ดร.อัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงการชะลอตัวลงของดัชนีการลงทุนภาคเอกชนในเดือนตุลาคม 2548 ว่าไม่ได้มาจากสาเหตุการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่การลดลงของดัชนีดังกล่าวชะลอตัวลงเนื่องจากปัจจัยความเชื่อมั่นของนักธุรกิจที่อาจจะชะลอการตัดสินใจเพราะไม่แน่ใจในภาวะเศรษฐกิจ ต้องพิจารณาจากปัจจัยภายนอก เช่นสถานการณ์ด้านราคาน้ำมัน รวมทั้งสถานการณ์ภายในประเทศ
ทั้งนี้ จากข้อมูลดัชนีการลงทุนภาคเอกชนในเดือนตุลาคม 2548 มีดัชนีอยู่ที่ระดับ 88.3 ลดลงมาจากเดือนกันยายน 88.7 หรือคิดเป็นการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2547 มีการขยายตัวในอัตราร้อยละ 6.7 ลดลงจากเดือนกันยายนร้อยละ 7.6 ซึ่งมีการลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับการขยายตัวในอัตราร้อยละ 11 ในไตรมาสแรกของปีนี้ และลดลงมาเหลือร้อยละ 10.6 และ ร้อยละ 7.6 ในไตรมาส 2 และ 3 ตามลำดับ
การลงทุนในระยะต่อไปของไทยจะปรับตัวดีขึ้นหากไม่มีปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงในด้านลบ โดยปัจจัยที่จะทำให้การลงทุนดีขึ้นมาจากการลงทุนที่เกี่ยวกับการก่อสร้างต่าง ๆ รวมทั้งปัจจัยด้านการส่งออกที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้การลงทุนเพิ่มขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม การลงทุนของไทยน่าจะขยายตัวได้ดีขึ้น แม้ว่าในช่วงสิ้นปีนี้การลงทุนจะชะลอลงเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย และปัจจัยด้านการเมือง เป็นต้นราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเป็นเพราะการเก็งกำไรและปัจจัยจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น เชื่อว่าต่อไปราคาน้ำมันจะลดลงซึ่งเป็นผลดีต่ออัตราเงินเฟ้อ
ประเด็นวิเคราะห์
ปัจจัยด้านการเมือง หากมีเสถียรภาพก็จะไม่ทำให้นโยบายการลงทุนเปลี่ยนไป และการลงทุนจากต่างประเทศยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น
ที่มา: http://www.depthai.go.th