"องอาจ" ย้ำ ไม่จำเป็นต้องขอโทษรัฐบาลต่อกรณีอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องการทุจริตในโครงการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 เพราะข้อมูลที่นำมาใช้อภิปรายนั้นเป็นข้อมูลจริง โดยเฉพาะเรื่องทุจริตและการรับสินบน พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลกล่าวขอโทษประชาชนต่อกรณีเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิล่าช้า
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรรีที่มีเสียงเรียกร้องจากรัฐบาลให้พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาขอโทษ กรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายฯเรื่องซีทีเอ็กซ์ว่าเครื่องซีทีเอ็กซ์จะไม่มีทางมาถึงประเทศไทย ว่าพรรคประชาธิปัตย์อภิปรายในสภาไม่ได้อภิปรายประเด็นว่าเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจะมาเมืองไทยหรือไม่ แต่พรรคฯอภิปรายประเด็นการทุจริตและมีการให้สินบนการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องออกมาขอโทษรัฐบาล ทั้งนี้พรรคฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่อย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมาต่อหน้าประชาชนทั่วประเทศ ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย
นายองอาจกล่าวต่อว่า ในทางตรงกันข้ามรัฐบาลควรออกมาขอโทษในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสนามบินสุวรรณภูมิ อย่างน้อย 3 เรื่อง 1.เรื่องที่รัฐบาลออกมายอมรับอย่างชัดเจนแล้วว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะเปิดล่าช้ากว่ากำหนดที่รัฐบาลเคยประกาศไว้ เพราะฉะนั้นรัฐบาลเคยประกาศว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะเสร็จทันกำหนด และทันเปิดใช้ภายในปีนี้ แต่ความจริงแล้วต้องเลื่อนกำหนดไปเปิดในปีหน้า ‘นอกจากเปิดใช้ไม่ทันตามกำหนดแล้ว รัฐบาลยังมาบิดเบือนข้อเท็จจริงกับประชาชนว่า คำว่าเปิดใช้นั้นไม่ได้หมายความว่าเปิดใช้ในเชิงพาณิชย์ แต่หมายความว่าเครื่องบินสามารถลงได้ ซึ่งตนมองว่าการออกมาบอกเช่นนี้เป็นการบิดเบือนมากกว่าการชี้แจงข้อเท็จจริง’นายองอาจกล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีประชาชน รวมทั้ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ไปซื้อตั๋วเครื่องบินที่จะใช้สนามบินสุวรรรภูมิแล้ว และตั๋วนั้นก็ระบุว่าสามารถใช้ได้ วันนี้รัฐบาลบอกว่าสนามบินไม่ได้เปิดในเชิงพาณิชย์ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น และรัฐบาลควรขอโทษประชาชน
และ 2. รัฐบาลบอกว่าเมื่อเครื่องซีทีเอ็กซ์มาถึงเมืองไทยแล้วถือว่าการทุจริตจบไป ถ้าเป็นเช่นนั้น ตนเห็นว่าควรจะให้สหรัฐฯมาขอโทษประเทศไทย เพราะสหรัฐเป็นผู้เผยแพร่เรื่องดังกล่าวก่อน จนทำให้ประเทศไทยมีภาพลบในเรื่องเรียกรับสินบน และ 3. การที่รัฐบาลชุดนี้ปล่อยให้มีข้อครหานินทาในเรื่องทุจริต คอรัปชั่น เกี่ยวกับ
สนามบินสุวรรรภูมิในหลายส่วน ซึ่งเรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้ติดตามข้อมูล เพื่อจะมาตรวจสอบการทุจริตต่างๆที่เกียวข้องกับสนามบินสุวรรรภูมิ
เพราะเครื่องซีทีเอ็กซ์จะมาถึงไทยแล้วไม่ได้หมายความว่าการทุจริตจะสิ้นสุดลง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังจะต้องติดตามตรวจสอบในเรื่องนี้ต่อไปเพื่อให้หมดข้อสงสัยของสังคมในหลายข้อไม่ว่าเรื่องการซื้อตรง ที่ยังใช้ราคาเดิมกับการซื้อผ่านบริษัทนายหน้า หรือการนำเงินที่จ่ายไปแล้วคืนมาให้ถูกต้อง ซึ่งพรรคจะดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 ส.ค. 2548--จบ--
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรรีที่มีเสียงเรียกร้องจากรัฐบาลให้พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาขอโทษ กรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายฯเรื่องซีทีเอ็กซ์ว่าเครื่องซีทีเอ็กซ์จะไม่มีทางมาถึงประเทศไทย ว่าพรรคประชาธิปัตย์อภิปรายในสภาไม่ได้อภิปรายประเด็นว่าเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจะมาเมืองไทยหรือไม่ แต่พรรคฯอภิปรายประเด็นการทุจริตและมีการให้สินบนการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องออกมาขอโทษรัฐบาล ทั้งนี้พรรคฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่อย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมาต่อหน้าประชาชนทั่วประเทศ ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย
นายองอาจกล่าวต่อว่า ในทางตรงกันข้ามรัฐบาลควรออกมาขอโทษในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสนามบินสุวรรณภูมิ อย่างน้อย 3 เรื่อง 1.เรื่องที่รัฐบาลออกมายอมรับอย่างชัดเจนแล้วว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะเปิดล่าช้ากว่ากำหนดที่รัฐบาลเคยประกาศไว้ เพราะฉะนั้นรัฐบาลเคยประกาศว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะเสร็จทันกำหนด และทันเปิดใช้ภายในปีนี้ แต่ความจริงแล้วต้องเลื่อนกำหนดไปเปิดในปีหน้า ‘นอกจากเปิดใช้ไม่ทันตามกำหนดแล้ว รัฐบาลยังมาบิดเบือนข้อเท็จจริงกับประชาชนว่า คำว่าเปิดใช้นั้นไม่ได้หมายความว่าเปิดใช้ในเชิงพาณิชย์ แต่หมายความว่าเครื่องบินสามารถลงได้ ซึ่งตนมองว่าการออกมาบอกเช่นนี้เป็นการบิดเบือนมากกว่าการชี้แจงข้อเท็จจริง’นายองอาจกล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีประชาชน รวมทั้ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ไปซื้อตั๋วเครื่องบินที่จะใช้สนามบินสุวรรรภูมิแล้ว และตั๋วนั้นก็ระบุว่าสามารถใช้ได้ วันนี้รัฐบาลบอกว่าสนามบินไม่ได้เปิดในเชิงพาณิชย์ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น และรัฐบาลควรขอโทษประชาชน
และ 2. รัฐบาลบอกว่าเมื่อเครื่องซีทีเอ็กซ์มาถึงเมืองไทยแล้วถือว่าการทุจริตจบไป ถ้าเป็นเช่นนั้น ตนเห็นว่าควรจะให้สหรัฐฯมาขอโทษประเทศไทย เพราะสหรัฐเป็นผู้เผยแพร่เรื่องดังกล่าวก่อน จนทำให้ประเทศไทยมีภาพลบในเรื่องเรียกรับสินบน และ 3. การที่รัฐบาลชุดนี้ปล่อยให้มีข้อครหานินทาในเรื่องทุจริต คอรัปชั่น เกี่ยวกับ
สนามบินสุวรรรภูมิในหลายส่วน ซึ่งเรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้ติดตามข้อมูล เพื่อจะมาตรวจสอบการทุจริตต่างๆที่เกียวข้องกับสนามบินสุวรรรภูมิ
เพราะเครื่องซีทีเอ็กซ์จะมาถึงไทยแล้วไม่ได้หมายความว่าการทุจริตจะสิ้นสุดลง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังจะต้องติดตามตรวจสอบในเรื่องนี้ต่อไปเพื่อให้หมดข้อสงสัยของสังคมในหลายข้อไม่ว่าเรื่องการซื้อตรง ที่ยังใช้ราคาเดิมกับการซื้อผ่านบริษัทนายหน้า หรือการนำเงินที่จ่ายไปแล้วคืนมาให้ถูกต้อง ซึ่งพรรคจะดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 ส.ค. 2548--จบ--