วันนี้( 5 ก.ย.48 ) เวลา 11.00 น. น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส. พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎรได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบโครงการจัดซื้อรถพยาบาลพร้อมเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ระดับสูง 232 คัน ของกระทรวงสาธารณสุข มูลค่า 464 ล้านบาท โดยความในหนังสือระบุถึงความไม่โปร่งใสดังนี้
1. การประมูลซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินระดับสูง จำนวน 232 คัน มีการประมูลมา 4 ครั้งและประกาศยกเลิกการการประมูลมาแล้ว 4 ครั้ง คือ
ครั้งที่ 1 สป.ประกาศยกเลิกเมื่อ 21 มิ.ย. 2547
ครั้งที่ 2 สป.ประกาศยกเลิกเมื่อ 6 ส.ค.2547
ครั้งที่ 3 สป.ประกาศยกเลิกเมื่อ 21 ธ.ค. 2547
ครั้งที่ 4 สป.ประกาศยกเลิกเมื่อ 27 มิ.ย. 2547
2. การเสนอราคาในการประมูลใน3 ครั้งแรก จะมีผู้เสนอราคาเพียงรายเดียวคือ บริษัทโตโยต้า มอร์เตอร์ ประเทศไทย จำกัด
3. ตน( น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม )ได้อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ในระหว่างการพิจารราร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2549 วาระที่ 1 เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2548 เพื่อชี้ให้สภาผู้แทนราษฎรและกระทรวงสาธารณสุขได้รับรู้ถึงความโปร่งใสในการกำหนดรายละเอียดคุณลักษณะของรถพยาบาลระดับสูง แต่ทางกระทรวงสาธารณสุขยังไม่ดำเนินการให้เกิดความโปร่งใส แต่กลับดำเนินการในลักษณะผิดปกติหลายประการคือ
3.1 ประกาศยกเลิกการประมูลซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินระดับสูง โดยวิธีการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกร์ เลขที่ 20/2548 ลงวันที่ 27 มิ.ย.2548 โดยให้เหตุผลว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายให้ดำเนินการจัดซื้อรถพยาบาลกับอุปกรณ์การแพทย์ที่ไม่ต้องติดตั้งอยู่ประจำรถ ซึ่งเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ที่แยกซื้อได้แก่
-เครื่องช่วยหายใจแบบอัตโนมัติ
-เครื่องกระตุกหัวใจชนิดอัตโนมัติ
ซึ่งอุปกรณ์การแพทย์ทั้ง 2 ชนิดนี้ ตามรายละเอียดคุณลักษณะเดิมที่ระบุไว้เป็นการกำหนดคุณลักษณะที่เฉพาะเจาะจง และเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่งโดยเฉพาะ
3.2 ได้มีการประกาศประมูลซื้อแยกระหว่างรถพยาบาลพร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์จำนวนหนึ่งและประกาศประมูลซื้อเครื่องช่วยหายใจแบบอัตโนมัติกับเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติโดยออกประกาศในวันที่ 18 ก.ค. 2548 โดยก่อนหน้านี้ทางกระทรวงสาธารณสุข โดยน.พ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาคุณสมบัติของครุภัณฑ์โดยเฉพาะอุปกรณ์การแพทย์ 2 รายการ ที่แยกซื้อได้มีการแก้ไขรายละเอียดคุณลักษณะเปลี่ยนไป จากเดิมซึ่งเป็นการบ่งชี้ได้ว่าคุณลักษณะเดิมก่อนที่จะได้ทำการแก้ไขมีการกำหนดรายละเอียดในลักษณะของการล็อกสเปกจริงๆ
3.3 เมื่อได้มีการแก้ไขรายละเอียดคุณลักษณะ ได้ออกประกาศประมูลซื้อ และ น.พ. พิพัฒน์ ยิ่งเสรี ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนในลักษณะของการยอมรับว่าคุณลักษณะที่ออกประกาศประมูลในครั้งใหม่ล่าสุดนี้มีการล็อกสเปกจริง ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมาย(หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์ และเดลินิวส์ ฉบับวันอังคารที่ 26 ก.ค. 48) ‘การกำหนดสเปกรถพยาบาลครั้งนี้มีบริษัทมากกว่า 1 บริษัท ที่สามารถเข้าร่วมประมูลได้ ส่วนที่มีข้อครหาเรื่องการล็อคสเปกนั้น ผมอยากถามว่ากรรมการที่กำหนดสเปกมาจากหลายส่วน การออกสเปกแต่ละครั้งจะเอาแบบที่ใกล้เคียงกับที่เขาเคยใช้ถามว่ามันผิดอย่างไร เรื่องนี้ตอบยาก แต่ถ้าผมตอบก็ต้องบอกว่าการล็อกสเปกมีจริง แต่ก็เพื่อให้ได้ของที่มีคุณภาพและการใช้ประโยชน์ระยะยาว มิใช่ว่าทุกยี่ห้อเข้าหมด มิฉะนั้นจะได้ของที่ราคาถูกแต่ไม่มีคุณภาพ อย่างไรไฟไซเรนต์ที่มีการระบุว่าล็อกสเปกเรื่องนี้ คนที่เคยใช้ก็บอกว่าถ้าเป็นของใต้หวัน หรือจีน ราคาถูกก็จริงแต่ใช้ไป2-3 ปี พลาสติกก็ซีดและแตก’น.พ.พิพัฒน์ กล่าว
3.4 ในขณะที่ดำเนินการประกาศประมูล เพื่อจัดซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินระดับสูง และอุปกรณ์ทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข น.พ.สุชัย เจริญรัตนกุลรมว.สาธารณสุข ออกคำสั่งกระทรวงสาธาณสุข(ลับ)ที่666/2548 ในการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหลังจากที่ได้ออกคำสั่งดังกล่าวไปนพ.วิชัย เทียนถาวร ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกคำสั่งข้อมูล รายละเอียด และขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างรถพยาบาลระดับสูงที่ผ่านมา เพื่อให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงกระบวนการจัดหารถพยาบาลให้ได้คุณภาพรวดเร็ว โปร่งใส เป็นประโยชน์ต่อราชการและเป็นธรรม ซึ่งพิจารณาดูแล้วขัดกับการกระทำเนื่องจากในขณะที่ดำเนินการเพื่อประมูลรถพยาบาลระดับสูงและอุปกรณ์การแพทย์ไปด้วย กลับตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งดูแล้วเป็นการกระทำที่ขัดกันอย่างสิ้นเชิง จึงมีคำถามว่าถ้าต้องการให้เกิดความโปร่งใส และเป็นประโยชน์ต่อราชการจริง ทำไมไม่ดำเนินการตรวจสอบจนได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเสียก่อนจึงค่อยดำเนินการประมูล แต่กลับทำทั้งสองอย่างไปพร้อมๆกัน ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเกิดประโยชน์
4. จากเอกสารประมูลซื้อ ซึ่งได้กำหนดรายละเอียดคุณลักษณะ และเงื่อนไขในการเสนอราคา ซึ่งตามเอกสาร ที่ออกประกาศในครั้งนี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงรายการหลักๆไป จากประกาศประมูลซื้อครั้งก่อนๆ ได้แก่ อุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อได้ดำเนินการแยกซื้อต่างหาก 2 รายการ คือ
-เครื่องช่วยหายใจแบบอัตโนมัติ
-เครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ
ซึ่งจะเห็นได้ว่าประกาศประมูลรถพยาบาลฉุกเฉินระดับสูง ไม่ได้มีการดำเนินการแก้ไขหรือปรับปรุงให้เกิดความเป็นธรรมและโปร่งใสแต่อย่างใด เป็นเพียงการแบ่งซอยเนื้องาน เพื่อกระจายการจัดซื้อให้กับบริษัทขายเครื่องมือแพทย์บางส่วนเท่านั้น เป็นการลดการต่อต้านและลดการร้องเรียนของบริษัทขายเครื่องมือแพทย์ เนื่องจากได้ตัดส่วนเครื่องมือแพทย์สองชนิดที่กล่าวถึง ซึ่งเป็นเครื่องมือแพทย์ที่มีราคาสูงออกจากรถพยาบาลแล้วแก้ไขรายละเอียดให้สามารถแข่งขันได้หลายบริษัท แต่ในส่วนของรถพยาบาลและอุปกรณ์รวมทั้งเครื่องมือแพทย์อีก 15 รายการยังคงเดิมทุกอย่าง(เครื่องมือแพทย์ 2 รายการ มูลค่า 69.6 ล้านบาท, รถยนต์และอุปกรณ์การแพทย์ 15 รายการ มูลค่า 394.4 ล้านบาท)ซึ่งอุปกรณ์การแพทย์ที่มีการกำหนดคุณลักษณะที่เอื้อให้กับทางบริษัทเอกชนเช่น
-เครื่องช่วยหายใจชนิดมือบีบที่กำหนดใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
-แผ่นรองหลังผู้ป่วยที่กำหนดขนาดกว้าง 41 เซนติเมตร ยาว 183 เซนติเมตร เป็นการกำหนดตัวเลขที่เฉพาะเจาะจง
-ไฟไซเรนต์ที่กำหนดขนาด ความกว้าง ความยาว ความสูง ตลอดจนอุปกรณ์ทุกอย่าง เป็นการเอื้อประโยชน์แก่บริษัทเอกชน
5. เนื่องจากผู้เสนอราคารถพยาบาลระดับสูงได้ตามเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้เสนอราคาจะต้องเป็นบริษัทรถยนต์หรือตัวแทนจำหน่ายของบริษัทรถยนต์ ซึ่งไม่ได้ประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องอะไรกับเครื่องมือแพทย์แต่อย่างใด ดังนั้นการกำหนดเงื่อนไขบังคับให้ผู้เสนอราคาจะต้องเป็นผู้แทนจำหน่ายโดยตรง โดยมีหนังสือรับรองจากโรงงาน หรือบริษัทผู้ผลิตเครื่องมือ แพทย์ที่กล่าวถึงในรายการที่กำหนดไว้เบื้องต้น เป็นการแสดงให้เห็นว่าบริษัทผู้ขายเครื่องมือแพทย์จะเป็นผู้กำหนดว่าบริษัทรถยนต์บริษัทใด ที่จะเป็นผู้เสนอราคาได้ เพราะต้องอาศัยการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายจากบริษัทเครื่องมือแพทย์ เพราะถ้าไม่มีก็ไม่สามารถเข้ายื่นซองแข่งขันในการประมูลได้ ซึ่งการกำหนดให้บริษัทรถยนต์ต้องเป็นตัวแทนจำหน่ายโดยตรงจากผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ก็ไม่ได้มีประโยชน์ต่อทางราชการแต่อย่างใด เพราะหากเครื่องมือแพทย์มีปัญหาหรือชำรุด บริษัทรถยนต์ผู้เป็นผู้ขายก็ไม่สามารถให้บริการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องมือให้กับทางการราชการได้ต้องอาศัยบุคคลากรจากบริษัทตัวแทนขายเครื่องมือแพทย์รายการนั้นๆในประเทศไทยเป็นผู้รับรองการให้การบริการอยู่ดี ดังนั้นการกำหนดในลักษณะนี้เป็นการกำหนดเงื่อนไขให้บริษัทขายเครื่องมือแพทย์มีอำนาจต่อรองกับบริษัทขายรถยนต์ ซึ่งสามารถจะชี้ได้ว่าบริษัทรถยนต์บริษัทไหนจะยื่นเสนอได้ และถูกต้องตามเงื่อนไขที่เขียนไว้
6. การกำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าเสนอราคาได้ มีการกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าจากเงือนไขข้อ 2.1.1 แอละข้อ2.1.4.
2.1.1. ผู้เสนอราคาต้องเป็นผู้ผลิตโดยตรง หรือเป็นผู้นำเข้าโดยตรง หรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทผู้นำเข้าโดยตรง
2.1.4 ผู้เสนอราคาจะต้องมีศูนย์บริการมาตรฐานที่ได้รับการแต่งตั้งโดยตรงจากผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าซึ่งมีมาแล้วเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย
จากเงื่อนไขทั้งสองนี้ เมื่ออ่านและตีความแล้ว จะเท่ากับว่าผู้ที่จะเสนอราคาจะต้องเป็นบริษัที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้นำเข้าโดยตรง ดังนั้นจึงเป็นการปิดกั้นผู้ประกอบการรายอื่นๆที่ไม่ได้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าหรือจำหน่ายรถยนต์แบบรถตู้ ซึ่งในที่นี้รู้กันดีว่า มีพียง 2 ยี่ห้อเท่านั้น ที่จะเจ้าสู่การประมูลได้คือ TOYOTA และ NISSAN
การกำหนดเงื่อนไขตามข้อ 2.1.4 เป็นการบังคับอีกขั้นหนึ่งว่าผู้ที่เสนอราคาได้จะต้องเป็นบริษัทรถยนต์เท่านั้น เนื่องจากผู้เสนอราคาจะต้องมีศูนย์บริการมาตรฐานที่ได้รับการแต่งตั้งโดยตรงจากบริษัทผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 ก.ย.2548--จบ--
1. การประมูลซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินระดับสูง จำนวน 232 คัน มีการประมูลมา 4 ครั้งและประกาศยกเลิกการการประมูลมาแล้ว 4 ครั้ง คือ
ครั้งที่ 1 สป.ประกาศยกเลิกเมื่อ 21 มิ.ย. 2547
ครั้งที่ 2 สป.ประกาศยกเลิกเมื่อ 6 ส.ค.2547
ครั้งที่ 3 สป.ประกาศยกเลิกเมื่อ 21 ธ.ค. 2547
ครั้งที่ 4 สป.ประกาศยกเลิกเมื่อ 27 มิ.ย. 2547
2. การเสนอราคาในการประมูลใน3 ครั้งแรก จะมีผู้เสนอราคาเพียงรายเดียวคือ บริษัทโตโยต้า มอร์เตอร์ ประเทศไทย จำกัด
3. ตน( น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม )ได้อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ในระหว่างการพิจารราร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2549 วาระที่ 1 เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2548 เพื่อชี้ให้สภาผู้แทนราษฎรและกระทรวงสาธารณสุขได้รับรู้ถึงความโปร่งใสในการกำหนดรายละเอียดคุณลักษณะของรถพยาบาลระดับสูง แต่ทางกระทรวงสาธารณสุขยังไม่ดำเนินการให้เกิดความโปร่งใส แต่กลับดำเนินการในลักษณะผิดปกติหลายประการคือ
3.1 ประกาศยกเลิกการประมูลซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินระดับสูง โดยวิธีการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกร์ เลขที่ 20/2548 ลงวันที่ 27 มิ.ย.2548 โดยให้เหตุผลว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายให้ดำเนินการจัดซื้อรถพยาบาลกับอุปกรณ์การแพทย์ที่ไม่ต้องติดตั้งอยู่ประจำรถ ซึ่งเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ที่แยกซื้อได้แก่
-เครื่องช่วยหายใจแบบอัตโนมัติ
-เครื่องกระตุกหัวใจชนิดอัตโนมัติ
ซึ่งอุปกรณ์การแพทย์ทั้ง 2 ชนิดนี้ ตามรายละเอียดคุณลักษณะเดิมที่ระบุไว้เป็นการกำหนดคุณลักษณะที่เฉพาะเจาะจง และเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่งโดยเฉพาะ
3.2 ได้มีการประกาศประมูลซื้อแยกระหว่างรถพยาบาลพร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์จำนวนหนึ่งและประกาศประมูลซื้อเครื่องช่วยหายใจแบบอัตโนมัติกับเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติโดยออกประกาศในวันที่ 18 ก.ค. 2548 โดยก่อนหน้านี้ทางกระทรวงสาธารณสุข โดยน.พ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาคุณสมบัติของครุภัณฑ์โดยเฉพาะอุปกรณ์การแพทย์ 2 รายการ ที่แยกซื้อได้มีการแก้ไขรายละเอียดคุณลักษณะเปลี่ยนไป จากเดิมซึ่งเป็นการบ่งชี้ได้ว่าคุณลักษณะเดิมก่อนที่จะได้ทำการแก้ไขมีการกำหนดรายละเอียดในลักษณะของการล็อกสเปกจริงๆ
3.3 เมื่อได้มีการแก้ไขรายละเอียดคุณลักษณะ ได้ออกประกาศประมูลซื้อ และ น.พ. พิพัฒน์ ยิ่งเสรี ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนในลักษณะของการยอมรับว่าคุณลักษณะที่ออกประกาศประมูลในครั้งใหม่ล่าสุดนี้มีการล็อกสเปกจริง ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมาย(หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์ และเดลินิวส์ ฉบับวันอังคารที่ 26 ก.ค. 48) ‘การกำหนดสเปกรถพยาบาลครั้งนี้มีบริษัทมากกว่า 1 บริษัท ที่สามารถเข้าร่วมประมูลได้ ส่วนที่มีข้อครหาเรื่องการล็อคสเปกนั้น ผมอยากถามว่ากรรมการที่กำหนดสเปกมาจากหลายส่วน การออกสเปกแต่ละครั้งจะเอาแบบที่ใกล้เคียงกับที่เขาเคยใช้ถามว่ามันผิดอย่างไร เรื่องนี้ตอบยาก แต่ถ้าผมตอบก็ต้องบอกว่าการล็อกสเปกมีจริง แต่ก็เพื่อให้ได้ของที่มีคุณภาพและการใช้ประโยชน์ระยะยาว มิใช่ว่าทุกยี่ห้อเข้าหมด มิฉะนั้นจะได้ของที่ราคาถูกแต่ไม่มีคุณภาพ อย่างไรไฟไซเรนต์ที่มีการระบุว่าล็อกสเปกเรื่องนี้ คนที่เคยใช้ก็บอกว่าถ้าเป็นของใต้หวัน หรือจีน ราคาถูกก็จริงแต่ใช้ไป2-3 ปี พลาสติกก็ซีดและแตก’น.พ.พิพัฒน์ กล่าว
3.4 ในขณะที่ดำเนินการประกาศประมูล เพื่อจัดซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินระดับสูง และอุปกรณ์ทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข น.พ.สุชัย เจริญรัตนกุลรมว.สาธารณสุข ออกคำสั่งกระทรวงสาธาณสุข(ลับ)ที่666/2548 ในการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหลังจากที่ได้ออกคำสั่งดังกล่าวไปนพ.วิชัย เทียนถาวร ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกคำสั่งข้อมูล รายละเอียด และขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างรถพยาบาลระดับสูงที่ผ่านมา เพื่อให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงกระบวนการจัดหารถพยาบาลให้ได้คุณภาพรวดเร็ว โปร่งใส เป็นประโยชน์ต่อราชการและเป็นธรรม ซึ่งพิจารณาดูแล้วขัดกับการกระทำเนื่องจากในขณะที่ดำเนินการเพื่อประมูลรถพยาบาลระดับสูงและอุปกรณ์การแพทย์ไปด้วย กลับตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งดูแล้วเป็นการกระทำที่ขัดกันอย่างสิ้นเชิง จึงมีคำถามว่าถ้าต้องการให้เกิดความโปร่งใส และเป็นประโยชน์ต่อราชการจริง ทำไมไม่ดำเนินการตรวจสอบจนได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเสียก่อนจึงค่อยดำเนินการประมูล แต่กลับทำทั้งสองอย่างไปพร้อมๆกัน ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเกิดประโยชน์
4. จากเอกสารประมูลซื้อ ซึ่งได้กำหนดรายละเอียดคุณลักษณะ และเงื่อนไขในการเสนอราคา ซึ่งตามเอกสาร ที่ออกประกาศในครั้งนี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงรายการหลักๆไป จากประกาศประมูลซื้อครั้งก่อนๆ ได้แก่ อุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อได้ดำเนินการแยกซื้อต่างหาก 2 รายการ คือ
-เครื่องช่วยหายใจแบบอัตโนมัติ
-เครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ
ซึ่งจะเห็นได้ว่าประกาศประมูลรถพยาบาลฉุกเฉินระดับสูง ไม่ได้มีการดำเนินการแก้ไขหรือปรับปรุงให้เกิดความเป็นธรรมและโปร่งใสแต่อย่างใด เป็นเพียงการแบ่งซอยเนื้องาน เพื่อกระจายการจัดซื้อให้กับบริษัทขายเครื่องมือแพทย์บางส่วนเท่านั้น เป็นการลดการต่อต้านและลดการร้องเรียนของบริษัทขายเครื่องมือแพทย์ เนื่องจากได้ตัดส่วนเครื่องมือแพทย์สองชนิดที่กล่าวถึง ซึ่งเป็นเครื่องมือแพทย์ที่มีราคาสูงออกจากรถพยาบาลแล้วแก้ไขรายละเอียดให้สามารถแข่งขันได้หลายบริษัท แต่ในส่วนของรถพยาบาลและอุปกรณ์รวมทั้งเครื่องมือแพทย์อีก 15 รายการยังคงเดิมทุกอย่าง(เครื่องมือแพทย์ 2 รายการ มูลค่า 69.6 ล้านบาท, รถยนต์และอุปกรณ์การแพทย์ 15 รายการ มูลค่า 394.4 ล้านบาท)ซึ่งอุปกรณ์การแพทย์ที่มีการกำหนดคุณลักษณะที่เอื้อให้กับทางบริษัทเอกชนเช่น
-เครื่องช่วยหายใจชนิดมือบีบที่กำหนดใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
-แผ่นรองหลังผู้ป่วยที่กำหนดขนาดกว้าง 41 เซนติเมตร ยาว 183 เซนติเมตร เป็นการกำหนดตัวเลขที่เฉพาะเจาะจง
-ไฟไซเรนต์ที่กำหนดขนาด ความกว้าง ความยาว ความสูง ตลอดจนอุปกรณ์ทุกอย่าง เป็นการเอื้อประโยชน์แก่บริษัทเอกชน
5. เนื่องจากผู้เสนอราคารถพยาบาลระดับสูงได้ตามเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้เสนอราคาจะต้องเป็นบริษัทรถยนต์หรือตัวแทนจำหน่ายของบริษัทรถยนต์ ซึ่งไม่ได้ประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องอะไรกับเครื่องมือแพทย์แต่อย่างใด ดังนั้นการกำหนดเงื่อนไขบังคับให้ผู้เสนอราคาจะต้องเป็นผู้แทนจำหน่ายโดยตรง โดยมีหนังสือรับรองจากโรงงาน หรือบริษัทผู้ผลิตเครื่องมือ แพทย์ที่กล่าวถึงในรายการที่กำหนดไว้เบื้องต้น เป็นการแสดงให้เห็นว่าบริษัทผู้ขายเครื่องมือแพทย์จะเป็นผู้กำหนดว่าบริษัทรถยนต์บริษัทใด ที่จะเป็นผู้เสนอราคาได้ เพราะต้องอาศัยการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายจากบริษัทเครื่องมือแพทย์ เพราะถ้าไม่มีก็ไม่สามารถเข้ายื่นซองแข่งขันในการประมูลได้ ซึ่งการกำหนดให้บริษัทรถยนต์ต้องเป็นตัวแทนจำหน่ายโดยตรงจากผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ก็ไม่ได้มีประโยชน์ต่อทางราชการแต่อย่างใด เพราะหากเครื่องมือแพทย์มีปัญหาหรือชำรุด บริษัทรถยนต์ผู้เป็นผู้ขายก็ไม่สามารถให้บริการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องมือให้กับทางการราชการได้ต้องอาศัยบุคคลากรจากบริษัทตัวแทนขายเครื่องมือแพทย์รายการนั้นๆในประเทศไทยเป็นผู้รับรองการให้การบริการอยู่ดี ดังนั้นการกำหนดในลักษณะนี้เป็นการกำหนดเงื่อนไขให้บริษัทขายเครื่องมือแพทย์มีอำนาจต่อรองกับบริษัทขายรถยนต์ ซึ่งสามารถจะชี้ได้ว่าบริษัทรถยนต์บริษัทไหนจะยื่นเสนอได้ และถูกต้องตามเงื่อนไขที่เขียนไว้
6. การกำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าเสนอราคาได้ มีการกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าจากเงือนไขข้อ 2.1.1 แอละข้อ2.1.4.
2.1.1. ผู้เสนอราคาต้องเป็นผู้ผลิตโดยตรง หรือเป็นผู้นำเข้าโดยตรง หรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทผู้นำเข้าโดยตรง
2.1.4 ผู้เสนอราคาจะต้องมีศูนย์บริการมาตรฐานที่ได้รับการแต่งตั้งโดยตรงจากผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าซึ่งมีมาแล้วเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย
จากเงื่อนไขทั้งสองนี้ เมื่ออ่านและตีความแล้ว จะเท่ากับว่าผู้ที่จะเสนอราคาจะต้องเป็นบริษัที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้นำเข้าโดยตรง ดังนั้นจึงเป็นการปิดกั้นผู้ประกอบการรายอื่นๆที่ไม่ได้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าหรือจำหน่ายรถยนต์แบบรถตู้ ซึ่งในที่นี้รู้กันดีว่า มีพียง 2 ยี่ห้อเท่านั้น ที่จะเจ้าสู่การประมูลได้คือ TOYOTA และ NISSAN
การกำหนดเงื่อนไขตามข้อ 2.1.4 เป็นการบังคับอีกขั้นหนึ่งว่าผู้ที่เสนอราคาได้จะต้องเป็นบริษัทรถยนต์เท่านั้น เนื่องจากผู้เสนอราคาจะต้องมีศูนย์บริการมาตรฐานที่ได้รับการแต่งตั้งโดยตรงจากบริษัทผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 ก.ย.2548--จบ--