"พงษ์ศักดิ์" เตือนผู้ประกอบการเร่งปรับตัวลดต้นทุนผลิตทุกด้าน รับสัญญาณเศรษฐกิจไทยปี 48 อาจชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก คาดอัตราการเติบโตโลกลดระดับอยู่ที่ร้อยละ 4.3 ขณะที่ภาวะค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ไต่ระดับอยู่ที่ 38 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ย้ำผู้ผลิตต้องเร่งพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ สร้างจุดเด่นสินค้า หาลู่ทางเจาะตลาดใหม่ขยายมูลค่าส่งออก
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยในงานสัมมนาเรื่อง "ภาพรวมเศรษฐกิจอุตสาหกรรมปี 2548 ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยง" และ "Boston Model วัดดีกรีอุตสาหกรรมไทยVSโลก" จัดโดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) และสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจว่า จากการประเมินทิศทางเศรษฐกิจในปี 2548 คาดว่าผู้ประกอบการจะต้องเผชิญการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากอัตราการเติบโตของโลกจะลดลงจากร้อยละ 5.0 ในปี 2547 เป็นร้อยละ 4.3 ในปี 2548 ซึ่งจะทำให้อัตราการขยายตัวทางการค้าของโลกลดลงจากประมาณร้อยละ 8.8 ในปี 2547 เหลือร้อยละ 7.2 ในปี 2548 ซึ่งผลการชะลอตัว ดังกล่าวจะทำให้ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งในด้านตลาดส่งออกและการลงทุนจากต่างประเทศ
นอกจากนี้ไทยยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่ต่อเนื่องจากปี 2547 ถึงปี 2548 โดยเฉพาะภาวะค่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 38 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้เนื่องจากภาวะการขาดดุลการค้าและดุลการชำระเงินของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีมาต่อเนื่องนั้น จะส่งผลให้ผู้ส่งออกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งการเผชิญกับปัญหาการแข่งขันทางด้านราคากับประเทศคู่แข่ง เช่น จีน ที่มีการตรึงอัตราแลกเปลี่ยนของตนเองกับสหรัฐอเมริกา
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า จากการที่สหรัฐฯดำเนินนโยบายอ่อนตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะส่งผลทั้งด้านบวกและลบต่อภาคอุตสาหกรรมของไทย กล่าวคือ ผู้ผลิตที่นำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศจะได้รับผลดีในแง่ของต้นทุนที่ต่ำลง แต่ผู้ส่งออกจะต้องเผชิญกับราคาส่งออกที่สูงขึ้นตามอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์
อย่างไรก็ตามจากภาวะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในระดับ 38 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการมากนัก หากผู้ประกอบการไทยเร่งปรับตัว โดยการลดต้นทุนในด้านต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการทำประกันความเสี่ยงล่วงหน้าไว้ ขณะเดียวกันทางภาครัฐบาลโดยธนาคารแห่งประเทศไทยก็ติดตามดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว
"แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจของโลกอาจะมีการชะลอตัวลงไปบ้าง แต่การเตรียมการของรัฐบาลในเรื่องการสร้างโอกาสในการขยายตัวในการส่งออกของประเทศ เช่นการทำ FTA กับประเทศต่างๆ รวมทั้งการเปิดตลาดใหม่ในประเทศที่มีศักยภาพ และการดำเนินนโยบายด้านการส่งออกมีความเข้มข้นมากขึ้นที่เน้นคุณภาพ และความแตกต่างของสินค้า จะทำให้การส่งออกของอุตสาหกรรมไทยยังคงมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องต่อไป "
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-สส-
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยในงานสัมมนาเรื่อง "ภาพรวมเศรษฐกิจอุตสาหกรรมปี 2548 ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยง" และ "Boston Model วัดดีกรีอุตสาหกรรมไทยVSโลก" จัดโดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) และสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจว่า จากการประเมินทิศทางเศรษฐกิจในปี 2548 คาดว่าผู้ประกอบการจะต้องเผชิญการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากอัตราการเติบโตของโลกจะลดลงจากร้อยละ 5.0 ในปี 2547 เป็นร้อยละ 4.3 ในปี 2548 ซึ่งจะทำให้อัตราการขยายตัวทางการค้าของโลกลดลงจากประมาณร้อยละ 8.8 ในปี 2547 เหลือร้อยละ 7.2 ในปี 2548 ซึ่งผลการชะลอตัว ดังกล่าวจะทำให้ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งในด้านตลาดส่งออกและการลงทุนจากต่างประเทศ
นอกจากนี้ไทยยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่ต่อเนื่องจากปี 2547 ถึงปี 2548 โดยเฉพาะภาวะค่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 38 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้เนื่องจากภาวะการขาดดุลการค้าและดุลการชำระเงินของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีมาต่อเนื่องนั้น จะส่งผลให้ผู้ส่งออกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งการเผชิญกับปัญหาการแข่งขันทางด้านราคากับประเทศคู่แข่ง เช่น จีน ที่มีการตรึงอัตราแลกเปลี่ยนของตนเองกับสหรัฐอเมริกา
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า จากการที่สหรัฐฯดำเนินนโยบายอ่อนตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะส่งผลทั้งด้านบวกและลบต่อภาคอุตสาหกรรมของไทย กล่าวคือ ผู้ผลิตที่นำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศจะได้รับผลดีในแง่ของต้นทุนที่ต่ำลง แต่ผู้ส่งออกจะต้องเผชิญกับราคาส่งออกที่สูงขึ้นตามอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์
อย่างไรก็ตามจากภาวะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในระดับ 38 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการมากนัก หากผู้ประกอบการไทยเร่งปรับตัว โดยการลดต้นทุนในด้านต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการทำประกันความเสี่ยงล่วงหน้าไว้ ขณะเดียวกันทางภาครัฐบาลโดยธนาคารแห่งประเทศไทยก็ติดตามดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว
"แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจของโลกอาจะมีการชะลอตัวลงไปบ้าง แต่การเตรียมการของรัฐบาลในเรื่องการสร้างโอกาสในการขยายตัวในการส่งออกของประเทศ เช่นการทำ FTA กับประเทศต่างๆ รวมทั้งการเปิดตลาดใหม่ในประเทศที่มีศักยภาพ และการดำเนินนโยบายด้านการส่งออกมีความเข้มข้นมากขึ้นที่เน้นคุณภาพ และความแตกต่างของสินค้า จะทำให้การส่งออกของอุตสาหกรรมไทยยังคงมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องต่อไป "
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-สส-