กรุงเทพ--10 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2548 นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อธิบดีกรมสารนิเทศ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่านายนพปฎล คุณวิบูลย์ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก ได้เชิญ Dato Shaarani Bin Ibrahim เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย มาพบเพื่อประท้วงกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียได้กล่าวพาดพิงถึงประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนของคนไทยในกลุ่ม 131 คน ในกรณีที่จะเดินทางกลับประเทศไทย และในโอกาสดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงท่าทีของไทยต่อเอกอัครราชทูตฯ ดังนี้
1. การกล่าววิจารณ์โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและเท่ากับเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของ ประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกล่าวถึงมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนแล้ว ประเทศไทยไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศใดในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ได้ด้อยไปกว่ามาเลเซีย นอกจากนั้น การวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวยังส่งผลให้คนไทยในกลุ่ม 131 คน ไม่มั่นใจต่อการดำเนินการของรัฐบาลไทย ซึ่งไม่สอดคล้องกับเจตนารมย์ของทั้งสองฝ่ายในฐานะที่เป็นเพื่อนบ้านที่จำต้องร่วมมือกันในการแก้ไขกรณีดังกล่าว
2. ประเด็นเรื่องความปลอดภัยและสิทธิขั้นพื้นฐานของกลุ่มคน 131 คน ไม่น่าจะเป็นประเด็นที่จะต้องมีการกล่าวถึงอีกต่อไปเพราะเป็นประเด็นที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ให้ความสำคัญและยืนยันในทุกโอกาสที่ผ่านมาว่ารัฐบาลไทยจะดูแลความปลอดภัยและให้ความมั่นใจแก่คนไทยในกลุ่ม 131 คน ที่ประสงค์จะเดินทางกลับมา เพราะฉะนั้น ฝ่ายมาเลเซียน่าจะเข้าใจประเด็นนี้ได้อย่างถ่องแท้และไม่สมควรที่จะนำมาตอกย้ำในการแสดงท่าทีหรือการแถลงใดๆ เกี่ยวกับกรณี 131 คน
3. ในการให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ได้มีการกล่าวถึงความร่วมมือของ 2 ประเทศในการแก้ไขปัญหา ฝ่ายไทยจึงหวังว่าฝ่ายมาเลเซียจะปฏิบัติตามเจตนารมย์ดังกล่าว เพื่อมิให้กรณี 131 คนต้องยืดเยื้อและความหลีกเลี่ยงการกล่าววิพากษ์วิจารณ์โดยไม่มีมูลความจริง
4. ฝ่ายไทยหวังว่า 2 ฝ่ายจะได้ดำเนินการเพื่อให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ซึ่งขณะนี้กำลังประสานงานกันสามารถที่จะดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอนในการหาข้อยุติสำหรับกรณีที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด
5. นอกจากนี้ ฝ่ายไทยได้ย้ำถึงความจำเป็นที่แต่ละฝ่ายจะต้องติดต่อประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้มีการนำเสนอข่าวในลักษณะที่จะสร้างความสับสนให้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายมาเลเซียได้ยืนยันกับฝ่ายไทยในโอกาสต่างๆ มาโดยตลอด จึงหวังว่า 2 ฝ่ายจะยึดถือแนวทางดังกล่าวในการทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขกรณี 131 คน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2548 นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อธิบดีกรมสารนิเทศ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่านายนพปฎล คุณวิบูลย์ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก ได้เชิญ Dato Shaarani Bin Ibrahim เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย มาพบเพื่อประท้วงกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียได้กล่าวพาดพิงถึงประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนของคนไทยในกลุ่ม 131 คน ในกรณีที่จะเดินทางกลับประเทศไทย และในโอกาสดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงท่าทีของไทยต่อเอกอัครราชทูตฯ ดังนี้
1. การกล่าววิจารณ์โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและเท่ากับเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของ ประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกล่าวถึงมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนแล้ว ประเทศไทยไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศใดในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ได้ด้อยไปกว่ามาเลเซีย นอกจากนั้น การวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวยังส่งผลให้คนไทยในกลุ่ม 131 คน ไม่มั่นใจต่อการดำเนินการของรัฐบาลไทย ซึ่งไม่สอดคล้องกับเจตนารมย์ของทั้งสองฝ่ายในฐานะที่เป็นเพื่อนบ้านที่จำต้องร่วมมือกันในการแก้ไขกรณีดังกล่าว
2. ประเด็นเรื่องความปลอดภัยและสิทธิขั้นพื้นฐานของกลุ่มคน 131 คน ไม่น่าจะเป็นประเด็นที่จะต้องมีการกล่าวถึงอีกต่อไปเพราะเป็นประเด็นที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ให้ความสำคัญและยืนยันในทุกโอกาสที่ผ่านมาว่ารัฐบาลไทยจะดูแลความปลอดภัยและให้ความมั่นใจแก่คนไทยในกลุ่ม 131 คน ที่ประสงค์จะเดินทางกลับมา เพราะฉะนั้น ฝ่ายมาเลเซียน่าจะเข้าใจประเด็นนี้ได้อย่างถ่องแท้และไม่สมควรที่จะนำมาตอกย้ำในการแสดงท่าทีหรือการแถลงใดๆ เกี่ยวกับกรณี 131 คน
3. ในการให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ได้มีการกล่าวถึงความร่วมมือของ 2 ประเทศในการแก้ไขปัญหา ฝ่ายไทยจึงหวังว่าฝ่ายมาเลเซียจะปฏิบัติตามเจตนารมย์ดังกล่าว เพื่อมิให้กรณี 131 คนต้องยืดเยื้อและความหลีกเลี่ยงการกล่าววิพากษ์วิจารณ์โดยไม่มีมูลความจริง
4. ฝ่ายไทยหวังว่า 2 ฝ่ายจะได้ดำเนินการเพื่อให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ซึ่งขณะนี้กำลังประสานงานกันสามารถที่จะดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอนในการหาข้อยุติสำหรับกรณีที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด
5. นอกจากนี้ ฝ่ายไทยได้ย้ำถึงความจำเป็นที่แต่ละฝ่ายจะต้องติดต่อประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้มีการนำเสนอข่าวในลักษณะที่จะสร้างความสับสนให้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายมาเลเซียได้ยืนยันกับฝ่ายไทยในโอกาสต่างๆ มาโดยตลอด จึงหวังว่า 2 ฝ่ายจะยึดถือแนวทางดังกล่าวในการทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขกรณี 131 คน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-