กรมการประกันภัย จัดประชุม ผู้บริหารบริษัทประกันวินาศภัย และสมาคมประกันวินาศภัย กำหนด "แนวนโยบายพัฒนาส่งเสริมธุรกิจประกันวินาศภัย"

          รมว. พาณิชย์ เป็นประธานมอบแนวนโยบายส่งเสริมพัฒนาธุรกิจประกันวินาศภัย เน้นเสริมสร้างประสิทธิภาพและมาตรฐานระบบประกันภัยให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้ประเทศไทยมีศักยภาพและขีดความสามารถพร้อมแข่งขัน 
          กรมการประกันภัย จัดประชุมระหว่างผู้บริหารระดับสูงของบริษัทประกันวินาศภัย ทั้ง 76 บริษัท นายกสมาคมและกรรมการบริหารสมาคมประกันวินาศภัย และผู้บริหารของกรมการประกันภัย หารือแนวนโยบายในการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจประกันวินาศภัยในวันที่ 17 มิถุนายน 2548 ณ ห้องประชุมกรมการประกันภัย ชั้น 9 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุม
          ภายหลังการประชุมหารือ นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย ว่า ตนในฐานะรัฐมนตรีที่รับผิดชอบกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยได้มอบนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ต่อที่ประชุมในเรื่องสำคัญๆ 4 ประการดังนี้ 
          1) การเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการเงิน เพิ่มขีดความสามารถให้พร้อมรับการ แข่งขัน ธุรกิจประกันภัยถือเป็นสถาบันการเงินประเภทหนึ่ง ความเข้มแข็งทางการเงินของ บริษัทฯ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อธุรกิจ บริษัทประกันวินาศภัย จึงต้องปรับปรุงฐานะการเงินให้เข้มแข็งมั่นคง และเพิ่มขีดความสามารถในการรับเสี่ยงภัย ไว้เอง ลดการเอาประกันภัยต่อกับบริษัทประกันภัยต่างประเทศ การยกระดับธรรมาภิบาลของธุรกิจประกันภัยไทยสู่มาตรฐานสากล แนวโน้มในอนาคตจะมีการผลักดันเพื่อให้มีการบังคับใช้มาตรการการกำกับดูแลสถาบันการเงินและธุรกิจเอกชนที่เป็นมาตรฐานสากล ที่มีความ เข้มงวดมีธรรมาภิบาล และมีความโปร่งใสมากขึ้น ภาคธุรกิจของไทย ต้องเตรียมความพร้อมให้สอดคล้องกับมาตรฐานใหม่ ๆ พร้อมรับการแข่งขันกับต่างประเทศ รวมทั้งการพัฒนาการให้บริการของธุรกิจ การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัย และผู้รับประโยชน์ให้ได้รับการบริการที่ รวดเร็ว ถูกต้อง ครบถ้วน 
          2) ธุรกิจประกันวินาศภัยกับการสนับสนุนโครงการ SPV ของรัฐบาล การนำ ระบบการประกันภัยมาสนับสนุนโครงการ SPV ของรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมาย ให้กรมการประกันภัยประสานกับสมาคมประกันวินาศภัย ศึกษาและจัดเตรียมระบบประกันความเสี่ยงภัย ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานได้ร่วมกันร่างกรมธรรม์ประกันภัยเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาค่าเบี้ยประกันภัยและจัดหาบริษัทประกันภัยข้าร่วมโครงการ 
          3) ธุรกิจประกันวินาศภัยกับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ (Logistic) ของประเทศ ตามนโยบายการเปิดเสรีการค้ากับประเทศคู่ค้า การขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน จึงควรผลักดันนโยบายให้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคอินโดจีน ทั้งนี้การจัดการระบบโลจิสติกส์ที่ดีจะทำให้เกิดความได้เปรียบเชิงต้นทุน การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการธุรกิจประกันวินาศภัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบโลจิสติกส์อย่างมากตั้งแต่กระบวนการผลิตสินค้าจนกระทั่งการขนส่งสินค้าและเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ การส่งเสริมพัฒนาบริษัทประกันวินาศภัยซึ่งเป็นผู้ให้บริการประเภทหนึ่งให้มีมาตรฐานที่ดีมีศักยภาพและขีดความสามารถในการให้บริการจึงเป็นกลยุทธ์หลักที่สำคัญ 
          4) ธุรกิจประกันภัยกับการเตรียมความพร้อมของสังคมไทยซึ่งมีแนวโน้มเข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุมากขึ้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรในอนาคต เนื่องจากคนไทยมีอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นจากเฉลี่ย 61.1 ปีในปี 2524 เป็น 73.7 ปี ในปี2544 นั้น ได้ส่งผลกระทบต่อกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ดังนั้นเพื่อรองรับโครงสร้างประชากรที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะ 4 ปี (2548-2551) ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อ 11 มกราคม 2548 ที่ผ่านมา จึงได้กำหนดแนวทางการเตรียมความพร้อม โดยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย คือ การส่งเสริมการออมและหลักประกันด้านรายได้ด้วยระบบการประกันชีวิตและการประกันสุขภาพ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีหลักประกันด้านรายได้และสุขภาพที่ดีหลังเกษียณอายุ 
          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจประกันวินาศภัย จะมีบทบาทอย่างมากต่อการผลักดันยุทธศาสตร์ของรัฐบาลให้ประสบความสำเร็จ กระทรวงพาณิชย์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือจากภาคธุรกิจรวมถึงกรมการประกันภัยที่จะร่วมมือกันเสริมสร้างประสิทธิภาพและมาตรฐานระบบประกันภัยของประเทศให้มีคุณภาพที่ดีตามมาตรฐานสากล 
          ที่มา: http://www.doi.go.th