แท็ก
ชวน หลีกภัย
"ชวน หลีกภัย" ระบุ คนที่พูดจนบ้านเมืองเสียหายคือ รบ.เอง ดังนั้นแทนที่คอยจับผิดคนอื่น ก็ควรทำหน้าที่ให้ดี แนะ ถ้าซื่อสัตย์ก็ไม่เห็นต้องกลัวการตรวจสอบ ย้อนนายกฯกล่าวหาฝ่ายอื่นด้วยถ้อยคำรุนแรง คนอื่นก็มีสิทธิตอบโต้ด้วยถ้อยคำรุนแรงได้เช่นกัน พร้อมถามกลับ พวกท่านไม่ได้มาเพราะฝนตกขี้หมูไหลหรอกหรือ?
วันนี้(5 ก.ค.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ที่พรรคประชาธิปัตย์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นพวกฝนตกขี้หมูไหลว่า ตนคิดว่าการพูดเรื่อง “ใครว่าคนรวยไม่โกง” คงไปกระทบความรู้สึกของนายกฯ อาจจะเป็นเพราะว่าท่านอยู่ในกลุ่มรวยแล้วโกงหรือเปล่า ไม่รู้ แต่การที่ฝ่ายค้านออกมาทำหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งการตรวจสอบของฝ่ายค้านก็ต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ตนเห็นว่าปัจจุบันคนที่พูดมากที่สุด พูดจนบ้านเมืองเสียหายคือรัฐบาลเอง เพราะฉะนั้นแทนที่จะคอยจับผิดคนอื่น ก็ควรจะทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายให้ดี ถ้าเป็นฝ่ายค้านแล้วไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบ แล้วจะเข้ามาทำไม ในทางกลับกันถ้ารัฐบาลซื่อสัตย์สุจริตก็ไม่เห็นมีอะไรน่าห่วง ใครจะตรวจสอบอย่างไรก็ทำอะไรไม่ได้
“คำว่าฝนตกขี้หมูไหล ผมคิดว่ามันไม่รู้ตกที่ไหน และไม่รู้ว่าไหลไปอยู่ที่ไหน ฝนก็ตกทุกปี แต่ 4 ปีเศษที่ผ่านมามันก็ผิดปกติหน่อยอย่างที่เราเห็นกันอยู่ ถ้าเราทุกฝ่ายเคารพหน้าที่ซึ่งกันและกัน ปัญหามันไม่ค่อยมีหรอก รัฐบาลมีหน้าที่บริหาร ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบ การพูดก็เป็นหน้าที่หนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่าเราจะพูดอะไรก็ได้ เราต้องพูดบนพื้นฐานของความเป็นจริง เพราะฉะนั้นการกล่าวหาฝ่ายอื่นด้วยถ้อยคำรุนแรง คนอื่นเขาก็มีสิทธิตอบโต้ด้วยถ้อยคำรุนแรงได้เหมือนกัน ฝนตกขี้หมูไหลก็มีเจตนาที่จะว่าคนอื่นเขา ซึ่งสิ่งนี้ไม่ควรพูด แต่เมื่อพูดไปแล้วก็ต้องย้อนกลับไปว่า แล้วกลุ่มพวกท่านเองล่ะ ไม่ได้มาเพราะฝนตกขี้หมูไหลหรอกหรือ” นายชวนกล่าว
ส่วนกรณีที่นายกฯเกรงว่ามีคนจ้องจะล้มรัฐบาล นายชวนกล่าวว่า “ใครจะไปวางแผนล้มอะไร คนที่คุมอำนาจกำลังตำรวจ ทหาร ก็รัฐบาล สภาเสียงข้างมากก็รัฐบาล สื่อมวลชนก็ของรัฐบาล ซ้ำยังควบคุมแทรกแซงองค์กรอิสระ แล้วจะมีอะไรที่คนอื่นทำได้ นอกจากเอาความจริงมาเปิดเผยเท่านั้นเอง วันนี้ผมไม่คิดว่าใครจะไปทำอะไรที่ผิดทำนองครองธรรมหรือไปล้มรัฐบาลนี้ได้ เพราะรัฐบาลคุมอำนาจไว้ทั้งหมด ผมก็มองไม่ออกว่าใครที่จะวางแผนล้มรัฐบาล” นายชวนกล่าวและว่า นายกฯจะมีปัญหาทุกครั้งเวลากลัว จึงหลีกเลี่ยงด้วยการว่าคนอื่นด้วยรูปแบบต่างๆ เมื่อนายกฯตอบคำถามอะไรไม่ได้ก็บอกว่าไปทำงานให้บ้านเมืองดีกว่า หรือบอกว่าอีกฝ่ายดีแต่พูด เขาเป็นฝ่ายทำงาน ตนเห็นนายกฯพูดอยู่อย่างนี้ แต่คนที่พูดมากที่สุดคือนายกฯเอง พูดจนบ้านเมืองเกือบพังก็ท่านนั่นเอง
นายชวนกล่าวต่อว่า อย่างการทำงานในสภา เวลามีปัญหาก็หนีสภา เพราะมีเสียงข้างมาก เราจึงเห็นว่านายกฯชอบพูดนอกสภา ในสภาไม่ค่อยกล้า เพราะอีกฝ่ายเขานั่งอยู่สามารถตอบโต้ได้ แต่ถ้าพูดข้างเดียวในวันเสาร์ วิจารณ์คนอื่น อย่างนี้เก่ง เก่งในเรื่องลับหลังคนอื่น แต่เวลาต่อหน้าไม่ค่อยจะกล้าเผชิญหน้ากัน แต่ถ้ายอมรับกติกา ไม่จำเป็นต้องรับฟังก็ได้ แต่ต้อง ยอมรับว่าคนอื่นเขาก็มีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ ถ้ายอมรับกติกาแบบนี้ได้ ระบบประชาธิปไตยก็จะดำเนินต่อไปได้
เมื่อถามว่าอะไรคือสัญญาณที่ทำให้นายกฯเกิดความกลัวว่ารัฐบาลของตัวเองจะล้มจนต้องออกอาการเกรี้ยวกราดเช่นนี้ นายชวนกล่าวว่า ตนคิดว่าเขาคิดว่าเขาคุมสื่อ คุมการพิพากษ์วิจารณ์ได้หมด ซึ่งตนคิดว่ารัฐบาลคุมสื่อโทรทัศน์และวิทยุได้ 99% ก็เลยทำให้พวกนี้ย่ามใจทำอะไรโดยไม่เกรงใจประชาชน เพราะคิดว่าคุมสื่อได้ ไม่มีใครไปขยายผล แต่ยังคุมสื่อหนังสือพิมพ์ได้ยาก ดังนั้นพอมีใครเขียนหรือวิจารณ์อะไรกระทบถึงพวกท่าน ท่านก็ไม่พอใจ เลยไปกล่าวหาว่ามีคนวางแผนจ้องจะล้มรัฐบาล
ส่วนกรณีที่สมาชิกของพรรคไทยรักไทยบางคนได้กล่าววิจารณ์ไปถึงสมัยที่ตนเป็นรัฐบาล ก็ขอชี้แจงว่า รัฐบาลประชาธิปัตย์คือรัฐบาลที่เข้ามาแก้วิกฤติ ไม่ใช่ชนะเลือกตั้งแล้วเข้ามา แต่เข้ามาเนื่องจากรัฐบาลในขณะนั้นที่มี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นรัฐมนตรีอยู่ด้วยได้ก่อวิกฤติขึ้น จนไม่สามารถบริหารประเทศต่อได้ จึงลาออก ประชาธิปัตย์จึงเข้ามาบริหารและแก้ปัญหาจนทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นวิกฤติไปได้ และรัฐบาลนี้จึงเข้ามาทำงานต่อ ซึ่งตนคิดว่าถ้าไม่มีรัฐบาลประชาธิปัตย์เข้ามาแก้วิกฤติในครั้งนั้น บ้านเมืองก็คงไม่อยู่ในสภาพที่รัฐบาลต่อมาทำอะไรได้ เพราะในขณะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็อ่อนแอไปหมด แต่อาศัยแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาของรัฐบาลประชาธิปัตย์ จึงทำให้บ้านเมืองสามารถผ่านพ้นวิกฤติ “ตอนที่เราเข้ามารัฐบาลก่อนก็บอกว่าเศรษฐกิจประเทศไทยเหมือนคนไข้ที่ตายแน่นอนแล้ว แต่เราเข้ามาทำที่เขาคิดว่าตายแน่นอนแล้ว ให้ไม่ตาย รอดชีวิตมาได้ และบริหารต่อมาถึงวันนี้ เพราะฉะนั้นถ้าเราเคารพความเป็นจริงกัน และอย่าบิดเบือน ประชาชนก็จะรู้ว่าความจริงของบ้านเมืองคืออะไร” นายชวนกล่าว
นายชวนยังกล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เชื่อวิถีทางอื่นนอกจากวิถีประชาธิปไตย เราถึงเรียกร้องว่าเมื่อเราเคารพประชาธิปไตย เราจะทำอย่างไรให้ประชาธิปไตยเป็นไปโดยถูกต้องชอบธรรม เช่น สกัดการโกงเลือกตั้ง การซื้อเสียง นี่คือแนวที่ประชาธิปัตย์พยายามรณรงค์ต่อต้านมาโดยตลอด ถึงแม้ในที่สุดมันจะรุนแรงมากขึ้นก็ตาม อีกทั้งมีการใช้ข้าราชการเป็นเครื่องมือมากขึ้น “4 ปีที่ผ่านมาปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นมาก ซึ่งทั้งหมดมาจากการที่เราปล่อยให้การเมืองซื้อเสียง โกงเลือกตั้ง ผู้ชนะจะมาจากวิธีไหนก็ได้ ขอให้ชนะ คนจึงดิ้นรนหาเงิน เพื่อเอาไปซื้อเสียงต่อ เวลาพูดอย่างนี้ก็หาว่าแผ่นเสียงตกร่อง แต่ความจริงพฤติกรรมการซื้อเสียงมันซ้ำซาก จำเจ และช่วงที่ผ่านมาก็ต้องถือว่ารุนแรงกว่าทุกสมัย รัฐบาลกินเล็กกินน้อย กินทุกเรื่อง กินแม้กระทั่งโครงการตามพระราชดำริ ถ้าทำอย่างนี้วันหนึ่งคนก็ต้องรู้” นายชวนกล่าว
นายชวนยังกล่าวถึงปัญหาราคาน้ำมันว่า ปัญหาน้ำมันไม่ใช่ปัญหาที่รัฐบาลก่อขึ้น แต่รัฐบาลประเมินผิดพลาด เพราะฉะนั้นจึงย่ามใจ ปล่อยปละละเลย และสนับสนุนให้คนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย จึงทำให้มันบานปลาย ถ้าไม่ผิดพลาดตั้งแต่วันแรก ก็จะไม่ประมาท ปล่อยให้มีการใช้จ่าย หรือมีการใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือย ซึ่งเป็นแนวที่นักธุรกิจการเมืองชอบ เพราะในที่สุดประโยชน์ก็ได้กับพวกเขาเอง แต่มันกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ นายชวน หลีกภัย ยังกล่าวย้ำถึงสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า น่าห่วงมาก เพราะอันตรายมากกับทุกคนไม่มีข้อยกเว้นไม่ว่าจะคนพุทธ มุสลิม ทหาร ประชาชน คนบริสุทธิ์ ไม่มีใครวางใจได้ว่าตัวเองจะปลอดภัย ดังนั้นต้องเตือนทุกฝ่ายต้องระมัดระวังด้วยตัวเองด้วยอย่าหวังกำลังเจ้าหน้าที่อย่างเดียว เมื่อถามว่า สถานการณ์จะบานปลายจนถึงขั้นมีการสู้รบกันเองในพื้นที่หรือไม่ นายชวน กล่าวต่อว่า วันนี้ความรู้สึกระหว่างประชาชนพุทธ กับมุสลิม ไม่เคยปรากฏมาก่อน ความรู้สึกที่เป็นปฏิปักษ์มากขึ้น แต่ที่หวั่นเกรงคือกระแสภายนอกเข้ามา เพราะถ้าทำอะไรที่ผิดแนวทางจะกลายเป็นเงื่อนไข เหมือนกรณีเหตุการณ์ตากใบกลายเป็นเงื่อนไขให้มีการหยิบยกไปอ้างได้ตลอดเวลา ส่วนตัวคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารในพื้นที่ไม่ได้มีปัญหาทั้งหมด แต่ต้องพูดตรงๆว่าตนเห็นใจคนที่ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 ก.ค. 2548--จบ--
วันนี้(5 ก.ค.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ที่พรรคประชาธิปัตย์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นพวกฝนตกขี้หมูไหลว่า ตนคิดว่าการพูดเรื่อง “ใครว่าคนรวยไม่โกง” คงไปกระทบความรู้สึกของนายกฯ อาจจะเป็นเพราะว่าท่านอยู่ในกลุ่มรวยแล้วโกงหรือเปล่า ไม่รู้ แต่การที่ฝ่ายค้านออกมาทำหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งการตรวจสอบของฝ่ายค้านก็ต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ตนเห็นว่าปัจจุบันคนที่พูดมากที่สุด พูดจนบ้านเมืองเสียหายคือรัฐบาลเอง เพราะฉะนั้นแทนที่จะคอยจับผิดคนอื่น ก็ควรจะทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายให้ดี ถ้าเป็นฝ่ายค้านแล้วไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบ แล้วจะเข้ามาทำไม ในทางกลับกันถ้ารัฐบาลซื่อสัตย์สุจริตก็ไม่เห็นมีอะไรน่าห่วง ใครจะตรวจสอบอย่างไรก็ทำอะไรไม่ได้
“คำว่าฝนตกขี้หมูไหล ผมคิดว่ามันไม่รู้ตกที่ไหน และไม่รู้ว่าไหลไปอยู่ที่ไหน ฝนก็ตกทุกปี แต่ 4 ปีเศษที่ผ่านมามันก็ผิดปกติหน่อยอย่างที่เราเห็นกันอยู่ ถ้าเราทุกฝ่ายเคารพหน้าที่ซึ่งกันและกัน ปัญหามันไม่ค่อยมีหรอก รัฐบาลมีหน้าที่บริหาร ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบ การพูดก็เป็นหน้าที่หนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่าเราจะพูดอะไรก็ได้ เราต้องพูดบนพื้นฐานของความเป็นจริง เพราะฉะนั้นการกล่าวหาฝ่ายอื่นด้วยถ้อยคำรุนแรง คนอื่นเขาก็มีสิทธิตอบโต้ด้วยถ้อยคำรุนแรงได้เหมือนกัน ฝนตกขี้หมูไหลก็มีเจตนาที่จะว่าคนอื่นเขา ซึ่งสิ่งนี้ไม่ควรพูด แต่เมื่อพูดไปแล้วก็ต้องย้อนกลับไปว่า แล้วกลุ่มพวกท่านเองล่ะ ไม่ได้มาเพราะฝนตกขี้หมูไหลหรอกหรือ” นายชวนกล่าว
ส่วนกรณีที่นายกฯเกรงว่ามีคนจ้องจะล้มรัฐบาล นายชวนกล่าวว่า “ใครจะไปวางแผนล้มอะไร คนที่คุมอำนาจกำลังตำรวจ ทหาร ก็รัฐบาล สภาเสียงข้างมากก็รัฐบาล สื่อมวลชนก็ของรัฐบาล ซ้ำยังควบคุมแทรกแซงองค์กรอิสระ แล้วจะมีอะไรที่คนอื่นทำได้ นอกจากเอาความจริงมาเปิดเผยเท่านั้นเอง วันนี้ผมไม่คิดว่าใครจะไปทำอะไรที่ผิดทำนองครองธรรมหรือไปล้มรัฐบาลนี้ได้ เพราะรัฐบาลคุมอำนาจไว้ทั้งหมด ผมก็มองไม่ออกว่าใครที่จะวางแผนล้มรัฐบาล” นายชวนกล่าวและว่า นายกฯจะมีปัญหาทุกครั้งเวลากลัว จึงหลีกเลี่ยงด้วยการว่าคนอื่นด้วยรูปแบบต่างๆ เมื่อนายกฯตอบคำถามอะไรไม่ได้ก็บอกว่าไปทำงานให้บ้านเมืองดีกว่า หรือบอกว่าอีกฝ่ายดีแต่พูด เขาเป็นฝ่ายทำงาน ตนเห็นนายกฯพูดอยู่อย่างนี้ แต่คนที่พูดมากที่สุดคือนายกฯเอง พูดจนบ้านเมืองเกือบพังก็ท่านนั่นเอง
นายชวนกล่าวต่อว่า อย่างการทำงานในสภา เวลามีปัญหาก็หนีสภา เพราะมีเสียงข้างมาก เราจึงเห็นว่านายกฯชอบพูดนอกสภา ในสภาไม่ค่อยกล้า เพราะอีกฝ่ายเขานั่งอยู่สามารถตอบโต้ได้ แต่ถ้าพูดข้างเดียวในวันเสาร์ วิจารณ์คนอื่น อย่างนี้เก่ง เก่งในเรื่องลับหลังคนอื่น แต่เวลาต่อหน้าไม่ค่อยจะกล้าเผชิญหน้ากัน แต่ถ้ายอมรับกติกา ไม่จำเป็นต้องรับฟังก็ได้ แต่ต้อง ยอมรับว่าคนอื่นเขาก็มีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ ถ้ายอมรับกติกาแบบนี้ได้ ระบบประชาธิปไตยก็จะดำเนินต่อไปได้
เมื่อถามว่าอะไรคือสัญญาณที่ทำให้นายกฯเกิดความกลัวว่ารัฐบาลของตัวเองจะล้มจนต้องออกอาการเกรี้ยวกราดเช่นนี้ นายชวนกล่าวว่า ตนคิดว่าเขาคิดว่าเขาคุมสื่อ คุมการพิพากษ์วิจารณ์ได้หมด ซึ่งตนคิดว่ารัฐบาลคุมสื่อโทรทัศน์และวิทยุได้ 99% ก็เลยทำให้พวกนี้ย่ามใจทำอะไรโดยไม่เกรงใจประชาชน เพราะคิดว่าคุมสื่อได้ ไม่มีใครไปขยายผล แต่ยังคุมสื่อหนังสือพิมพ์ได้ยาก ดังนั้นพอมีใครเขียนหรือวิจารณ์อะไรกระทบถึงพวกท่าน ท่านก็ไม่พอใจ เลยไปกล่าวหาว่ามีคนวางแผนจ้องจะล้มรัฐบาล
ส่วนกรณีที่สมาชิกของพรรคไทยรักไทยบางคนได้กล่าววิจารณ์ไปถึงสมัยที่ตนเป็นรัฐบาล ก็ขอชี้แจงว่า รัฐบาลประชาธิปัตย์คือรัฐบาลที่เข้ามาแก้วิกฤติ ไม่ใช่ชนะเลือกตั้งแล้วเข้ามา แต่เข้ามาเนื่องจากรัฐบาลในขณะนั้นที่มี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นรัฐมนตรีอยู่ด้วยได้ก่อวิกฤติขึ้น จนไม่สามารถบริหารประเทศต่อได้ จึงลาออก ประชาธิปัตย์จึงเข้ามาบริหารและแก้ปัญหาจนทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นวิกฤติไปได้ และรัฐบาลนี้จึงเข้ามาทำงานต่อ ซึ่งตนคิดว่าถ้าไม่มีรัฐบาลประชาธิปัตย์เข้ามาแก้วิกฤติในครั้งนั้น บ้านเมืองก็คงไม่อยู่ในสภาพที่รัฐบาลต่อมาทำอะไรได้ เพราะในขณะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็อ่อนแอไปหมด แต่อาศัยแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาของรัฐบาลประชาธิปัตย์ จึงทำให้บ้านเมืองสามารถผ่านพ้นวิกฤติ “ตอนที่เราเข้ามารัฐบาลก่อนก็บอกว่าเศรษฐกิจประเทศไทยเหมือนคนไข้ที่ตายแน่นอนแล้ว แต่เราเข้ามาทำที่เขาคิดว่าตายแน่นอนแล้ว ให้ไม่ตาย รอดชีวิตมาได้ และบริหารต่อมาถึงวันนี้ เพราะฉะนั้นถ้าเราเคารพความเป็นจริงกัน และอย่าบิดเบือน ประชาชนก็จะรู้ว่าความจริงของบ้านเมืองคืออะไร” นายชวนกล่าว
นายชวนยังกล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เชื่อวิถีทางอื่นนอกจากวิถีประชาธิปไตย เราถึงเรียกร้องว่าเมื่อเราเคารพประชาธิปไตย เราจะทำอย่างไรให้ประชาธิปไตยเป็นไปโดยถูกต้องชอบธรรม เช่น สกัดการโกงเลือกตั้ง การซื้อเสียง นี่คือแนวที่ประชาธิปัตย์พยายามรณรงค์ต่อต้านมาโดยตลอด ถึงแม้ในที่สุดมันจะรุนแรงมากขึ้นก็ตาม อีกทั้งมีการใช้ข้าราชการเป็นเครื่องมือมากขึ้น “4 ปีที่ผ่านมาปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นมาก ซึ่งทั้งหมดมาจากการที่เราปล่อยให้การเมืองซื้อเสียง โกงเลือกตั้ง ผู้ชนะจะมาจากวิธีไหนก็ได้ ขอให้ชนะ คนจึงดิ้นรนหาเงิน เพื่อเอาไปซื้อเสียงต่อ เวลาพูดอย่างนี้ก็หาว่าแผ่นเสียงตกร่อง แต่ความจริงพฤติกรรมการซื้อเสียงมันซ้ำซาก จำเจ และช่วงที่ผ่านมาก็ต้องถือว่ารุนแรงกว่าทุกสมัย รัฐบาลกินเล็กกินน้อย กินทุกเรื่อง กินแม้กระทั่งโครงการตามพระราชดำริ ถ้าทำอย่างนี้วันหนึ่งคนก็ต้องรู้” นายชวนกล่าว
นายชวนยังกล่าวถึงปัญหาราคาน้ำมันว่า ปัญหาน้ำมันไม่ใช่ปัญหาที่รัฐบาลก่อขึ้น แต่รัฐบาลประเมินผิดพลาด เพราะฉะนั้นจึงย่ามใจ ปล่อยปละละเลย และสนับสนุนให้คนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย จึงทำให้มันบานปลาย ถ้าไม่ผิดพลาดตั้งแต่วันแรก ก็จะไม่ประมาท ปล่อยให้มีการใช้จ่าย หรือมีการใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือย ซึ่งเป็นแนวที่นักธุรกิจการเมืองชอบ เพราะในที่สุดประโยชน์ก็ได้กับพวกเขาเอง แต่มันกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ นายชวน หลีกภัย ยังกล่าวย้ำถึงสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า น่าห่วงมาก เพราะอันตรายมากกับทุกคนไม่มีข้อยกเว้นไม่ว่าจะคนพุทธ มุสลิม ทหาร ประชาชน คนบริสุทธิ์ ไม่มีใครวางใจได้ว่าตัวเองจะปลอดภัย ดังนั้นต้องเตือนทุกฝ่ายต้องระมัดระวังด้วยตัวเองด้วยอย่าหวังกำลังเจ้าหน้าที่อย่างเดียว เมื่อถามว่า สถานการณ์จะบานปลายจนถึงขั้นมีการสู้รบกันเองในพื้นที่หรือไม่ นายชวน กล่าวต่อว่า วันนี้ความรู้สึกระหว่างประชาชนพุทธ กับมุสลิม ไม่เคยปรากฏมาก่อน ความรู้สึกที่เป็นปฏิปักษ์มากขึ้น แต่ที่หวั่นเกรงคือกระแสภายนอกเข้ามา เพราะถ้าทำอะไรที่ผิดแนวทางจะกลายเป็นเงื่อนไข เหมือนกรณีเหตุการณ์ตากใบกลายเป็นเงื่อนไขให้มีการหยิบยกไปอ้างได้ตลอดเวลา ส่วนตัวคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารในพื้นที่ไม่ได้มีปัญหาทั้งหมด แต่ต้องพูดตรงๆว่าตนเห็นใจคนที่ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 ก.ค. 2548--จบ--