วันนี้ (12 ส.ค.2548) เวลา 10.00 น. นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ออกมายืนยันส่วนต่างราคาในการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ว่า ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบการจัดหาวัสดุอุปกรณ์กระทรวงคมนาคมของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เคยชี้แจงต่อสาธารณชนว่า ราคาเครื่องซีทีเอ็กซ์อย่างเดียวไม่รวมอุปกรณ์อื่น ราคาเครื่องละ 1.29 ล้านเหรียญสหรัฐ (51.6 ล้านบาท) ขณะที่อุปกรณ์ประกอบออปชั่นต่างๆ และอะไหล่สำรอง 2 ปี เป็นเงิน 2,026,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (81.0 ล้านบาท) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐ(1432 ล้านบาท) และเหตุที่บริษัทแพทริออตต้องบวกราคาเพิ่มจาก 1432 ล้านบาท เป็น 2,003 ล้านบาท เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ ค่าภาษี ค่าขนส่ง ค่าดำเนินการ ค่ากำไร ค่าเสี่ยง ฯลฯ และต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติมอีกประมาณ 225 ล้านบาท ที่ไม่ได้รวมอยู่ในราคา 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (1432 ล้านบาท)
นายศิริโชค ยังกล่าวด้วยว่า แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในเอกสารใบขนขนสินค้าเข้า ที่ลงนามโดยนายสมชัย สวัสดิผล และใบ Invoice (ใบแจ้งราคาสินค้า) ของบริษัทจีอีอินวิชั่น ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2548 ที่ใช้ในการสำแดงสินค้าเพื่อเสียภาษี แสดงให้เห็นว่าเครื่องซีทีเอ็กซ์อย่างเดียวไม่รวมอุปกรณ์อื่นราคา 1.007 ล้านเหรียญสหรัฐ (43.39 ล้านบาท) ไม่ใช่ราคา 1.29 ล้านเหรียญสหรัฐ (51.6 ล้านบาท) ตามที่คณะกรรมการฯ เคยชี้แจงแต่อย่างใด ทั้งนี้ราคา 1.29 ล้านเหรียญสหรัฐ (51.6 ล้านบาท) เป็นราคาที่รวมอุปกรณ์เพิ่มเติมไปแล้วบางส่วน ฉะนั้นส่วนต่างของราคาระหว่างคณะกรรมการฯ และใบแจ้งราคาสินค้าของบริษัทจีอีอินวิชั่น เป็นเงินประมาณ 283,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (11.32 ล้านบาท) ต่อเครื่อง ถ้าคิดรวม 26 เครื่องเป็นเงิน 7.36 ล้านเหรียญสหรัฐ (294.4 ล้านบาท) ซึ่งส่วนต่างของราคาตรงนี้ ถูกนำไปบันทึกซ้ำซ้อน โดยอ้างว่าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องซื้อเพิ่มเติม ทั้งๆที่รวมอยู่ในราคา 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,432 ล้านบาท) แล้ว เป็นเหตุให้กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐเชื่อว่ามีส่วนต่างของราคาเป็นเงินสินบนให้กับข้าราชการและพรรคการเมืองไทย เมื่อมีการเปิดเผยสัญญาใหม่ระหว่างบริษัทจีอีอินวิชั่นและบทม. ซึ่งบทม. ก็ทราบดีว่ามีการบันทึกราคาซ้ำซ้อน เพราะนายสมชัย สวัสดิผล เป็นผู้ลงนามในใบนำเข้าสินค้าที่ระบุราคาดังกล่าวอย่างชัดเจน
ส.ส.สงขลา กล่าวอีกว่า ในสัปดาห์หน้าจะนำเอกสารดังกล่าวไปมอบให้กับนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อนำมาชี้แจงและตอบข้อสงสัยและเรียกร้องให้ บทม.ออกมาชี้แจงส่วนต่างของราคาที่เกิดขึ้น เพราะหากยึดตามข้อมูลของคณะกรรมการฯ ก็แปลว่า บทม. สมคบกับบริษัทจีอีอินวิชั่นสำแดงราคาสินค้าที่ต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี แต่ถ้ายึดตามราคาของคณะกรรมการฯ ก็ต้องถือว่า บทม. จำนนต่อหลักฐานตามเอกสารที่แสดงต่อศุลกากรว่า มีส่วนต่างของราคาจริง และนอกจากนี้จะนำเอกสารดังกล่าวไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีต่อไป และจะขอร้องให้สำนักงานอัยการสูงสุดอาศัยอำนาจของสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ขอรายชื่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาดำเนินดคี
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ส.ค. 2548--จบ--
นายศิริโชค ยังกล่าวด้วยว่า แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในเอกสารใบขนขนสินค้าเข้า ที่ลงนามโดยนายสมชัย สวัสดิผล และใบ Invoice (ใบแจ้งราคาสินค้า) ของบริษัทจีอีอินวิชั่น ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2548 ที่ใช้ในการสำแดงสินค้าเพื่อเสียภาษี แสดงให้เห็นว่าเครื่องซีทีเอ็กซ์อย่างเดียวไม่รวมอุปกรณ์อื่นราคา 1.007 ล้านเหรียญสหรัฐ (43.39 ล้านบาท) ไม่ใช่ราคา 1.29 ล้านเหรียญสหรัฐ (51.6 ล้านบาท) ตามที่คณะกรรมการฯ เคยชี้แจงแต่อย่างใด ทั้งนี้ราคา 1.29 ล้านเหรียญสหรัฐ (51.6 ล้านบาท) เป็นราคาที่รวมอุปกรณ์เพิ่มเติมไปแล้วบางส่วน ฉะนั้นส่วนต่างของราคาระหว่างคณะกรรมการฯ และใบแจ้งราคาสินค้าของบริษัทจีอีอินวิชั่น เป็นเงินประมาณ 283,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (11.32 ล้านบาท) ต่อเครื่อง ถ้าคิดรวม 26 เครื่องเป็นเงิน 7.36 ล้านเหรียญสหรัฐ (294.4 ล้านบาท) ซึ่งส่วนต่างของราคาตรงนี้ ถูกนำไปบันทึกซ้ำซ้อน โดยอ้างว่าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องซื้อเพิ่มเติม ทั้งๆที่รวมอยู่ในราคา 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,432 ล้านบาท) แล้ว เป็นเหตุให้กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐเชื่อว่ามีส่วนต่างของราคาเป็นเงินสินบนให้กับข้าราชการและพรรคการเมืองไทย เมื่อมีการเปิดเผยสัญญาใหม่ระหว่างบริษัทจีอีอินวิชั่นและบทม. ซึ่งบทม. ก็ทราบดีว่ามีการบันทึกราคาซ้ำซ้อน เพราะนายสมชัย สวัสดิผล เป็นผู้ลงนามในใบนำเข้าสินค้าที่ระบุราคาดังกล่าวอย่างชัดเจน
ส.ส.สงขลา กล่าวอีกว่า ในสัปดาห์หน้าจะนำเอกสารดังกล่าวไปมอบให้กับนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อนำมาชี้แจงและตอบข้อสงสัยและเรียกร้องให้ บทม.ออกมาชี้แจงส่วนต่างของราคาที่เกิดขึ้น เพราะหากยึดตามข้อมูลของคณะกรรมการฯ ก็แปลว่า บทม. สมคบกับบริษัทจีอีอินวิชั่นสำแดงราคาสินค้าที่ต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี แต่ถ้ายึดตามราคาของคณะกรรมการฯ ก็ต้องถือว่า บทม. จำนนต่อหลักฐานตามเอกสารที่แสดงต่อศุลกากรว่า มีส่วนต่างของราคาจริง และนอกจากนี้จะนำเอกสารดังกล่าวไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีต่อไป และจะขอร้องให้สำนักงานอัยการสูงสุดอาศัยอำนาจของสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ขอรายชื่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาดำเนินดคี
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ส.ค. 2548--จบ--