เศรษฐกิจภาคใต้เดือนมกราคม 2548 ชะลอตัวลงจากการที่รายได้เกษตรกรลดลงตามการลดลงของราคาพืชผลหลัก แม้ว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้นก็ตาม ขณะเดียวกันการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบเชิงลบจากธรณีพิบัติภัย ซึ่งเกิดขึ้นในแหล่งท่องเที่ยวฝั่งอันดามันในระยะเวลาที่เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวประจำปี และเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังคงมีผลกระทบต่อเนื่องอย่างไรก็ดี การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวตามปริมาณวัตุดิบและความต้องการของตลาด นอกจากนี้ยังมีความต้องการจ้างงานอีกจำนวนมาก ทางด้านอุปสงค์ การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภค และการลงทุนภาคเอกชนชะลอลง จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐเร่งตัวขึ้นและการส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปอ่อนตัวลงจากเดือนที่ผ่านมา
ภาคเกษตร
รายได้เกษตรกรจากการจำหน่ายพืชผลหลักลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.7 ตามราคาพืชผลหลักที่ลดลงร้อยละ 6.6 ซึ่งลดลงตามราคายางพาราและปาล์มน้ำมันเป็นสำคัญ ขณะที่ผลผลิตพืชสำคัญเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.2
ทางด้านการทำประมงทะเลซบเซา ผลกระทบจากน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาสูงและการทำประมงทะเลฝั่งอ่าวไทยเป้นฤดูมรสุม อย่างไรก็ตาม การทำประมงทางฝั่งอันดามันดีขึ้น แม้ว่าจะประสบธรณีพิบัติภัยก็ตาม เนื่องจากเรือประมงขนาดใหญ่ในจังหวัดระนอง ตรังและสตูล สามารถทำประมงทะเลได้ตามปกติและมีสัตว์น้ำจำนวนมากจากการเกิด ภาวะเอลนีโญ ส่วนการเพาะเลี้ยงกุ้งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคและการขาดแคลนลูกพันธุ์กุ้ง
ภาคอุตสาหกรรม
การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวตามปริมาณวัตถุดิบและความต้องการจากต่างประเทศโดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มยางพารา และน้ำมันปาล์มดิบ ขณะที่อาหารบรรจุกระป๋องลดลง ส่วนสัตว์น้ำแปรรูปและแช่แข็งทรงตัว ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการส่งออกได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่ขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับค่าเงินรูเปียะของอินโดนีเซีย มาตรการภาษีเอดียังไม่มีข้อยุติที่ชัดเจน และการขาดแคลนวัตถุดิบ รวมทั้งแรงงาน
ภาคบริการท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากธรณีพิบัติ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวฝั่งอันดามัน ทำให้อัตราการเข้าพักใน 3 จังหวัดฝั่งอันดามัน เดือนมกราคมนี้เหลือเพียงร้อยละ 7-15 เท่านั้น จากปกติที่มีอัตราการเข้าพักมากกว่าร้อยละ 80 ส่วนภาคใต้ตอนล่าง ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในภาคใต้เดือนมกราคมนี้ลดลงมากถึงร้อยละ 63.5 และอัตราการเข้าพักลดลงเหลือเพียงร้อยละ 47.6 เท่านั้น จากที่มีอัตราการเข้าพักร้อยละ69.7 ในเดือนมกราคมปีก่อน และร้อยละ 49.3 ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
การอุโภคบริโภค
การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนชะลอตัว เป็นผลจากการที่รายได้เกษตรกรลดลงตามการลดลงของราคาพืชผลหลัก ความกังวลต่อเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และธรณีพิบัติภัย สะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ลดลง และการค้ารถจักยานยนต์ซบเซา
การลงทุนภาคเอกชน
การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวตามสัญญาณการปรับตัวสูงขึ้นของต้นทุน อาทิ อัตราดอกเบี้ยและน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งผลกระทบจากเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และธรณีพิบัติภัย อย่างไรก็ตาม การอนุมัติส่งเสริมการลงทุนเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนขยายตัวมาก และเป็นโครงการที่ใช้วัตถุดิบที่มีในพื้นที่เป็นหลัก ขณะที่การจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคลใหม่ และเพิ่มทุน ยังคงเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์
การจ้างงาน
ความต้องการจ้างงานในภาคใต้ยังมีจำนวนมาก ทั้งในจังหวัดที่ประสบธรณีพิบัติภัยและไม่ประสบธรณีพิบัติภัย ทำให้มีการจัดงานนัดพบแรงงานในหลายจังหวัด ทั้งนี้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีตำแหน่งงานว่างสูงสุด รองมาได้แก่ กระบี่และภูเก็ต ซึ่งจังหวัดภูเก็ต ต้องการแรงงานภาคบริการค่อนข้างมาก
ระดับราคา
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของภาคใต้เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.5 ชะลอลง จากเดือนธันวาคม 2547 แต่สูงขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2547 ที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.3 เท่านั้น ทั้งนี้ เป็นผลจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม เป็นสำคัญ
การค้าต่างประเทศ
การค้าระหว่างประเทศในเดือนมกราคมนี้ มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 ต่อเนื่องจากเดือนก่อนตามการส่งออกยาง ไม้ยางพารา และสัตว์น้ำ ขณะที่มูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 71.4 จากการนำเข้าเครื่องจักอุปกรณ์ ทำให้ดุลการค้าเดือนนี้เกินดุลลง ส่วนมูลค่าการค้าผ่านด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนขยายตัว แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน
การคลัง
การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการต่างๆ ในภาคใต้ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 21.9 ตามการเพิ่มขึ้นของการเบิกจ่ายที่คลังจังหวัดยะลา (รวมคลังจังหวัด ณ อำเภอเบตง) เป็นสำคัญ ขณะที่จัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 25.9 เนื่องจากการจัดเก็บภาษีจากฐานการบริโภคขยายตัวดี
ภาคการเงิน
ยอดเงินฝากคงค้าง ณ สิ้นเดือนมกราคม 2548 ของสาขาธนาคารในภาคใต้ คาดว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการไถ่ถอนพันธบัตรออมทรัพย์ที่ครบกำหนดไถ่ถอน 2 รุ่น ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 จากการที่สาขาธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ต้องการขยายสินเชื่อของธุรกิจรายย่อย และในเดือนนี้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากเท่ากับร้อยละ 63.7 ใกล้เคียงกับเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่ลดลงร้อยละ 64.2 เมื่อเทียบกับในเดือนเดียวกันปีก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้--
ภาคเกษตร
รายได้เกษตรกรจากการจำหน่ายพืชผลหลักลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.7 ตามราคาพืชผลหลักที่ลดลงร้อยละ 6.6 ซึ่งลดลงตามราคายางพาราและปาล์มน้ำมันเป็นสำคัญ ขณะที่ผลผลิตพืชสำคัญเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.2
ทางด้านการทำประมงทะเลซบเซา ผลกระทบจากน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาสูงและการทำประมงทะเลฝั่งอ่าวไทยเป้นฤดูมรสุม อย่างไรก็ตาม การทำประมงทางฝั่งอันดามันดีขึ้น แม้ว่าจะประสบธรณีพิบัติภัยก็ตาม เนื่องจากเรือประมงขนาดใหญ่ในจังหวัดระนอง ตรังและสตูล สามารถทำประมงทะเลได้ตามปกติและมีสัตว์น้ำจำนวนมากจากการเกิด ภาวะเอลนีโญ ส่วนการเพาะเลี้ยงกุ้งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคและการขาดแคลนลูกพันธุ์กุ้ง
ภาคอุตสาหกรรม
การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวตามปริมาณวัตถุดิบและความต้องการจากต่างประเทศโดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มยางพารา และน้ำมันปาล์มดิบ ขณะที่อาหารบรรจุกระป๋องลดลง ส่วนสัตว์น้ำแปรรูปและแช่แข็งทรงตัว ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการส่งออกได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่ขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับค่าเงินรูเปียะของอินโดนีเซีย มาตรการภาษีเอดียังไม่มีข้อยุติที่ชัดเจน และการขาดแคลนวัตถุดิบ รวมทั้งแรงงาน
ภาคบริการท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากธรณีพิบัติ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวฝั่งอันดามัน ทำให้อัตราการเข้าพักใน 3 จังหวัดฝั่งอันดามัน เดือนมกราคมนี้เหลือเพียงร้อยละ 7-15 เท่านั้น จากปกติที่มีอัตราการเข้าพักมากกว่าร้อยละ 80 ส่วนภาคใต้ตอนล่าง ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในภาคใต้เดือนมกราคมนี้ลดลงมากถึงร้อยละ 63.5 และอัตราการเข้าพักลดลงเหลือเพียงร้อยละ 47.6 เท่านั้น จากที่มีอัตราการเข้าพักร้อยละ69.7 ในเดือนมกราคมปีก่อน และร้อยละ 49.3 ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
การอุโภคบริโภค
การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนชะลอตัว เป็นผลจากการที่รายได้เกษตรกรลดลงตามการลดลงของราคาพืชผลหลัก ความกังวลต่อเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และธรณีพิบัติภัย สะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ลดลง และการค้ารถจักยานยนต์ซบเซา
การลงทุนภาคเอกชน
การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวตามสัญญาณการปรับตัวสูงขึ้นของต้นทุน อาทิ อัตราดอกเบี้ยและน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งผลกระทบจากเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และธรณีพิบัติภัย อย่างไรก็ตาม การอนุมัติส่งเสริมการลงทุนเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนขยายตัวมาก และเป็นโครงการที่ใช้วัตถุดิบที่มีในพื้นที่เป็นหลัก ขณะที่การจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคลใหม่ และเพิ่มทุน ยังคงเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์
การจ้างงาน
ความต้องการจ้างงานในภาคใต้ยังมีจำนวนมาก ทั้งในจังหวัดที่ประสบธรณีพิบัติภัยและไม่ประสบธรณีพิบัติภัย ทำให้มีการจัดงานนัดพบแรงงานในหลายจังหวัด ทั้งนี้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีตำแหน่งงานว่างสูงสุด รองมาได้แก่ กระบี่และภูเก็ต ซึ่งจังหวัดภูเก็ต ต้องการแรงงานภาคบริการค่อนข้างมาก
ระดับราคา
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของภาคใต้เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.5 ชะลอลง จากเดือนธันวาคม 2547 แต่สูงขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2547 ที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.3 เท่านั้น ทั้งนี้ เป็นผลจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม เป็นสำคัญ
การค้าต่างประเทศ
การค้าระหว่างประเทศในเดือนมกราคมนี้ มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 ต่อเนื่องจากเดือนก่อนตามการส่งออกยาง ไม้ยางพารา และสัตว์น้ำ ขณะที่มูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 71.4 จากการนำเข้าเครื่องจักอุปกรณ์ ทำให้ดุลการค้าเดือนนี้เกินดุลลง ส่วนมูลค่าการค้าผ่านด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนขยายตัว แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน
การคลัง
การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการต่างๆ ในภาคใต้ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 21.9 ตามการเพิ่มขึ้นของการเบิกจ่ายที่คลังจังหวัดยะลา (รวมคลังจังหวัด ณ อำเภอเบตง) เป็นสำคัญ ขณะที่จัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 25.9 เนื่องจากการจัดเก็บภาษีจากฐานการบริโภคขยายตัวดี
ภาคการเงิน
ยอดเงินฝากคงค้าง ณ สิ้นเดือนมกราคม 2548 ของสาขาธนาคารในภาคใต้ คาดว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการไถ่ถอนพันธบัตรออมทรัพย์ที่ครบกำหนดไถ่ถอน 2 รุ่น ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 จากการที่สาขาธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ต้องการขยายสินเชื่อของธุรกิจรายย่อย และในเดือนนี้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากเท่ากับร้อยละ 63.7 ใกล้เคียงกับเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่ลดลงร้อยละ 64.2 เมื่อเทียบกับในเดือนเดียวกันปีก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้--