ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.แต่งตั้ง 2 ผู้บริหารขึ้นผู้ช่วยผู้ว่าการ รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิด
เผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ธปท. ได้พิจารณาแต่งตั้งผู้บริหารคนใหม่ เพื่อแทนผู้บริหารที่จะเกษียณอายุในปีนี้
จำนวน 2 คือ 1) นายสามารถ บูรณวัฒนาโชค ผอส.ฝ่ายนโยบายความเสี่ยงและวิเคราะห์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้
ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน แทน น.ส.อุดมทรัพย์ เตชะกำพุช และ 2) นายฉิม ตันติยาสวัสดิกุล ผอส.
ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นผู้ช่วยผู้ว่าการ สายระบบข้อสนเทศ แทนนางอรุณศรี ติวะกุล ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่
1 ต.ค.ที่จะถึงนี้ ด้านตำแหน่งผู้ช่วยผู้ว่าการ สายจัดการกองทุนและหนี้ ของ นางสว่างจิตต์ จัยวัฒน์ ที่จะไปดำรง
ตำแหน่งเป็นรองผู้ว่าการด้านบริหาร แทนนายเชษฐทวี เจริญพิทักษ์ ที่เกษียณอายุในปีนี้นั้น จะต้องรอให้มีการโปรด
เกล้าฯ ในตำแหน่งรองผู้ว่าการฯ ก่อนจึงจะมีการพิจารณาแต่งตั้งตำแหน่งผู้ช่วยผู้ว่าการต่อไป (โพสต์ทูเดย์)
2. ธ.ออมสินมีเป้าหมายสนับสนุนกองทุนหมู่บ้านในปีนี้ 101 แห่ง และปี 49 อีก 1,000 แห่ง ผอ.ธ.
ออมสิน เปิดเผยว่า ในปี 48 ธ.ออมสินมีเป้าหมายจะสนับสนุนให้กองทุนหมู่บ้านที่เข้มแข็งพัฒนาขึ้นเป็น ธ.หมู่บ้าน
จำนวน 101 แห่ง และปี 49 มีเป้าหมายจะจัดอบรมเพื่อเปิด ธ.หมู่บ้านอีก 1,000 แห่ง โดยจำนวน 101 แห่ง
แรก จะเป็นแบบอย่างให้กับกองทุนหมู่บ้านต่าง ๆ ได้มาศึกษาดูงาน โดยล่าสุด ธ.ออมสินร่วมกับสำนักงานพัฒนา
ชุมชน จ.ปทุมธานี และเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จ.ปทุมธานี คัดเลือกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองดี
เด่น ยกระดับขึ้นเป็น ธ.หมู่บ้านนำร่อง โดยให้บริการเต็มรูปแบบที่หมู่บ้านชุมชนเคหะรังสิต เริ่มเปิดตัวและให้
บริการวันนี้อย่างเป็นทางการ (โพสต์ทูเดย์, โลกวันนี้)
3. ก.พาณิชย์เลิกตรึงราคาสินค้าที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.นี้ ผช. รมต.ประจำ ก.พาณิชย์ เปิดเผย
ว่า ภายหลังสิ้นสุดระยะเวลาการขอความร่วมมือผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายสินค้าตรึงราคาสินค้าจำนวน 120
รายการ ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ กรมการค้าภายในจะไม่ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบดังกล่าวขยายระยะเวลาตรึง
ราคาสินค้าต่อ โดยผู้ผลิตรายใดเห็นว่าสินค้าของตนมีภาระต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นสามารถทำหนังสือขอปรับขึ้นราคามา
ยังกรมการค้าภายในได้ทันที ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป ล่าสุดกรมการค้าภายในเห็นชอบให้เพิ่มรายการสินค้า
สำคัญที่ติดตามดูแลเพิ่มเติมอีก 30 รายการ รวมเป็นทั้งสิ้น 150 รายการ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป เนื่อง
จากพบว่าทุกรายการมีการเคลื่อนไหวของราคามาก และมีแนวโน้มราคาอาจปรับเพิ่มขึ้นจากภาระต้นทุนด้าน ๆ
(ข่าวสด, โลกวันนี้, ไทยรัฐ)
4. ราคาทองคำวานนี้พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำเมื่อ
วันที่ 15 ก.ย.นี้ ทองคำแท่งซื้อบาทละ 8,650 บาท ขายบาทละ 8,750 บาท และทองรูปพรรณซื้อบาทละ
8,565 บาท ขายบาทละ 9,050 บาท ถือเป็นราคาที่สูงสุดในประวัติการณ์ เพราะราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นและ
ภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงผู้บริโภคในตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่นิวยอร์กของ สรอ. และตลาดลอนดอนที่อังกฤษได้มีการซื้อ
ทองคำเก็บเป็นจำนวนมาก ต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี 48 เพื่อป้องกันความเสี่ยงในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
รวมทั้งความเสี่ยงจากเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและความผันผวนของราคาน้ำมัน โดยเห็นว่าการถือทองคำเป็นการช่วง
ป้องกันความเสี่ยงที่ดีกว่า ทั้งนี้ ราคาทองคำในตลาดโลกวันที่ 15 ก.ย.มีการซื้อขายกันอยู่ที่ 450 ดอลลาร์ สรอ./อนซ์ (ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน ส.ค.48 ปรับตัวเพิ่มขึ้น รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 15
ก.ย.48 ก.แรงงาน เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน ส.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 และดัชนี
ราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ใกล้เคียงกับการคาด
การณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 และ
0.2 ตามลำดับ ทั้งนี้ การที่ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น เป็นผลจากการที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและพลังงานปรับตัวเพิ่ม
ขึ้น ในขณะที่ราคาสินค้าอื่นๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยราคาพลังงาน (Energy) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 สูงสุดนับตั้งแต่
เดือน มี.ค.46 ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงรถยนต์ (Gasoline) เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.46
ราคาน้ำมันเตา (Fuel oil) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 และราคาก๊าซธรรมชาติ (Natural gas) เพิ่มขึ้นร้อยละ
2.7 สำหรับราคาอาหาร ที่อยู่อาศัย และค่ารักษาพยาบาล ไม่เปลี่ยนแปลง อนึ่ง ทางการ สรอ.เปิดเผยใน
รายงานว่า การที่ราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้นนั้นไม่ได้เป็นผลจากการเกิดพายุเฮอร์ริเคนแคทรีนา เนื่องจากข้อมูลที่รวบ
รวมได้พบว่า กว่าร้อยละ 90 ของราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มขึ้นก่อนการเกิดพายุเฮอร์ริเคน (รอยเตอร์)
2. IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งจนถึงปี 49 รายงานจากวอชิงตัน
เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 48 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวอย่างแข็ง
แกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า แม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากภาวะราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงก็
ตาม ทั้งนี้ IMF มีกำหนดที่จะเปิดเผยตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า ซึ่ง
เยอรมนีคาดว่า IMF จะปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกในปีหน้าลงเหลือร้อยละ 4.3 จากที่คาด
การณ์ไว้เดิมเมื่อเดือนเม.ย.ที่ร้อยละ 4.4 ส่วนปีนี้ยังคงคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 4.3 ไม่เปลี่ยนแปลง
ซึ่งสูงกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาถึงเกือบร้อยละ 0.5 โดยที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกเติบ
โตเฉลี่ยเพียงร้อยละ 3.9 ทั้งนี้คาดการณ์ดังกล่าวมากกว่าการคาดการณ์ของภาคเอกชนอาทิ Goldman Sachs
และ the Institute for International Economics โดย Goldman Sachs คาดว่าในปีนี้และปีหน้า
เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวร้อยละ 4.0 ส่วน the Institute for International Economics คาดว่าในปี
หน้าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.5 (รอยเตอร์)
3. ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน ส.ค.48 อยู่ในระดับคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน รายงาน
จากลอนดอน เมื่อ 15 ก.ย.48 สนง.สถิติแห่งชาติของอังกฤษรายงานยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน ส.ค.48 อยู่
ในระดับคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน โดยหากเทียบกับปีก่อนแล้วยอดค้าปลีกในเดือน ส.ค.48 เพิ่มขึ้นเพียง
ร้อยละ 0.8 ต่อปี ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค.48 หลังจากลดลงร้อยละ 0.6 ต่อปีในเดือน ก.ค.48 โดยเป็นผลมา
จากยอดขายอาหารที่ลดลงมากผิดปรกติทำให้ยอดขายของซุปเปอร์มาร์เก็ตลดลงร้อยละ 1.2 ลดลงในอัตราสูงสุดนับ
ตั้งแต่เดือน ม.ค.46 นักวิเคราะห์คาดว่าเป็นผลมาจากผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมไปซื้ออาหารที่มีราคาถูกกว่า นอก
จากอาหารแล้วยอดขายสินค้าอื่นก็ลดลงเช่นเดียวกัน โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ย.48 ที่ผ่านมา Kingfisher ซึ่งเป็นผู้
ค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านรายใหญ่ที่สุดของยุโรปรายงานยอดขายของร้าน B&Q ในเครือลดลงร้อยละ 7 เช่นเดียว
กับเชนสโตร์ขายเสื้อผ้าแฟชั่น Next Plc ที่รายงานยอดขายอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี ทั้งนี้เป็นผลมา
จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอ
การใช้จ่ายในด้านอื่นลง นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งภายในปีนี้
หรือต้นปีหน้าโดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธ.กลางอังกฤษตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 4.5 ต่อปีหลัง
จากลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีเมื่อเดือน ส.ค.48 ที่ผ่านมาเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค
(รอยเตอร์)
4. การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนเดือน ส.ค.48 เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก รายงาน
จากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 15 ก.ย.48 การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนในเดือน ส.ค.48 เพิ่มขึ้นสูง
กว่าที่คาดการณ์ไว้มากถึงร้อยละ 28.5 จากปีก่อน เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.7 และ 28.8 ในเดือน ก.ค.
และ มิ.ย.48 ตามลำดับ รวมทั้งสูงกว่าผลสำรวจความเห็นของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับร้อยละ
27 และสูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ระดับร้อยละ 15 ในปี 48 โดยปัจจัยบวกมาจากการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น
มากและการก่อสร้างระบบการขนส่ง ซึ่งช่วยชดเชยกับภาวะซบเซาของภาคอสังหาริมทรัพย์ได้ ทั้งนี้ การลงทุนใน
สินทรัพย์ถาวรรวมถึงการใช้จ่ายในการก่อสร้างถนน โรงไฟฟ้า และอาคารที่พักอาศัยด้วย ในขณะที่ข้อมูลอย่างเป็น
ทางการล่าสุดของรัฐบาลแสดงให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมมีการเติบโตได้ดี การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นมาก และ
อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ซึ่งช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจจีนมีอัตราการเติบโตดีต่อไป อย่างไรก็ตาม ภาครัฐได้
พยายามควบคุมการลงทุนโดยเข้มงวดการให้สินเชื่อและระงับการอนุญาตก่อสร้าง แต่ก็ยังคงให้การสนับสนุนในส่วนที่
ยังเป็นปัญหาต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เช่น ท่าเรือ เป็นต้น ด้านการลงทุนในกระบวนการผลิตและการทำ
เหมืองถ่านหินในช่วง 8 เดือนแรกของปี 48 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 82 จากปีก่อน ขณะที่การลงทุนก่อสร้างทาง
รถไฟเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.2 ต่อปี นอกจากนี้ การที่ต่างประเทศมีความต้องการอย่างมากสำหรับสินค้าราคาถูกของ
จีนก็ช่วยทำให้มีการลงทุนเพิ่มกำลังผลิตในภาคอุตสาหกรรมด้วย โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือน ส.ค.48
เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากปีก่อน ซึ่งบางส่วนมาจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16 ก.ย. 48 15 ก.ย. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.988 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.7980/41.0876 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.31778 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 711.20/ 21.15 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,750/8,850 8,650/8,750 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 56.06 56.27 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 27.34*/23.79* 27.34*/23.79* 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 10 ก.ย. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.แต่งตั้ง 2 ผู้บริหารขึ้นผู้ช่วยผู้ว่าการ รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิด
เผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ธปท. ได้พิจารณาแต่งตั้งผู้บริหารคนใหม่ เพื่อแทนผู้บริหารที่จะเกษียณอายุในปีนี้
จำนวน 2 คือ 1) นายสามารถ บูรณวัฒนาโชค ผอส.ฝ่ายนโยบายความเสี่ยงและวิเคราะห์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้
ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน แทน น.ส.อุดมทรัพย์ เตชะกำพุช และ 2) นายฉิม ตันติยาสวัสดิกุล ผอส.
ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นผู้ช่วยผู้ว่าการ สายระบบข้อสนเทศ แทนนางอรุณศรี ติวะกุล ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่
1 ต.ค.ที่จะถึงนี้ ด้านตำแหน่งผู้ช่วยผู้ว่าการ สายจัดการกองทุนและหนี้ ของ นางสว่างจิตต์ จัยวัฒน์ ที่จะไปดำรง
ตำแหน่งเป็นรองผู้ว่าการด้านบริหาร แทนนายเชษฐทวี เจริญพิทักษ์ ที่เกษียณอายุในปีนี้นั้น จะต้องรอให้มีการโปรด
เกล้าฯ ในตำแหน่งรองผู้ว่าการฯ ก่อนจึงจะมีการพิจารณาแต่งตั้งตำแหน่งผู้ช่วยผู้ว่าการต่อไป (โพสต์ทูเดย์)
2. ธ.ออมสินมีเป้าหมายสนับสนุนกองทุนหมู่บ้านในปีนี้ 101 แห่ง และปี 49 อีก 1,000 แห่ง ผอ.ธ.
ออมสิน เปิดเผยว่า ในปี 48 ธ.ออมสินมีเป้าหมายจะสนับสนุนให้กองทุนหมู่บ้านที่เข้มแข็งพัฒนาขึ้นเป็น ธ.หมู่บ้าน
จำนวน 101 แห่ง และปี 49 มีเป้าหมายจะจัดอบรมเพื่อเปิด ธ.หมู่บ้านอีก 1,000 แห่ง โดยจำนวน 101 แห่ง
แรก จะเป็นแบบอย่างให้กับกองทุนหมู่บ้านต่าง ๆ ได้มาศึกษาดูงาน โดยล่าสุด ธ.ออมสินร่วมกับสำนักงานพัฒนา
ชุมชน จ.ปทุมธานี และเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จ.ปทุมธานี คัดเลือกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองดี
เด่น ยกระดับขึ้นเป็น ธ.หมู่บ้านนำร่อง โดยให้บริการเต็มรูปแบบที่หมู่บ้านชุมชนเคหะรังสิต เริ่มเปิดตัวและให้
บริการวันนี้อย่างเป็นทางการ (โพสต์ทูเดย์, โลกวันนี้)
3. ก.พาณิชย์เลิกตรึงราคาสินค้าที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.นี้ ผช. รมต.ประจำ ก.พาณิชย์ เปิดเผย
ว่า ภายหลังสิ้นสุดระยะเวลาการขอความร่วมมือผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายสินค้าตรึงราคาสินค้าจำนวน 120
รายการ ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ กรมการค้าภายในจะไม่ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบดังกล่าวขยายระยะเวลาตรึง
ราคาสินค้าต่อ โดยผู้ผลิตรายใดเห็นว่าสินค้าของตนมีภาระต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นสามารถทำหนังสือขอปรับขึ้นราคามา
ยังกรมการค้าภายในได้ทันที ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป ล่าสุดกรมการค้าภายในเห็นชอบให้เพิ่มรายการสินค้า
สำคัญที่ติดตามดูแลเพิ่มเติมอีก 30 รายการ รวมเป็นทั้งสิ้น 150 รายการ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป เนื่อง
จากพบว่าทุกรายการมีการเคลื่อนไหวของราคามาก และมีแนวโน้มราคาอาจปรับเพิ่มขึ้นจากภาระต้นทุนด้าน ๆ
(ข่าวสด, โลกวันนี้, ไทยรัฐ)
4. ราคาทองคำวานนี้พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำเมื่อ
วันที่ 15 ก.ย.นี้ ทองคำแท่งซื้อบาทละ 8,650 บาท ขายบาทละ 8,750 บาท และทองรูปพรรณซื้อบาทละ
8,565 บาท ขายบาทละ 9,050 บาท ถือเป็นราคาที่สูงสุดในประวัติการณ์ เพราะราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นและ
ภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงผู้บริโภคในตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่นิวยอร์กของ สรอ. และตลาดลอนดอนที่อังกฤษได้มีการซื้อ
ทองคำเก็บเป็นจำนวนมาก ต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี 48 เพื่อป้องกันความเสี่ยงในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
รวมทั้งความเสี่ยงจากเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและความผันผวนของราคาน้ำมัน โดยเห็นว่าการถือทองคำเป็นการช่วง
ป้องกันความเสี่ยงที่ดีกว่า ทั้งนี้ ราคาทองคำในตลาดโลกวันที่ 15 ก.ย.มีการซื้อขายกันอยู่ที่ 450 ดอลลาร์ สรอ./อนซ์ (ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน ส.ค.48 ปรับตัวเพิ่มขึ้น รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 15
ก.ย.48 ก.แรงงาน เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน ส.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 และดัชนี
ราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ใกล้เคียงกับการคาด
การณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 และ
0.2 ตามลำดับ ทั้งนี้ การที่ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น เป็นผลจากการที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและพลังงานปรับตัวเพิ่ม
ขึ้น ในขณะที่ราคาสินค้าอื่นๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยราคาพลังงาน (Energy) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 สูงสุดนับตั้งแต่
เดือน มี.ค.46 ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงรถยนต์ (Gasoline) เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.46
ราคาน้ำมันเตา (Fuel oil) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 และราคาก๊าซธรรมชาติ (Natural gas) เพิ่มขึ้นร้อยละ
2.7 สำหรับราคาอาหาร ที่อยู่อาศัย และค่ารักษาพยาบาล ไม่เปลี่ยนแปลง อนึ่ง ทางการ สรอ.เปิดเผยใน
รายงานว่า การที่ราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้นนั้นไม่ได้เป็นผลจากการเกิดพายุเฮอร์ริเคนแคทรีนา เนื่องจากข้อมูลที่รวบ
รวมได้พบว่า กว่าร้อยละ 90 ของราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มขึ้นก่อนการเกิดพายุเฮอร์ริเคน (รอยเตอร์)
2. IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งจนถึงปี 49 รายงานจากวอชิงตัน
เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 48 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวอย่างแข็ง
แกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า แม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากภาวะราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงก็
ตาม ทั้งนี้ IMF มีกำหนดที่จะเปิดเผยตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า ซึ่ง
เยอรมนีคาดว่า IMF จะปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกในปีหน้าลงเหลือร้อยละ 4.3 จากที่คาด
การณ์ไว้เดิมเมื่อเดือนเม.ย.ที่ร้อยละ 4.4 ส่วนปีนี้ยังคงคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 4.3 ไม่เปลี่ยนแปลง
ซึ่งสูงกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาถึงเกือบร้อยละ 0.5 โดยที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกเติบ
โตเฉลี่ยเพียงร้อยละ 3.9 ทั้งนี้คาดการณ์ดังกล่าวมากกว่าการคาดการณ์ของภาคเอกชนอาทิ Goldman Sachs
และ the Institute for International Economics โดย Goldman Sachs คาดว่าในปีนี้และปีหน้า
เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวร้อยละ 4.0 ส่วน the Institute for International Economics คาดว่าในปี
หน้าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.5 (รอยเตอร์)
3. ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน ส.ค.48 อยู่ในระดับคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน รายงาน
จากลอนดอน เมื่อ 15 ก.ย.48 สนง.สถิติแห่งชาติของอังกฤษรายงานยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน ส.ค.48 อยู่
ในระดับคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน โดยหากเทียบกับปีก่อนแล้วยอดค้าปลีกในเดือน ส.ค.48 เพิ่มขึ้นเพียง
ร้อยละ 0.8 ต่อปี ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค.48 หลังจากลดลงร้อยละ 0.6 ต่อปีในเดือน ก.ค.48 โดยเป็นผลมา
จากยอดขายอาหารที่ลดลงมากผิดปรกติทำให้ยอดขายของซุปเปอร์มาร์เก็ตลดลงร้อยละ 1.2 ลดลงในอัตราสูงสุดนับ
ตั้งแต่เดือน ม.ค.46 นักวิเคราะห์คาดว่าเป็นผลมาจากผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมไปซื้ออาหารที่มีราคาถูกกว่า นอก
จากอาหารแล้วยอดขายสินค้าอื่นก็ลดลงเช่นเดียวกัน โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ย.48 ที่ผ่านมา Kingfisher ซึ่งเป็นผู้
ค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านรายใหญ่ที่สุดของยุโรปรายงานยอดขายของร้าน B&Q ในเครือลดลงร้อยละ 7 เช่นเดียว
กับเชนสโตร์ขายเสื้อผ้าแฟชั่น Next Plc ที่รายงานยอดขายอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี ทั้งนี้เป็นผลมา
จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอ
การใช้จ่ายในด้านอื่นลง นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งภายในปีนี้
หรือต้นปีหน้าโดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธ.กลางอังกฤษตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 4.5 ต่อปีหลัง
จากลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีเมื่อเดือน ส.ค.48 ที่ผ่านมาเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค
(รอยเตอร์)
4. การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนเดือน ส.ค.48 เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก รายงาน
จากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 15 ก.ย.48 การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนในเดือน ส.ค.48 เพิ่มขึ้นสูง
กว่าที่คาดการณ์ไว้มากถึงร้อยละ 28.5 จากปีก่อน เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.7 และ 28.8 ในเดือน ก.ค.
และ มิ.ย.48 ตามลำดับ รวมทั้งสูงกว่าผลสำรวจความเห็นของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับร้อยละ
27 และสูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ระดับร้อยละ 15 ในปี 48 โดยปัจจัยบวกมาจากการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น
มากและการก่อสร้างระบบการขนส่ง ซึ่งช่วยชดเชยกับภาวะซบเซาของภาคอสังหาริมทรัพย์ได้ ทั้งนี้ การลงทุนใน
สินทรัพย์ถาวรรวมถึงการใช้จ่ายในการก่อสร้างถนน โรงไฟฟ้า และอาคารที่พักอาศัยด้วย ในขณะที่ข้อมูลอย่างเป็น
ทางการล่าสุดของรัฐบาลแสดงให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมมีการเติบโตได้ดี การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นมาก และ
อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ซึ่งช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจจีนมีอัตราการเติบโตดีต่อไป อย่างไรก็ตาม ภาครัฐได้
พยายามควบคุมการลงทุนโดยเข้มงวดการให้สินเชื่อและระงับการอนุญาตก่อสร้าง แต่ก็ยังคงให้การสนับสนุนในส่วนที่
ยังเป็นปัญหาต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เช่น ท่าเรือ เป็นต้น ด้านการลงทุนในกระบวนการผลิตและการทำ
เหมืองถ่านหินในช่วง 8 เดือนแรกของปี 48 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 82 จากปีก่อน ขณะที่การลงทุนก่อสร้างทาง
รถไฟเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.2 ต่อปี นอกจากนี้ การที่ต่างประเทศมีความต้องการอย่างมากสำหรับสินค้าราคาถูกของ
จีนก็ช่วยทำให้มีการลงทุนเพิ่มกำลังผลิตในภาคอุตสาหกรรมด้วย โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือน ส.ค.48
เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากปีก่อน ซึ่งบางส่วนมาจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16 ก.ย. 48 15 ก.ย. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.988 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.7980/41.0876 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.31778 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 711.20/ 21.15 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,750/8,850 8,650/8,750 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 56.06 56.27 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 27.34*/23.79* 27.34*/23.79* 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 10 ก.ย. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--