะนายสมชายเป็นบิดาของอดีตรัฐมนตรีในพรรคไทยรักไทย แต่ก็เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่อยากจะขอท้าพิสูจน์กับนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีได้ประกาศกับประชาชนว่าจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ดังนั้นหากนายกรัฐมนตรีคิดว่ามีความจริงใจต่อการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ก็เห็นว่ากรณีนี้ชัดเจนที่สุดที่จะนำเงินกลับมาคืนให้กับประชาชน
“ที่ระบุว่าเป็นความลับของคดี น่าจะเป็นเรื่องโกหก เพราะหากเทียบกับกรณีที่ปปง.ดำเนินการยึดทรัพย์ของอดีตอธิบดีกรมเจ้าท่ายังยึดโดยเปิดเผยต่อสื่อมวลชน ผมว่าปปง.จำเป็นต้องสร้างภาพความเด็ดขาด และจำเป็นที่จะต้องให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นเยี่ยงอย่างว่า ถ้าเป็นกรณีทุจริตคอร์รัปชั่นจะมีบทลงโทษเช่นนี้ จะได้เป็นเรื่องเข็ดหลาบสำหรับผู้ที่จะกระทำผิดต่อไปในอนาคต วันนี้เลยอยากจะถามไปถึงนายกรัฐมนตรีว่าภายใต้ 2 ปีที่ผ่านมา เรื่องนี้ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้น ยังไม่มีความคืบหน้าในการที่จะตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ได้จากการซื้อที่จะโอนไปสู่บัญชีไหน อย่างไร ทั้ง ๆ ที่จำเลยในคดีนี้มีทรัพย์สินมากมายมหาศาล ที่สำคัญในขณะนี้ผมได้รับแจ้งในข้อมูลทางลับว่า กำลังจะมีการเตรียมจำหน่ายจ่ายโอนกิจการ ที่ดิน ทรัพย์สินบางส่วนของคดีนี้ให้ไปสู่บุคคลที่สามที่ไม่เกี่ยวข้อง ดังนั้นในวันจันทร์หน้า ท่านพีรพันธุ์ในฐานะผู้รับผิดชอบจะต้องตอบสังคมและตอบศาลให้ได้ว่า 2 ปีที่ผ่านมาและในอนาคตที่ไม่สามารถยึดทรัพย์กลับมาเป็นของราชการ ก็เท่ากับมีความเสียหายในทรัพย์สินของราชการ ท่านพีระพันธุ์จะรับผิดชอบอย่างไร และจะเหมาะสมหรือไม่ที่ท่านพีรพันธุ์จะเข้าไปสู่ตำแหน่งที่ไปดูแลกระทรวงที่ให้ความยุติธรรมกับประชาชนทั้งประเทศ วันนี้ต้องท้าพิสูจน์ว่าท่านนายกฯมีความจริงใจกับการปราบคอร์รัปชั่นแค่ไหน” นายสาธิต กล่าว
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าจะมีการแต่งตั้งให้พ.ต.อ.พีรพันธุ์เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมนั้น นายสาธิต กล่าวว่า การจะเปิดทางให้พ.ต.อ.พีรพันธุ์ไปสู่กระทรวงยุติธรรม ก็ต้องพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้ก่อนจึงจะมีความเหมาะสม
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ต.ค. 2548--จบ--