ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. คณะกรรมการนโยบายการเงินคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2% ต่อปี นางอัจนา ไวความดี
ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินว่า
คณะกรรมการฯ ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (อัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืน พธบ.ระยะเวลา 14 วัน) ไว้
ในระดับเดิมคือ 2% ต่อปีต่อไป เพื่อรอดูความชัดเจน เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากภัย
ธรรมชาติ อัตราเงินเฟ้อไม่เร่งตัว รวมทั้งราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินโลกที่มีแนวโน้มผันผวน ทั้งนี้
ธปท.ได้ประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิใน 6 จังหวัดฝั่งทะเลอันดามันของไทยแล้วพบว่า เศรษฐกิจ
ไทยจะได้รับผลกระทบจากการลดลงของนักท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งเป็นฤดูกาลที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
และส่งผลต่อเนื่องให้การใช้จ่ายของภาคเอกชนลดลงด้วย สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา พบ
ว่า เศรษฐกิจยังคงขยายตัวในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ดุลบัญชีเดินสะพัดปี 47 เกินดุลและมีแนวโน้มที่จะเกินดุลต่อเนื่องในปี
นี้ อัตราเงินเฟ้อล่าสุดเดือน ธ.ค.อยู่ที่ 2.9% แม้ว่ายังอยู่ในระดับสูงแต่เริ่มมีอัตราการขยายตัวที่ชะลอลง โดยเงิน
เฟ้อพื้นฐานเดือน ธ.ค.ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.6% เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงและการแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องของ
ค่าเงินบาท เป็นตัวช่วยลดแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อ อนึ่ง ธปท.ได้ประเมินปัจจัยระยะสั้นที่อาจส่งผลกระทบต่อการ
ขยายตัวของเศรษฐกิจคือผลกระทบจากภัยธรรมชาติ สำหรับปัจจัยระยะยาวคือ ราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนซึ่ง
ยังคงมีความผันผวน (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, ข่าวสด)
2. 3 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่มีกำไรเพิ่มขึ้นในปี 47 กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.ไทยพาณิชย์ เปิด
เผยผลการดำเนินงานในปี 47 ว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิ 18,488.71 ล.บาท เพิ่มขึ้น 48.39% เมื่อเทียบกับปี 46
ซึ่งถือเป็นปีที่มีกำไรสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคาร โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการขายธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจ
หลักและบางส่วนมาจากการปรับโครงสร้างหนี้ ส่วนผลการดำเนินงานในธุรกิจหลักก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยสินเชื่อ
ขยายตัวสูงถึง 11.4% ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทในเครือเติบโตอย่างต่อเนื่อง ใน
ส่วนของกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.กรุงศรีอยุธยา เปิดเผยผลการดำเนินงานในปี 47 ว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิ
4,673 ล.บาท เพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปัน
ผลสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อน รวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในส่วนของค่าธรรมเนียมและบริการ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลง
ทุนตามวิธีส่วนได้เสีย และกำไรจากการปริวรรตเพิ่มขึ้น สำหรับกรรมการผู้จัดการ ธ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ปี 47
ธนาคารมีกำไรสุทธิ 15,340.4 ล.บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.69% (ผู้จัดการรายวัน, ไทยโพสต์)
3. ธ.ออมสินได้รับอนุมัติให้ประกอบธุรกรรมเพิ่มเติมเพื่อให้การดำเนินงานครบวงจรมากขึ้น
ผู้อำนวยการ ธ.ออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารได้รับอนุมัติจาก ครม.ให้สามารถทำธุรกรรมบัตรเครดิตได้แล้ว ขณะนี้
กำลังรอประกาศกระทรวง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน นอกจากนี้ ธนาคารได้เตรียมซื้อประกันความ
เสี่ยงดอกเบี้ยล่วงหน้า (Interest Rate Swap) ประมาณ 10-20% ของพอร์ตสินเชื่อรวมที่มีอยู่ประมาณ
650,000 แสน ล.บาท เพื่อรองรับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นในปีนี้ รวมทั้งเพื่อเป็นการปรับโครงสร้างเงินทุนของ
ธนาคาร ซึ่งยังมีความไม่สมดุลระหว่างเงินให้สินเชื่อกับเงินฝากที่มีอยู่ประมาณ 20 % สำหรับผลกำไรสุทธิของ
ธนาคารในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 11,000 ล.บาท และคาดว่าในปีนี้ผลกำไรจะสามารถทำได้ใกล้เคียงกับปีที่ก่อน
(กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน ธ.ค.47 ลดลงร้อยละ 0.1 จากเดือนก่อนผลจากราคา
พลังงานลดลง รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 19 ม.ค.48 ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน ธ.ค.47 ลดลง
ร้อยละ 0.1 จากเดือนก่อน ผลจากราคาพลังงานลดลงร้อยละ 1.8 โดยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงโดยรวมลดลงร้อยละ 4.8
และราคาน้ำมันเบนซินลดลงร้อยละ 3.7 อย่างไรก็ดีหากไม่รวมราคาอาหารและพลังงานแล้ว ดัชนีราคาผู้
บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 จากเดือนก่อน และหากเทียบต่อปีแล้วดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ผล
จากราคาพลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.6 ในช่วงปีที่ผ่านมา นับเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดของดัชนีราคาผู้บริโภคที่
เกิดจากราคาน้ำมันนับตั้งแต่ปี 33 ในขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้นเพียง
ร้อยละ 2.2 ต่อปี เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่ปี 44 และในอัตราสองเท่าของปี 46 แนวโน้มดัชนีราคาผู้บริโภค
หลักที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่า ธ.กลาง สรอ.จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมในต้นเดือน ก.พ.48 นี้
หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 5 ครั้งติดต่อกันครั้งละร้อยละ 0.25 ทำให้อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 2.25 ต่อปี
จากร้อยละ 1.0 ต่อปีซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2501 (รอยเตอร์)
2. อัตราการว่างงานรายสัปดาห์ของ สรอ. สิ้นสุด 15 ม.ค.48 ลดลงสูงสุดในรอบ 3 ปี รายงาน
จากกรุงวอชิงตัน ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 19 ม.ค.48 ก.แรงงานของ สรอ. เปิดเผยว่า จำนวนคนอเมริกันที่
ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากรัฐครั้งแรกเนื่องจากไม่มีงานทำลดลงถึง 48, 000 คน ในสัปดาห์ล่าสุดสิ้นสุด
ณ 15 ม.ค.48 นับเป็นการลดลงสูงสุดในรอบ 3 ปี ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าตลาดแรงงานของ สรอ. มีการปรับตัวดี
ขึ้น ทำให้ยอดรวมคนว่างงานที่ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากรัฐเป็นครั้งแรกลดลงเหลือเพียง 319,000 คน
จากที่รายงานไว้ 367,000 คน เมื่อสัปดาห์ก่อน และเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง
เหลือ 345,000 คน ซึ่งนักวิเคราะห์ของ ก.แรงงาน สรอ. กล่าวว่า ไม่มีปัจจัยพิเศษใด ๆ ที่อธิบายถึงการลดลง
อย่างมากในครั้งนี้ ในขณะที่ เครื่องมือวัดการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานชนิดอื่นรายงานว่า จำนวนคนอเมริกัน
ที่ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือต่อเนื่องจากรัฐหลังจากได้รับความช่วยเหลือในครั้งแรกไปแล้วเพิ่มขึ้น 47,000 คน
อยู่ที่ระดับ 2.69 ล้านคน สิ้นสุด ณ 8 ม.ค.48 (รอยเตอร์)
3. ยอดการสร้างบ้านใหม่ของสรอ.ในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นเกินคาด รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่
19 ม.ค. 48 ก.พาณิชย์สรอ.เปิดเผยว่า ในเดือนธ.ค. 47 ยอดสร้างบ้านใหม่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่
ระดับ 2.004 ล้านหลัง (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.807 ล้านหลังในเดือนพ.ย. หรือเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 10.9 และเป็นเดือนแรกที่ยอดการสร้างบ้านใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 7 ปี นับตั้งแต่ที่เคยสูงขึ้นถึง
ร้อยละ 11.2 เมื่อเดือนก.ย. 40 ก่อนหน้านั้นนักเศรษฐศาสตร์ได้เคยคาดการณ์ว่ายอดการสร้างบ้านใหม่จะเพิ่มขึ้น
ที่ระดับ 1.9 ล้านหลังสูงกว่าระดับ 1.771 ล้านหลังในเดือนพ.ย. จากที่รายงานครั้งแรก โดยทั้งปี 47 ยอดการ
สร้างบ้านใหม่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 ขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่ที่เคยเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 เมื่อปี 44 นัก
เศรษฐศาสตร์จาก Freddie Mac เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองในปี 47 อยู่ในอัตราต่ำเฉลี่ยร้อยละ 5.8 ได้
ช่วยส่งเสริมภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องแม้ว่าธ.กลางสรอ.จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นก็ตาม
โดยคำขออนุญาตสร้างบ้าน ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดความเชื่อมั่นของธุรกิจลดลงร้อยละ 0.3 อยู่ที่ระดับ 2.021 ล้าน
หลัง ก่อนหน้านั้นนักวิเคราะห์คาดว่าคำขออนุญาตสร้างบ้านจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 อยู่ที่ระดับ 1.99 ล้านหลัง ทั้งนี้
ยอดคำขออนุญาตสร้างบ้านทั้งปี 47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 อยู่ที่ระดับ 2.018 ล้านหลัง(รอยเตอร์)
4. การจ้างงานของสิงคโปร์ในปี 47 มีจำนวน 60,000 คน เนื่องจากในไตรมาส 4 มีการจ้าง
งานเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 51 จากไตรมาสก่อหน้า รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 19 ม.ค.48 นรม.สิงคโปร์ (Lee
Hsien Loong) เปิดเผยว่า การจ้างงานของสิงคโปร์ในไตรมาส 4 ปี 47 เพิ่มขึ้นจากจำนวน 14,100 คนใน
ไตรมาสก่อนหน้าเป็น 21,300 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 51 ส่งผลให้ในปี 47 มีการจ้างงานใหม่ทั้งสิ้น 60,000
คน โดยในไตรมาส 2 และ 3 ปี 47 มีการจ้างงาน 10,900 และ 13,700 คน ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานเมื่อ
3 ปีก่อนอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะในปี 45 และ 46 ที่ตัวเลขการว่างงานตกอยู่ในภาวะเลวร้าย เนื่องจาก
ธุรกิจมีการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า เช่น ประเทศจีนและอินเดีย นอกจากนี้สิงคโปร์
ยังประสบกับภาวะการระบาดของโรคไข้หวัดซาร์ส แต่อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาระบบเศรษฐกิจสิงคโปร์ที่มีมูลค่า
จำนวน 95 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ระดับร้อยละ 8.1 นับเป็นอัตราการขยายตัว
ที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 4 ปี และมีการขยายตัวสูงเป็นอันดับ 2 ในเอเชียรองจากประเทศจีน ทั้งนี้ อัตราการว่าง
งานของสิงคโปร์ในไตรมาส 3 ปี 47 ลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 3 ปีอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.4 จากระดับร้อย
ละ 5.5 ในไตรมาส 3 ปี 46 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 17 ปี นอกจากนั้น รัฐบาลสิงคโปร์ยังคาดการณ์ว่า
อัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.0 หรือต่ำกว่าเมื่อสิ้นไตรมาส 4 ปี 47 รวมทั้งประมาณการเติบโตทาง
เศรษฐกิจในปีนี้ว่าจะขยายตัวอยู่ระหว่างร้อยละ 3.0-5.0 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 20 ม.ค. 48 19 ม.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.443 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.2481/38.5257 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 709.03/28.69 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,750/7,850 7,750/7,850 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 38.55 39.31 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.29*/14.59 19.29*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 30 สตางค์ เมื่อ 17 ธ.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. คณะกรรมการนโยบายการเงินคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2% ต่อปี นางอัจนา ไวความดี
ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินว่า
คณะกรรมการฯ ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (อัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืน พธบ.ระยะเวลา 14 วัน) ไว้
ในระดับเดิมคือ 2% ต่อปีต่อไป เพื่อรอดูความชัดเจน เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากภัย
ธรรมชาติ อัตราเงินเฟ้อไม่เร่งตัว รวมทั้งราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินโลกที่มีแนวโน้มผันผวน ทั้งนี้
ธปท.ได้ประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิใน 6 จังหวัดฝั่งทะเลอันดามันของไทยแล้วพบว่า เศรษฐกิจ
ไทยจะได้รับผลกระทบจากการลดลงของนักท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งเป็นฤดูกาลที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
และส่งผลต่อเนื่องให้การใช้จ่ายของภาคเอกชนลดลงด้วย สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา พบ
ว่า เศรษฐกิจยังคงขยายตัวในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ดุลบัญชีเดินสะพัดปี 47 เกินดุลและมีแนวโน้มที่จะเกินดุลต่อเนื่องในปี
นี้ อัตราเงินเฟ้อล่าสุดเดือน ธ.ค.อยู่ที่ 2.9% แม้ว่ายังอยู่ในระดับสูงแต่เริ่มมีอัตราการขยายตัวที่ชะลอลง โดยเงิน
เฟ้อพื้นฐานเดือน ธ.ค.ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.6% เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงและการแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องของ
ค่าเงินบาท เป็นตัวช่วยลดแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อ อนึ่ง ธปท.ได้ประเมินปัจจัยระยะสั้นที่อาจส่งผลกระทบต่อการ
ขยายตัวของเศรษฐกิจคือผลกระทบจากภัยธรรมชาติ สำหรับปัจจัยระยะยาวคือ ราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนซึ่ง
ยังคงมีความผันผวน (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, ข่าวสด)
2. 3 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่มีกำไรเพิ่มขึ้นในปี 47 กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.ไทยพาณิชย์ เปิด
เผยผลการดำเนินงานในปี 47 ว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิ 18,488.71 ล.บาท เพิ่มขึ้น 48.39% เมื่อเทียบกับปี 46
ซึ่งถือเป็นปีที่มีกำไรสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคาร โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการขายธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจ
หลักและบางส่วนมาจากการปรับโครงสร้างหนี้ ส่วนผลการดำเนินงานในธุรกิจหลักก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยสินเชื่อ
ขยายตัวสูงถึง 11.4% ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทในเครือเติบโตอย่างต่อเนื่อง ใน
ส่วนของกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.กรุงศรีอยุธยา เปิดเผยผลการดำเนินงานในปี 47 ว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิ
4,673 ล.บาท เพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปัน
ผลสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อน รวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในส่วนของค่าธรรมเนียมและบริการ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลง
ทุนตามวิธีส่วนได้เสีย และกำไรจากการปริวรรตเพิ่มขึ้น สำหรับกรรมการผู้จัดการ ธ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ปี 47
ธนาคารมีกำไรสุทธิ 15,340.4 ล.บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.69% (ผู้จัดการรายวัน, ไทยโพสต์)
3. ธ.ออมสินได้รับอนุมัติให้ประกอบธุรกรรมเพิ่มเติมเพื่อให้การดำเนินงานครบวงจรมากขึ้น
ผู้อำนวยการ ธ.ออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารได้รับอนุมัติจาก ครม.ให้สามารถทำธุรกรรมบัตรเครดิตได้แล้ว ขณะนี้
กำลังรอประกาศกระทรวง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน นอกจากนี้ ธนาคารได้เตรียมซื้อประกันความ
เสี่ยงดอกเบี้ยล่วงหน้า (Interest Rate Swap) ประมาณ 10-20% ของพอร์ตสินเชื่อรวมที่มีอยู่ประมาณ
650,000 แสน ล.บาท เพื่อรองรับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นในปีนี้ รวมทั้งเพื่อเป็นการปรับโครงสร้างเงินทุนของ
ธนาคาร ซึ่งยังมีความไม่สมดุลระหว่างเงินให้สินเชื่อกับเงินฝากที่มีอยู่ประมาณ 20 % สำหรับผลกำไรสุทธิของ
ธนาคารในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 11,000 ล.บาท และคาดว่าในปีนี้ผลกำไรจะสามารถทำได้ใกล้เคียงกับปีที่ก่อน
(กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน ธ.ค.47 ลดลงร้อยละ 0.1 จากเดือนก่อนผลจากราคา
พลังงานลดลง รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 19 ม.ค.48 ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน ธ.ค.47 ลดลง
ร้อยละ 0.1 จากเดือนก่อน ผลจากราคาพลังงานลดลงร้อยละ 1.8 โดยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงโดยรวมลดลงร้อยละ 4.8
และราคาน้ำมันเบนซินลดลงร้อยละ 3.7 อย่างไรก็ดีหากไม่รวมราคาอาหารและพลังงานแล้ว ดัชนีราคาผู้
บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 จากเดือนก่อน และหากเทียบต่อปีแล้วดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ผล
จากราคาพลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.6 ในช่วงปีที่ผ่านมา นับเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดของดัชนีราคาผู้บริโภคที่
เกิดจากราคาน้ำมันนับตั้งแต่ปี 33 ในขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้นเพียง
ร้อยละ 2.2 ต่อปี เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่ปี 44 และในอัตราสองเท่าของปี 46 แนวโน้มดัชนีราคาผู้บริโภค
หลักที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่า ธ.กลาง สรอ.จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมในต้นเดือน ก.พ.48 นี้
หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 5 ครั้งติดต่อกันครั้งละร้อยละ 0.25 ทำให้อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 2.25 ต่อปี
จากร้อยละ 1.0 ต่อปีซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2501 (รอยเตอร์)
2. อัตราการว่างงานรายสัปดาห์ของ สรอ. สิ้นสุด 15 ม.ค.48 ลดลงสูงสุดในรอบ 3 ปี รายงาน
จากกรุงวอชิงตัน ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 19 ม.ค.48 ก.แรงงานของ สรอ. เปิดเผยว่า จำนวนคนอเมริกันที่
ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากรัฐครั้งแรกเนื่องจากไม่มีงานทำลดลงถึง 48, 000 คน ในสัปดาห์ล่าสุดสิ้นสุด
ณ 15 ม.ค.48 นับเป็นการลดลงสูงสุดในรอบ 3 ปี ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าตลาดแรงงานของ สรอ. มีการปรับตัวดี
ขึ้น ทำให้ยอดรวมคนว่างงานที่ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากรัฐเป็นครั้งแรกลดลงเหลือเพียง 319,000 คน
จากที่รายงานไว้ 367,000 คน เมื่อสัปดาห์ก่อน และเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง
เหลือ 345,000 คน ซึ่งนักวิเคราะห์ของ ก.แรงงาน สรอ. กล่าวว่า ไม่มีปัจจัยพิเศษใด ๆ ที่อธิบายถึงการลดลง
อย่างมากในครั้งนี้ ในขณะที่ เครื่องมือวัดการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานชนิดอื่นรายงานว่า จำนวนคนอเมริกัน
ที่ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือต่อเนื่องจากรัฐหลังจากได้รับความช่วยเหลือในครั้งแรกไปแล้วเพิ่มขึ้น 47,000 คน
อยู่ที่ระดับ 2.69 ล้านคน สิ้นสุด ณ 8 ม.ค.48 (รอยเตอร์)
3. ยอดการสร้างบ้านใหม่ของสรอ.ในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นเกินคาด รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่
19 ม.ค. 48 ก.พาณิชย์สรอ.เปิดเผยว่า ในเดือนธ.ค. 47 ยอดสร้างบ้านใหม่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่
ระดับ 2.004 ล้านหลัง (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.807 ล้านหลังในเดือนพ.ย. หรือเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 10.9 และเป็นเดือนแรกที่ยอดการสร้างบ้านใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 7 ปี นับตั้งแต่ที่เคยสูงขึ้นถึง
ร้อยละ 11.2 เมื่อเดือนก.ย. 40 ก่อนหน้านั้นนักเศรษฐศาสตร์ได้เคยคาดการณ์ว่ายอดการสร้างบ้านใหม่จะเพิ่มขึ้น
ที่ระดับ 1.9 ล้านหลังสูงกว่าระดับ 1.771 ล้านหลังในเดือนพ.ย. จากที่รายงานครั้งแรก โดยทั้งปี 47 ยอดการ
สร้างบ้านใหม่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 ขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่ที่เคยเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 เมื่อปี 44 นัก
เศรษฐศาสตร์จาก Freddie Mac เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองในปี 47 อยู่ในอัตราต่ำเฉลี่ยร้อยละ 5.8 ได้
ช่วยส่งเสริมภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องแม้ว่าธ.กลางสรอ.จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นก็ตาม
โดยคำขออนุญาตสร้างบ้าน ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดความเชื่อมั่นของธุรกิจลดลงร้อยละ 0.3 อยู่ที่ระดับ 2.021 ล้าน
หลัง ก่อนหน้านั้นนักวิเคราะห์คาดว่าคำขออนุญาตสร้างบ้านจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 อยู่ที่ระดับ 1.99 ล้านหลัง ทั้งนี้
ยอดคำขออนุญาตสร้างบ้านทั้งปี 47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 อยู่ที่ระดับ 2.018 ล้านหลัง(รอยเตอร์)
4. การจ้างงานของสิงคโปร์ในปี 47 มีจำนวน 60,000 คน เนื่องจากในไตรมาส 4 มีการจ้าง
งานเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 51 จากไตรมาสก่อหน้า รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 19 ม.ค.48 นรม.สิงคโปร์ (Lee
Hsien Loong) เปิดเผยว่า การจ้างงานของสิงคโปร์ในไตรมาส 4 ปี 47 เพิ่มขึ้นจากจำนวน 14,100 คนใน
ไตรมาสก่อนหน้าเป็น 21,300 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 51 ส่งผลให้ในปี 47 มีการจ้างงานใหม่ทั้งสิ้น 60,000
คน โดยในไตรมาส 2 และ 3 ปี 47 มีการจ้างงาน 10,900 และ 13,700 คน ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานเมื่อ
3 ปีก่อนอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะในปี 45 และ 46 ที่ตัวเลขการว่างงานตกอยู่ในภาวะเลวร้าย เนื่องจาก
ธุรกิจมีการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า เช่น ประเทศจีนและอินเดีย นอกจากนี้สิงคโปร์
ยังประสบกับภาวะการระบาดของโรคไข้หวัดซาร์ส แต่อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาระบบเศรษฐกิจสิงคโปร์ที่มีมูลค่า
จำนวน 95 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ระดับร้อยละ 8.1 นับเป็นอัตราการขยายตัว
ที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 4 ปี และมีการขยายตัวสูงเป็นอันดับ 2 ในเอเชียรองจากประเทศจีน ทั้งนี้ อัตราการว่าง
งานของสิงคโปร์ในไตรมาส 3 ปี 47 ลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 3 ปีอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.4 จากระดับร้อย
ละ 5.5 ในไตรมาส 3 ปี 46 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 17 ปี นอกจากนั้น รัฐบาลสิงคโปร์ยังคาดการณ์ว่า
อัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.0 หรือต่ำกว่าเมื่อสิ้นไตรมาส 4 ปี 47 รวมทั้งประมาณการเติบโตทาง
เศรษฐกิจในปีนี้ว่าจะขยายตัวอยู่ระหว่างร้อยละ 3.0-5.0 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 20 ม.ค. 48 19 ม.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.443 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.2481/38.5257 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 709.03/28.69 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,750/7,850 7,750/7,850 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 38.55 39.31 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.29*/14.59 19.29*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 30 สตางค์ เมื่อ 17 ธ.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--