ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. อัตราเงินเฟ้อในปี 49 มีแนวโน้มชะลอตัว นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในปีหน้าจะเริ่มลดลงหลังจากที่ผ่านจุดสูงสุดในช่วงไตร
มาสที่ 4 ของปี 48 โดยเงินเฟ้อล่าสุดของเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 5.9% ลดลงจาก 6.2% ในเดือนก่อนหน้า ทั้ง
นี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มองว่า ภาพรวมเศรษฐกิจยังมีแรงกดดันต่อเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
โดยเฉพาะต้นทุนสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ด้านทิศทางภาวะเศรษฐกิจเมื่อพิจารณาปัจจัยพื้นฐานแล้ว ยังมีแนวโน้มขยาย
ตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมี 2 ปัจจัยหนุนมาจากแรงขับเคลื่อนสำคัญจากภาคการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดีตามภาวะ
เศรษฐกิจโลก และการฟื้นตัวของการอุปโภคบริโภคของประชาชนในประเทศที่น่าจะกลับมาขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่พึงระวัง 3 เรื่อง คือ 1) เศรษฐกิจโลกที่อาจจะยังมีความผันผวนได้ เนื่อง
จากราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในเกณฑ์ขาขึ้น รวมทั้งความไม่สมดุลของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะการขาดดุล
บัญชีเดินสะพัดของ สรอ. 2) การที่เศรษฐกิจในประเทศจะขยายตัวเนื่องจากการลงทุน ซึ่งอาจส่งผลให้มีการนำ
เข้าวัตถุดิบและน้ำมัน ที่ราคาอยู่ในระดับสูง ดังนั้น เชื่อว่าในปีหน้าแรงกดดันต่อเงินเฟ้อและดุลบัญชีเดินสะพัดจะยังมี
อยู่ และ 3) การลงทุนในประเทศ ซึ่งมีปัจจัยที่เอื้ออำนวย ทั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศและต่าง
ประเทศ ซึ่งต้องมีความระมัดระวังและไม่ประมาท สำหรับแนวทางการดำเนินโนบายการเงินในปีหน้า ธปท.จะยัง
คงให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพด้านราคา เพื่อรักษาเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง โดย
เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะเริ่มลดลงหลังผ่านจุดสูงสุดในช่วงไตรมาสแรกของปีไปแล้ว (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท.อนุมัติซอฟท์โลนให้กับธุรกิจท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลาและสตูล นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้
ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คณะกรรม ธปท.ได้อนุมัติให้มีการช่วยเหลือด้านเงินทุนในรูป
ของสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) กับธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลาและ
สตูลจำนวนเงิน 3,000 ล.บาท และมีเงินสมทบจากสถาบันการเงินจำนวน 2,000 ล.บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น
5,000 ล.บาท สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่ให้สถาบันการเงินเรียกเก็บจากลูกค้าได้ มีอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน MLR —
2.75% ต่อปี โดยที่ ธปท.จะเรียกเก็บจากสถาบันการเงินในอัตรา 1% ต่อปี ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีอายุ
โครงการ 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.49 ถึง 31 ธ.ค.51 แต่ผู้ประกอบการแต่ละรายจะได้รับความช่วยเหลือใน
โครงการนี้ไม่เกิน 2 ปี สำหรับสาเหตุที่ต้องให้สินเชื่อดังกล่าวกับธุรกิจใน 2 จังหวัด เนื่องจากจังหวัดสงขลาและ
สตูลเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
3. ก.คลังมีแผนเข้าถือหุ้นเพิ่มใน บลจ.เอ็มเอฟซีเพื่อเป็นตัวแทนภาครัฐในการระดมทุนผ่านตลาด
ทุน แหล่งข่าวจาก ก.คลัง เปิดเผยว่า ก.คลังมีแผนเข้าถือหุ้นเพิ่มในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) เอ็ม
เอฟซี จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้เป็นตัวแทนในการระดมทุนสำหรับการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (เมกะ
โปรเจค) ซึ่งการเข้าถือหุ้นใน บลจ.เอ็มเอฟซีนั้น ก.คลังจะใช้วิธีซื้อต่อจาก ธ.ทหารไทย เพื่อให้ ธ.ทหารไทยมี
สัดส่วนการถือหุ้นใน บลจ.เอ็มเอฟซีลดลงต่ำกว่า 10% จากปัจจุบันที่ถือหุ้นอยู่ประมาณ 28% โดยหุ้นที่ได้มานั้น ก.
คลังจะกระจายไปยังหน่วยงานภาครัฐบาลและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ธ.ออมสิน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้า
ราชการ (กบข.) กองทุนประกันสังคม เป็นต้น ทั้งนี้ สาเหตุที่เลือก บลจ.เอ็มเอฟซี มาเป็นตัวแทนภาครัฐในการ
ระดมทุนผ่านตลาดทุน แทนที่จะจัดตั้ง บลจ.ใหม่ เนื่องจากเห็นว่า บลจ.เอ็มเอฟซี มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ และ
มีความพร้อมในด้านบุคลากรอยู่แล้ว (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตร้อยละ 9.0 ในปีหน้า รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.
48 ที่ปรึกษา ธ.กลางจีนเปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวร้อยละ 9.0 ในปี 49 อย่างไรก็
ตามเศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวบ้าง แต่ทางการจีนน่าจะใช้นโยบายการคลังแบบผ่อนปรน อย่างไรก็ตามหากภาวะ
เศรษฐกิจโลกไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จึงไม่น่าจะมีปัญหาที่เศรษฐกิจจีนจะยังคงเติบโตได้ร้อยละ 9.0 ในปี
หน้า ส่วนปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวร้อยละ 9.5 (รอยเตอร์)
2. องค์กรการค้าของเยอรมนีปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวของการส่งออกของเยอรมนีทั้งในปีนี้
และปีหน้า รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 29 ธ.ค.48 BGA ซึ่งเป็นสมาคมการค้าต่างประเทศและการค้าส่งของ
เยอรมนีคาดว่ายอดส่งออกของเยอรมนีจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 และ 8 ในปีนี้และปีหน้าตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากประมาณ
การก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 6 ทั้งปีนี้และปีหน้า และคาดว่ายอดเกินดุลการค้าในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอยู่ใน
ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยมีมูลค่าประมาณ 161 พันล้านยูโรหรือประมาณ 190 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ซึ่งจะทำ
ให้เยอรมนีเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้ารายใหญ่ที่สุดของโลกเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งนี้จากการคาดว่าเศรษฐกิจโลก
โดยเฉพาะ สรอ. จะดีขึ้น นอกจากนี้การค้ากับประเทศเพื่อนบ้านในยุโรปตะวันออกซึ่งหลายประเทศเพิ่งเข้าร่วม
สหภาพยุโรปเมื่อปีที่แล้วก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจความเห็นเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่แสดง
ว่าทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคในเยอรมนีมองว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะดีขึ้น (รอยเตอร์)
3. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอังกฤษสำหรับเดือน ธ.ค.48 อยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดสงคราม
อิรักในเดือน มี.ค.46 รายงานจากลอนดอน เมื่อ 29 ธ.ค.48 ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอังกฤษ
สำหรับเดือน ธ.ค.48 จากผลสำรวจโดยสำนักวิจัย GfK ลดลงมาอยู่ที่ระดับ —9 หลังจากอยู่ที่ระดับ —8 ในเดือน
ก่อน อยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.46 ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ —6 ซึ่งสอดคล้อง
กับผลสำรวจการรับรู้ของชาวอังกฤษเกี่ยวกับสถานะการเงินของตนเองและภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไปในช่วง 12
เดือนข้างหน้าที่ลดลงมาอยู่ที่ระดับ +7 และ —20 ตามลำดับ และการปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ในปีนี้ลงมาเกือบครึ่งหนึ่งของ รมต.คลังของอังกฤษก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดีนักเศรษฐศาสตร์บางคนให้ความเห็นว่า
สัญญาณที่แสดงว่าตลาดบ้านในอังกฤษกำลังฟื้นตัวโดยดูจากตัวเลขของสมาคมนายธนาคารของอังกฤษที่รายงานว่ายอด
เงินกู้เพื่อซื้อบ้านที่ได้รับอนุมัติแล้วแต่ยังไม่ได้รับเงินเพิ่มขึ้นร้อยละ 51 ในเดือน พ.ย.48 เมื่อเทียบกับปีก่อนอาจส่ง
ผลให้ความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้บริโภคในปีหน้าเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งสอดคล้องกับผู้ปลีกค้าหลายรายที่รายงานว่ายอด
ขายในช่วง 2 วันแรกหลังเทศกาลคริสต์มาสในปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
รายงานจากโซล เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 48 สำนักงานสถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ในเดือน ธ.ค. ดัชนี
ราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index - CPI) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.6 และเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 0.3 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว (ตัวเลขก่อนปรับฤดูกาล) น้อยกว่าผลการสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดไว้ว่า CPI
จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 2.7 และเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 2.4 ท่ามกลางการคาดหวังว่าอุปสงค์ใน
ประเทศจะเป็นแรงกดดันให้เกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้น อย่างไรก็ตามดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาอาหาร
และพลังงานในเดือน ธ.ค. อยู่ที่ร้อยละ 1.9 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนที่แล้ว ก่อนหน้านั้น ธ.กลางเกาหลีใต้ได้
ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาแล้ว 2 ครั้งๆละร้อยละ 0.25 ในเดือน ต.ค. และเดือน ธ.ค. เพื่อสกัดภาวะ
เงินเฟ้อ ขณะที่เกาหลีใต้ซึ่งมีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ในเอเซียเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ทั้งนี้การ
ประชุมนโยบายการเงินในคราวหน้าของเกาหลีใต้จะมีขึ้นในวันที่ 12 ม.ค. 49 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 30 ธ.ค. 48 29 ธ.ค.48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.957 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.7802/41.0773 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.15141 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 710.22/ 14.61 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 9,950/10,050 10,000/10,100 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 53.33 51.99 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 24 ธ.ค. 48 26.04*/23.49* 26.04*/23.49* 16.99/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. อัตราเงินเฟ้อในปี 49 มีแนวโน้มชะลอตัว นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในปีหน้าจะเริ่มลดลงหลังจากที่ผ่านจุดสูงสุดในช่วงไตร
มาสที่ 4 ของปี 48 โดยเงินเฟ้อล่าสุดของเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 5.9% ลดลงจาก 6.2% ในเดือนก่อนหน้า ทั้ง
นี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มองว่า ภาพรวมเศรษฐกิจยังมีแรงกดดันต่อเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
โดยเฉพาะต้นทุนสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ด้านทิศทางภาวะเศรษฐกิจเมื่อพิจารณาปัจจัยพื้นฐานแล้ว ยังมีแนวโน้มขยาย
ตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมี 2 ปัจจัยหนุนมาจากแรงขับเคลื่อนสำคัญจากภาคการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดีตามภาวะ
เศรษฐกิจโลก และการฟื้นตัวของการอุปโภคบริโภคของประชาชนในประเทศที่น่าจะกลับมาขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่พึงระวัง 3 เรื่อง คือ 1) เศรษฐกิจโลกที่อาจจะยังมีความผันผวนได้ เนื่อง
จากราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในเกณฑ์ขาขึ้น รวมทั้งความไม่สมดุลของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะการขาดดุล
บัญชีเดินสะพัดของ สรอ. 2) การที่เศรษฐกิจในประเทศจะขยายตัวเนื่องจากการลงทุน ซึ่งอาจส่งผลให้มีการนำ
เข้าวัตถุดิบและน้ำมัน ที่ราคาอยู่ในระดับสูง ดังนั้น เชื่อว่าในปีหน้าแรงกดดันต่อเงินเฟ้อและดุลบัญชีเดินสะพัดจะยังมี
อยู่ และ 3) การลงทุนในประเทศ ซึ่งมีปัจจัยที่เอื้ออำนวย ทั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศและต่าง
ประเทศ ซึ่งต้องมีความระมัดระวังและไม่ประมาท สำหรับแนวทางการดำเนินโนบายการเงินในปีหน้า ธปท.จะยัง
คงให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพด้านราคา เพื่อรักษาเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง โดย
เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะเริ่มลดลงหลังผ่านจุดสูงสุดในช่วงไตรมาสแรกของปีไปแล้ว (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท.อนุมัติซอฟท์โลนให้กับธุรกิจท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลาและสตูล นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้
ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คณะกรรม ธปท.ได้อนุมัติให้มีการช่วยเหลือด้านเงินทุนในรูป
ของสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) กับธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลาและ
สตูลจำนวนเงิน 3,000 ล.บาท และมีเงินสมทบจากสถาบันการเงินจำนวน 2,000 ล.บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น
5,000 ล.บาท สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่ให้สถาบันการเงินเรียกเก็บจากลูกค้าได้ มีอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน MLR —
2.75% ต่อปี โดยที่ ธปท.จะเรียกเก็บจากสถาบันการเงินในอัตรา 1% ต่อปี ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีอายุ
โครงการ 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.49 ถึง 31 ธ.ค.51 แต่ผู้ประกอบการแต่ละรายจะได้รับความช่วยเหลือใน
โครงการนี้ไม่เกิน 2 ปี สำหรับสาเหตุที่ต้องให้สินเชื่อดังกล่าวกับธุรกิจใน 2 จังหวัด เนื่องจากจังหวัดสงขลาและ
สตูลเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
3. ก.คลังมีแผนเข้าถือหุ้นเพิ่มใน บลจ.เอ็มเอฟซีเพื่อเป็นตัวแทนภาครัฐในการระดมทุนผ่านตลาด
ทุน แหล่งข่าวจาก ก.คลัง เปิดเผยว่า ก.คลังมีแผนเข้าถือหุ้นเพิ่มในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) เอ็ม
เอฟซี จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้เป็นตัวแทนในการระดมทุนสำหรับการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (เมกะ
โปรเจค) ซึ่งการเข้าถือหุ้นใน บลจ.เอ็มเอฟซีนั้น ก.คลังจะใช้วิธีซื้อต่อจาก ธ.ทหารไทย เพื่อให้ ธ.ทหารไทยมี
สัดส่วนการถือหุ้นใน บลจ.เอ็มเอฟซีลดลงต่ำกว่า 10% จากปัจจุบันที่ถือหุ้นอยู่ประมาณ 28% โดยหุ้นที่ได้มานั้น ก.
คลังจะกระจายไปยังหน่วยงานภาครัฐบาลและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ธ.ออมสิน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้า
ราชการ (กบข.) กองทุนประกันสังคม เป็นต้น ทั้งนี้ สาเหตุที่เลือก บลจ.เอ็มเอฟซี มาเป็นตัวแทนภาครัฐในการ
ระดมทุนผ่านตลาดทุน แทนที่จะจัดตั้ง บลจ.ใหม่ เนื่องจากเห็นว่า บลจ.เอ็มเอฟซี มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ และ
มีความพร้อมในด้านบุคลากรอยู่แล้ว (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตร้อยละ 9.0 ในปีหน้า รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.
48 ที่ปรึกษา ธ.กลางจีนเปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวร้อยละ 9.0 ในปี 49 อย่างไรก็
ตามเศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวบ้าง แต่ทางการจีนน่าจะใช้นโยบายการคลังแบบผ่อนปรน อย่างไรก็ตามหากภาวะ
เศรษฐกิจโลกไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จึงไม่น่าจะมีปัญหาที่เศรษฐกิจจีนจะยังคงเติบโตได้ร้อยละ 9.0 ในปี
หน้า ส่วนปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวร้อยละ 9.5 (รอยเตอร์)
2. องค์กรการค้าของเยอรมนีปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวของการส่งออกของเยอรมนีทั้งในปีนี้
และปีหน้า รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 29 ธ.ค.48 BGA ซึ่งเป็นสมาคมการค้าต่างประเทศและการค้าส่งของ
เยอรมนีคาดว่ายอดส่งออกของเยอรมนีจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 และ 8 ในปีนี้และปีหน้าตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากประมาณ
การก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 6 ทั้งปีนี้และปีหน้า และคาดว่ายอดเกินดุลการค้าในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอยู่ใน
ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยมีมูลค่าประมาณ 161 พันล้านยูโรหรือประมาณ 190 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ซึ่งจะทำ
ให้เยอรมนีเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้ารายใหญ่ที่สุดของโลกเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งนี้จากการคาดว่าเศรษฐกิจโลก
โดยเฉพาะ สรอ. จะดีขึ้น นอกจากนี้การค้ากับประเทศเพื่อนบ้านในยุโรปตะวันออกซึ่งหลายประเทศเพิ่งเข้าร่วม
สหภาพยุโรปเมื่อปีที่แล้วก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจความเห็นเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่แสดง
ว่าทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคในเยอรมนีมองว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะดีขึ้น (รอยเตอร์)
3. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอังกฤษสำหรับเดือน ธ.ค.48 อยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดสงคราม
อิรักในเดือน มี.ค.46 รายงานจากลอนดอน เมื่อ 29 ธ.ค.48 ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอังกฤษ
สำหรับเดือน ธ.ค.48 จากผลสำรวจโดยสำนักวิจัย GfK ลดลงมาอยู่ที่ระดับ —9 หลังจากอยู่ที่ระดับ —8 ในเดือน
ก่อน อยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.46 ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ —6 ซึ่งสอดคล้อง
กับผลสำรวจการรับรู้ของชาวอังกฤษเกี่ยวกับสถานะการเงินของตนเองและภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไปในช่วง 12
เดือนข้างหน้าที่ลดลงมาอยู่ที่ระดับ +7 และ —20 ตามลำดับ และการปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ในปีนี้ลงมาเกือบครึ่งหนึ่งของ รมต.คลังของอังกฤษก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดีนักเศรษฐศาสตร์บางคนให้ความเห็นว่า
สัญญาณที่แสดงว่าตลาดบ้านในอังกฤษกำลังฟื้นตัวโดยดูจากตัวเลขของสมาคมนายธนาคารของอังกฤษที่รายงานว่ายอด
เงินกู้เพื่อซื้อบ้านที่ได้รับอนุมัติแล้วแต่ยังไม่ได้รับเงินเพิ่มขึ้นร้อยละ 51 ในเดือน พ.ย.48 เมื่อเทียบกับปีก่อนอาจส่ง
ผลให้ความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้บริโภคในปีหน้าเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งสอดคล้องกับผู้ปลีกค้าหลายรายที่รายงานว่ายอด
ขายในช่วง 2 วันแรกหลังเทศกาลคริสต์มาสในปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
รายงานจากโซล เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 48 สำนักงานสถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ในเดือน ธ.ค. ดัชนี
ราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index - CPI) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.6 และเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 0.3 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว (ตัวเลขก่อนปรับฤดูกาล) น้อยกว่าผลการสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดไว้ว่า CPI
จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 2.7 และเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 2.4 ท่ามกลางการคาดหวังว่าอุปสงค์ใน
ประเทศจะเป็นแรงกดดันให้เกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้น อย่างไรก็ตามดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาอาหาร
และพลังงานในเดือน ธ.ค. อยู่ที่ร้อยละ 1.9 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนที่แล้ว ก่อนหน้านั้น ธ.กลางเกาหลีใต้ได้
ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาแล้ว 2 ครั้งๆละร้อยละ 0.25 ในเดือน ต.ค. และเดือน ธ.ค. เพื่อสกัดภาวะ
เงินเฟ้อ ขณะที่เกาหลีใต้ซึ่งมีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ในเอเซียเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ทั้งนี้การ
ประชุมนโยบายการเงินในคราวหน้าของเกาหลีใต้จะมีขึ้นในวันที่ 12 ม.ค. 49 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 30 ธ.ค. 48 29 ธ.ค.48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.957 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.7802/41.0773 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.15141 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 710.22/ 14.61 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 9,950/10,050 10,000/10,100 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 53.33 51.99 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 24 ธ.ค. 48 26.04*/23.49* 26.04*/23.49* 16.99/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--