สรุปสถานการณ์
หลังจากที่จีนได้ลงนามในข้อตกลงเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกเมื่อปี 2544 สินค้าของจีนได้เข้าสู่ตลาดโลกโดยเฉพาะสิ่งทอ ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายของผู้ผลิตภายในประเทศที่จีนได้เข้าไปสู่ตลาดนั้นๆ จนทำให้ WTO ต้องออกมาตราการปกป้องพิเศษด้านสิ่งทอเพื่อเป็นการปกป้องสินค้าจีนเข้าไปเป็นเจ้าตลาดแทนและจะเป็นการส่งผลให้ผู้ผลิตท้องถิ่นเสียโอกาสในการแข่งขันในตลาดนั้นๆ ได้
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยด้วยว่าสหรัฐได้นำเข้าสิ่งทอจากจีนเพิ่มมากขึ้นถึง 1,000% นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 ซึ่งแสดงว่าจีนได้ส่งออกสิ่งทอมายังสหรัฐมีมูลค่าถึง 10.8 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2547 ถึง 67% การนำเข้าสินค้าสิ่งทอของจีนในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสิ่งทอของทั้ง 2 กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบและออกมาปกป้องโดยการกดดันให้รัฐบาลของตนให้เข้ามาจัดการและหามาตรการจำกัดสิ่งทอจากจีน จากแรงกดดันดังกล่าวทำให้จีนต้องแสดงสปิริตโดยการออกมาตราเก็บภาษีส่งออกสิ่งทอก่อน เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์แก่คู่ค้าที่ดีแก่ชาวโลก ล่าสุดแรงกดดันจากปัญหาสิ่งทอที่มีกับสหรัฐส่งผลให้รัฐบาลจีนเตรียมประกาศระบบจัดสรรโควตาการส่งออกให้แก่อุตสาหกรรมสิ่งทอในประเทศ โดยระบบใหม่จะกำหนดปริมาณสิ่งทอที่แต่ละบริษัทสามารถส่งออกไปยุโรป เพื่อเป็นการลดสิทธิประโยชน์ที่ผู้ส่งออกเคยได้รับจนทำให้การส่งออกสิ่งทอของจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญระบบนี้จะช่วยลดความวุ่นวายในส่วนของงานพิธีการด้านศุลการกรของสหรับและจะช่วยให้ระบบห่วงโซ่อุปทานในสหรัฐดำเนินไปได้อย่างสะดวกมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคและผู้ค้าปลีกในยุโรปจำนวนมากเห็นว่าการจำกัดโควตาสิ่งทอเป็นการบีบให้ราคาสิ่งทอของจีนมีราคาที่สูงขึ้น และย่อมเกิดผลกระทบต่อผู้บริโภคโดยตรง ขณะที่สหรัฐได้เสนอให้จีนดำเนินการดังนี้ 1. จำกัดการนำเข้าสิ่งทอ 19 ประเภท 2. ให้จีนจำกัดอัตราการเติบโตของการส่งออกให้อยู่ที่ 7.5% โดยที่สหรัฐต้องการให้จีนดำเนินมาตรการทั้ง 2 นี้ไปถึงปี 2551
ประเด็นวิเคราะห์
ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องของการส่งออกสินค้าสิ่งทอของจีนที่เกิดขึ้นกับสห ภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ได้มีการดำเนินการเจรจามาอย่างต่อเนื่องถึง 3 ครั้ง แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณที่แน่ชัดว่าจีนจะดำเนินการอย่างใด และจีนจะยอมทำตามข้อเสนอจากสหรัฐหรือไม่ ในขณะที่จีนกำลังมีปัญหาสิ่งทอ 2 ด้านกับสหรัฐและสหภาพยุโรป นั้น มีประเทศได้รับอานิสงฆ์ โดยเฉพาะอินเดียที่ส่งออกสินค้ากลุ่มเสื้อผ้าไปยังตลาดอียูเพิ่มขึ้น 14% หรือ 1.3 พันล้านยูโร บังคลาเทศ ตัวเลขการส่งออกในช่วงปี 47/48 ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น 14.5% อย่างไรก็ตามถ้าจีนยอมทำตามข้อเสนอของสหรัฐ จะมีส่วนทำให้สินค้าสิ่งทอของจีนมีราคาที่สูงขึ้นในตลาดโลก
ที่มา: http://www.depthai.go.th