ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ขอความร่วมมือให้รายงานข้อมูลรายได้ล่าสุดของผู้ถือบัตรเครดิต ผอส.ฝ่ายนโยบายความ
เสี่ยงและวิเคราะห์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ขอความร่วมมือให้ ธพ.และบริษัทผู้
ประกอบการบัตรเครดิต (นอนแบงก์) รายงานข้อมูลรายได้ล่าสุดของลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตมาให้ทางการรับทราบ
เพื่อพิจารณาหาความสอดคล้องระหว่างรายได้กับวงเงินสินเชื่อที่ได้รับ โดยจะต้องได้ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้
อย่างไรก็ตาม หากลูกค้าไม่ให้ความร่วมมือส่งข้อมูลมา ผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการ 2 ทางเลือก คือ 1) ยก
เลิกสิทธิการถือบัตร หรือ 2) ลดวงเงินที่เกินให้เท่ากับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ สำหรับกรณีการปรับเพิ่มเพดานอัตราดอกเบี้ย
สินเชื่อส่วนบุคคล โดยมีแนวโน้มว่าจะกำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 24 ต่อปีนั้น ธปท.จะพิจารณาให้สมเหตุผล ซึ่ง
เมื่อผู้ประกอบการบัตรมีต้นทุนสูงขึ้น จะต้องบริหารจัดการเอง โดยที่ผ่านมา ธปท.ได้ออกเกณฑ์ควบคุมแล้วครั้งหนึ่ง
ซึ่งพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ปรับตัวได้ (เดลินิวส์, มติชน, สยามรัฐ, ไทยรัฐ, โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
2. ดัชนีอุตสาหกรรมเดือน ม.ค.48 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 1.28 ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจ
อุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ผลการสำรวจดัชนีอุตสาหกรรมเดือน ม.ค.48 อยู่ที่ระดับ 143.44 ลดลงจาก
เดือนก่อนร้อยละ 1.28 เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ชะลอการผลิตของอุตสาหกรรมเพื่อเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ที่
มีคุณภาพสูงเข้ามาทดแทน ซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว ประกอบกับการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมัน
ปิโตรเลียม ทั้งภาวะการผลิตและจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปโดยรวมมีปริมาณลดลงเล็กน้อย เนื่องจากมีโรงกลั่นราย
ใหญ่บางแห่งปิดซ่อมบำรุง คาดว่าภายหลังจากการปรับปรุงเครื่องจักรการผลิตและการซ่อมบำรุงของโรงกลั่นต่าง
ๆ แล้วเสร็จ ดัชนีการผลิตจะกลับมามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นดังเช่นในปีที่ผ่านมา ส่วนดัชนีการส่งสินค้าอยู่ที่ระดับ 134.82
ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 9.33 ดัชนีแรงงานในภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 105.36 ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ
0.06 ดัชนีผลิตภาพแรงงานอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 150.76 ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 4.68 และอัตราการใช้
กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 68.93 ลดลงจากเดือนที่อยู่ที่ร้อยละ 68.99 ส่วนอุตสาหกรรมที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น คือ
ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลังอยู่ที่ระดับ 140.76 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 2.28 ขณะที่ดัชนีอัตราส่วนสินค้าสำเร็จ
รูปคงคลังอยู่ที่ระดับ 174.00 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 18.78 (ข่าวสด, เดลินิวส์, มติชน, แนวหน้า, สยาม
รัฐ, กรุงเทพธุรกิจ)
3. ยอดนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยของไทยในเดือน ม.ค.48 ขยายตัวร้อยละ 11.49 คิดเป็นร้อยละ
6.47 ของการนำเข้าทั้งหมด รายงานจาก ก.พาณิชย์เปิดเผยว่า มูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยของไทยในเดือน
ม.ค.48 รวม 23,388 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 11.49 คิดเป็นร้อยละ 6.47 ของสัดส่วนการนำเข้าทั้งหมด
สินค้าที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน มูลค่า 4,975 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ
24.26 รองลงมาคือ เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด 4,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.15 ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและ
เภสัชกรรม 2,370 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.89 และนาฬิกาและส่วนประกอบ 998 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ
3.43 อย่างไรก็ตาม การนำเข้าผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์สำหรับการบริโภคมียอดนำเข้าขยายตัวสูงที่สุดในจำนวนสินค้า
ฟุ่มเฟือยทั้งหมด 28 รายการ โดยมียอดขยายตัวถึงร้อยละ 104.80 รองลงมาได้แก่ เครื่องประดับอัญมณี เครื่อง
ใช้ไฟฟ้า สบู่ ผงซักฟอกและเครื่องสำอาง เครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลมและสุรา (ข่าวสด, แนวหน้า)
4. ก.ล.ต.มีมติอนุมัติร่างประกาศกำหนดเกณฑ์ให้ บจ.ต้องเปลี่ยนตัวผู้สอบบัญชีอย่างน้อยทุก 5 รอบปี
บัญชี รายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า คณะ
กรรมการมีมติอนุมัติร่างประกาศกำหนดเกณฑ์ให้ บจ.ต้องเปลี่ยนตัวผู้สอบบัญชี (auditor rotation) อย่างน้อย
ทุก 5 รอบปีบัญชี โดยสามารถเปลี่ยนใช้ผู้สอบบัญชีที่สังกัดสำนักงานสอบบัญชีเดียวกับผู้สอบบัญชีรายเดิมได้ และหาก
ต้องการกลับมาใช้ผู้สอบบัญชีรายเดิม ต้องเว้นช่วงอย่างน้อย 2 รอบปีบัญชี เพื่อให้มั่นใจว่าผู้สอบบัญชีตรวจทานและ
ตรวจสอบงบการเงินของ บจ.ด้วยความเป็นอิสระ รวมทั้งเพื่อรองรับโครงการประเมินเสถียรภาพในภาคการเงิน
ของประเทศ โดยจะเริ่มใช้บังคับสำหรับรอบปีบัญชีที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.49 เป็นต้นไป (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน สรอ.เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดในรอบปีในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 มี.ค.48 รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 8 มี.ค.48 ผลสำรวจความเห็นของชาวอเมริกันจำนวน 1,000 คนใน
ช่วง 4 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 มี.ค.48 โดย สำนักข่าว ABC News และ นสพ. The Washington Post ปรากฏ
ว่าดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ —7 ในสัปดาห์สุดท้ายสิ้นสุดวันที่ 6 มี.ค.48 สูงสุดในรอบ
ปี จากระดับ —9 ในสัปดาห์ก่อน แม้ว่าราคาน้ำมันจะสูงขึ้นก็ตาม โดยในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของการสำรวจดัชนี
เพิ่มขึ้น 4 จุด เมื่อดูในรายละเอียดของการคำนวณดัชนีดังกล่าวปรากฏว่า 2 ใน 3 ขององค์ประกอบในการ
คำนวณมีตัวเลขเพิ่มขึ้นคือ จำนวนร้อยละของผู้บริโภคที่มองภาวะเศรษฐกิจในแง่บวกเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40 ใน
สัปดาห์สุดท้ายจากร้อยละ 39 ในสัปดาห์ก่อน และจำนวนผู้บริโภคที่เห็นว่าขณะนี้เป็นเวลาที่ดีในการจับจ่ายซื้อของ
เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 39 จากระดับร้อยละ 36 ในสัปดาห์ก่อน มีเพียงจำนวนผู้บริโภคที่มองสถานะการเงิน
ส่วนตัวในแง่บวกลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 60 จากร้อยละ 61 ในสัปดาห์ก่อน ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นถูกใช้เป็นตัววัดแนว
โน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 2 ใน 3 ของ GDP ของ สรอ. อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์ให้
ข้อสังเกตว่าผู้บริโภคไม่ได้มีพฤติกรรมการใช้จ่ายสอดคล้องกับผลสำรวจเสมอไป (รอยเตอร์)
2. คาดว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีปี 48 จะเติบโตเพียงร้อยละ 1.0 รายงานจากเมือง Essen
ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 8 มี.ค.48 RWI สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจชั้นนำ 1 ใน 6 แห่ง ของเยอรมนี ได้
ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 48 ลงเหลือเพียงร้อยละ 1.0 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ใน
เดือน ธ.ค.47 ที่ระดับร้อยละ 1.3 อย่างไรก็ตาม สถาบันดังกล่าวมีความเห็นว่าการที่จีดีพีหดตัวอย่างรุนแรง
เหลือเพียงร้อยละ 0.2 ในไตรมาสสุดท้ายของปี 47 จะเป็นเพียงชั่วคราว แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะยังคง
ดำเนินต่อไป โดยภาคการส่งออกจะเพิ่มขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว ในขณะที่การบริโภคในประเทศยังคงไม่ฟื้นตัวดีนัก
เนื่องจากยังต้องรอการขับเคลื่อนในการลงทุนเพื่อขยายโรงงานและเครื่องจักร ซึ่งราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นและค่า
เงินยูโรที่แข็งตัวจะเป็นปัจจัยสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ ทั้งนี้ จีดีพีของเยอรมนีในปี 47 เติบโตร้อย
ละ 1.6 เป็นอัตราเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 43 ในขณะที่รัฐบาลคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 1.6 เช่น
กัน สำหรับในรายงาน World Economic Outlook ของ IMF ที่กำหนดเผยแพร่ข้อมูลในช่วงกลางเดือน เม.
ย.48 คาดว่าจะปรับลดพยากรณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีลงเหลือร้อยละ 0.8 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่
ร้อยละ 1.8 ส่วนเศรษฐกิจในปี 49 RWI คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวร้อยละ 1.8 เนื่องจากการบริโภคภายใน
ประเทศปรับตัวดีขึ้น (รอยเตอร์)
3. จีนจะขยายการทำธุรกรรมอัตราแลกเปลี่ยนให้กว้างขึ้น รายงานจากเชียงไฮเมื่อวันที่ 8 มี.ค.
48 จนท.อัตราแลกเปลี่ยนของจีนเปิดเผยว่า ในเดือนพ.ค.จีนจะเริ่มซื้อ-ขายเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นหลายสกุล
เพื่อช่วยให้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนมีความก้าวหน้ามากขึ้นก่อนการปล่อยเสรีค่าเงินหยวน ทั้งนี้จนท.อัตราแลกเปลี่ยน
ของจีนกล่าวว่า China Foreign Exchange Trade System (CFETS) จะอนุญาตให้มีการซื้อขายแลกเปลี่ยน
ใน 8 คู่สกุลเงิน ได้แก่ ดอลลาร์สรอ. ต่อเงินยูโร เยน ดอลลาร์ฮ่องกง ปอนด์สเตอริง ฟรังค์สวิส ดอลลาร์
ออสเตรเลีย และดอลลาร์แคนาดา รวมทั้งเงินยูโรต่อเงินเยน ก่อนหน้านั้นตลาดอัตราแลกเปลี่ยนของจีนมีแลก
เปลี่ยนเพียง 4 คู่สกุลเงินเท่านั้นซึ่งได้แก่เงินหยวนต่อเงินยูโร เงินเยน ดอลลาร์ฮ่องกง และดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้
ผู้ค้าเงินของธพ.ขนาดใหญ่ของรัฐกล่าวว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อปรับปรุงกลไกตลาดอัตรา
แลกเปลี่ยน และในระยะยาวจะช่วยให้ธ.กลางจีนมีประสบการณ์ในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้นเพื่อที่จะสามารถ
ตัดสินใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงค่าเงินหยวน (รอยเตอร์)
4. เดือน ม.ค.48 ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 เทียบต่อปี รายงาน
จากกัวลาลัมเปอร์เมื่อ 8 มี.ค.48 สำนักงานสถิติเปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือน ม.ค.48
เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 เทียบต่อปี ต่ำกว่ามากจากการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5
และเป็นอัตราการเติบโตต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.45 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 นอกจากนี้ เมื่อเทียบต่อเดือน ผล
ผลิตอุตสาหกรรมลดลงถึงร้อยละ 6.0 ทั้งนี้ ผลผลิตโรงงานซึ่งมีสัดส่วนเป็น 2 ใน 3 ของผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 2.5 ขณะที่ผลผลิตที่เป็นส่วนประกอบอื่นๆ ได้แก่ ผลผลิตเหมืองแร่และผลผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1
และ 6.1 ตามลำดับ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 9 มี.ค. 48 8 มี.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.333 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.1450/38.4344 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.25 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 722.60/22.42 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,950/8,050 7,900/8,000 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 45.57 44.33 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 21.69*/15.19** 21.69*/15.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 5 มี.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 22 ก.พ. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ขอความร่วมมือให้รายงานข้อมูลรายได้ล่าสุดของผู้ถือบัตรเครดิต ผอส.ฝ่ายนโยบายความ
เสี่ยงและวิเคราะห์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ขอความร่วมมือให้ ธพ.และบริษัทผู้
ประกอบการบัตรเครดิต (นอนแบงก์) รายงานข้อมูลรายได้ล่าสุดของลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตมาให้ทางการรับทราบ
เพื่อพิจารณาหาความสอดคล้องระหว่างรายได้กับวงเงินสินเชื่อที่ได้รับ โดยจะต้องได้ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้
อย่างไรก็ตาม หากลูกค้าไม่ให้ความร่วมมือส่งข้อมูลมา ผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการ 2 ทางเลือก คือ 1) ยก
เลิกสิทธิการถือบัตร หรือ 2) ลดวงเงินที่เกินให้เท่ากับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ สำหรับกรณีการปรับเพิ่มเพดานอัตราดอกเบี้ย
สินเชื่อส่วนบุคคล โดยมีแนวโน้มว่าจะกำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 24 ต่อปีนั้น ธปท.จะพิจารณาให้สมเหตุผล ซึ่ง
เมื่อผู้ประกอบการบัตรมีต้นทุนสูงขึ้น จะต้องบริหารจัดการเอง โดยที่ผ่านมา ธปท.ได้ออกเกณฑ์ควบคุมแล้วครั้งหนึ่ง
ซึ่งพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ปรับตัวได้ (เดลินิวส์, มติชน, สยามรัฐ, ไทยรัฐ, โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
2. ดัชนีอุตสาหกรรมเดือน ม.ค.48 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 1.28 ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจ
อุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ผลการสำรวจดัชนีอุตสาหกรรมเดือน ม.ค.48 อยู่ที่ระดับ 143.44 ลดลงจาก
เดือนก่อนร้อยละ 1.28 เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ชะลอการผลิตของอุตสาหกรรมเพื่อเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ที่
มีคุณภาพสูงเข้ามาทดแทน ซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว ประกอบกับการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมัน
ปิโตรเลียม ทั้งภาวะการผลิตและจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปโดยรวมมีปริมาณลดลงเล็กน้อย เนื่องจากมีโรงกลั่นราย
ใหญ่บางแห่งปิดซ่อมบำรุง คาดว่าภายหลังจากการปรับปรุงเครื่องจักรการผลิตและการซ่อมบำรุงของโรงกลั่นต่าง
ๆ แล้วเสร็จ ดัชนีการผลิตจะกลับมามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นดังเช่นในปีที่ผ่านมา ส่วนดัชนีการส่งสินค้าอยู่ที่ระดับ 134.82
ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 9.33 ดัชนีแรงงานในภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 105.36 ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ
0.06 ดัชนีผลิตภาพแรงงานอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 150.76 ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 4.68 และอัตราการใช้
กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 68.93 ลดลงจากเดือนที่อยู่ที่ร้อยละ 68.99 ส่วนอุตสาหกรรมที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น คือ
ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลังอยู่ที่ระดับ 140.76 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 2.28 ขณะที่ดัชนีอัตราส่วนสินค้าสำเร็จ
รูปคงคลังอยู่ที่ระดับ 174.00 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 18.78 (ข่าวสด, เดลินิวส์, มติชน, แนวหน้า, สยาม
รัฐ, กรุงเทพธุรกิจ)
3. ยอดนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยของไทยในเดือน ม.ค.48 ขยายตัวร้อยละ 11.49 คิดเป็นร้อยละ
6.47 ของการนำเข้าทั้งหมด รายงานจาก ก.พาณิชย์เปิดเผยว่า มูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยของไทยในเดือน
ม.ค.48 รวม 23,388 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 11.49 คิดเป็นร้อยละ 6.47 ของสัดส่วนการนำเข้าทั้งหมด
สินค้าที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน มูลค่า 4,975 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ
24.26 รองลงมาคือ เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด 4,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.15 ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและ
เภสัชกรรม 2,370 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.89 และนาฬิกาและส่วนประกอบ 998 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ
3.43 อย่างไรก็ตาม การนำเข้าผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์สำหรับการบริโภคมียอดนำเข้าขยายตัวสูงที่สุดในจำนวนสินค้า
ฟุ่มเฟือยทั้งหมด 28 รายการ โดยมียอดขยายตัวถึงร้อยละ 104.80 รองลงมาได้แก่ เครื่องประดับอัญมณี เครื่อง
ใช้ไฟฟ้า สบู่ ผงซักฟอกและเครื่องสำอาง เครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลมและสุรา (ข่าวสด, แนวหน้า)
4. ก.ล.ต.มีมติอนุมัติร่างประกาศกำหนดเกณฑ์ให้ บจ.ต้องเปลี่ยนตัวผู้สอบบัญชีอย่างน้อยทุก 5 รอบปี
บัญชี รายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า คณะ
กรรมการมีมติอนุมัติร่างประกาศกำหนดเกณฑ์ให้ บจ.ต้องเปลี่ยนตัวผู้สอบบัญชี (auditor rotation) อย่างน้อย
ทุก 5 รอบปีบัญชี โดยสามารถเปลี่ยนใช้ผู้สอบบัญชีที่สังกัดสำนักงานสอบบัญชีเดียวกับผู้สอบบัญชีรายเดิมได้ และหาก
ต้องการกลับมาใช้ผู้สอบบัญชีรายเดิม ต้องเว้นช่วงอย่างน้อย 2 รอบปีบัญชี เพื่อให้มั่นใจว่าผู้สอบบัญชีตรวจทานและ
ตรวจสอบงบการเงินของ บจ.ด้วยความเป็นอิสระ รวมทั้งเพื่อรองรับโครงการประเมินเสถียรภาพในภาคการเงิน
ของประเทศ โดยจะเริ่มใช้บังคับสำหรับรอบปีบัญชีที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.49 เป็นต้นไป (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน สรอ.เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดในรอบปีในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 มี.ค.48 รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 8 มี.ค.48 ผลสำรวจความเห็นของชาวอเมริกันจำนวน 1,000 คนใน
ช่วง 4 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 มี.ค.48 โดย สำนักข่าว ABC News และ นสพ. The Washington Post ปรากฏ
ว่าดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ —7 ในสัปดาห์สุดท้ายสิ้นสุดวันที่ 6 มี.ค.48 สูงสุดในรอบ
ปี จากระดับ —9 ในสัปดาห์ก่อน แม้ว่าราคาน้ำมันจะสูงขึ้นก็ตาม โดยในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของการสำรวจดัชนี
เพิ่มขึ้น 4 จุด เมื่อดูในรายละเอียดของการคำนวณดัชนีดังกล่าวปรากฏว่า 2 ใน 3 ขององค์ประกอบในการ
คำนวณมีตัวเลขเพิ่มขึ้นคือ จำนวนร้อยละของผู้บริโภคที่มองภาวะเศรษฐกิจในแง่บวกเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40 ใน
สัปดาห์สุดท้ายจากร้อยละ 39 ในสัปดาห์ก่อน และจำนวนผู้บริโภคที่เห็นว่าขณะนี้เป็นเวลาที่ดีในการจับจ่ายซื้อของ
เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 39 จากระดับร้อยละ 36 ในสัปดาห์ก่อน มีเพียงจำนวนผู้บริโภคที่มองสถานะการเงิน
ส่วนตัวในแง่บวกลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 60 จากร้อยละ 61 ในสัปดาห์ก่อน ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นถูกใช้เป็นตัววัดแนว
โน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 2 ใน 3 ของ GDP ของ สรอ. อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์ให้
ข้อสังเกตว่าผู้บริโภคไม่ได้มีพฤติกรรมการใช้จ่ายสอดคล้องกับผลสำรวจเสมอไป (รอยเตอร์)
2. คาดว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีปี 48 จะเติบโตเพียงร้อยละ 1.0 รายงานจากเมือง Essen
ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 8 มี.ค.48 RWI สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจชั้นนำ 1 ใน 6 แห่ง ของเยอรมนี ได้
ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 48 ลงเหลือเพียงร้อยละ 1.0 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ใน
เดือน ธ.ค.47 ที่ระดับร้อยละ 1.3 อย่างไรก็ตาม สถาบันดังกล่าวมีความเห็นว่าการที่จีดีพีหดตัวอย่างรุนแรง
เหลือเพียงร้อยละ 0.2 ในไตรมาสสุดท้ายของปี 47 จะเป็นเพียงชั่วคราว แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะยังคง
ดำเนินต่อไป โดยภาคการส่งออกจะเพิ่มขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว ในขณะที่การบริโภคในประเทศยังคงไม่ฟื้นตัวดีนัก
เนื่องจากยังต้องรอการขับเคลื่อนในการลงทุนเพื่อขยายโรงงานและเครื่องจักร ซึ่งราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นและค่า
เงินยูโรที่แข็งตัวจะเป็นปัจจัยสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ ทั้งนี้ จีดีพีของเยอรมนีในปี 47 เติบโตร้อย
ละ 1.6 เป็นอัตราเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 43 ในขณะที่รัฐบาลคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 1.6 เช่น
กัน สำหรับในรายงาน World Economic Outlook ของ IMF ที่กำหนดเผยแพร่ข้อมูลในช่วงกลางเดือน เม.
ย.48 คาดว่าจะปรับลดพยากรณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีลงเหลือร้อยละ 0.8 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่
ร้อยละ 1.8 ส่วนเศรษฐกิจในปี 49 RWI คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวร้อยละ 1.8 เนื่องจากการบริโภคภายใน
ประเทศปรับตัวดีขึ้น (รอยเตอร์)
3. จีนจะขยายการทำธุรกรรมอัตราแลกเปลี่ยนให้กว้างขึ้น รายงานจากเชียงไฮเมื่อวันที่ 8 มี.ค.
48 จนท.อัตราแลกเปลี่ยนของจีนเปิดเผยว่า ในเดือนพ.ค.จีนจะเริ่มซื้อ-ขายเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นหลายสกุล
เพื่อช่วยให้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนมีความก้าวหน้ามากขึ้นก่อนการปล่อยเสรีค่าเงินหยวน ทั้งนี้จนท.อัตราแลกเปลี่ยน
ของจีนกล่าวว่า China Foreign Exchange Trade System (CFETS) จะอนุญาตให้มีการซื้อขายแลกเปลี่ยน
ใน 8 คู่สกุลเงิน ได้แก่ ดอลลาร์สรอ. ต่อเงินยูโร เยน ดอลลาร์ฮ่องกง ปอนด์สเตอริง ฟรังค์สวิส ดอลลาร์
ออสเตรเลีย และดอลลาร์แคนาดา รวมทั้งเงินยูโรต่อเงินเยน ก่อนหน้านั้นตลาดอัตราแลกเปลี่ยนของจีนมีแลก
เปลี่ยนเพียง 4 คู่สกุลเงินเท่านั้นซึ่งได้แก่เงินหยวนต่อเงินยูโร เงินเยน ดอลลาร์ฮ่องกง และดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้
ผู้ค้าเงินของธพ.ขนาดใหญ่ของรัฐกล่าวว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อปรับปรุงกลไกตลาดอัตรา
แลกเปลี่ยน และในระยะยาวจะช่วยให้ธ.กลางจีนมีประสบการณ์ในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้นเพื่อที่จะสามารถ
ตัดสินใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงค่าเงินหยวน (รอยเตอร์)
4. เดือน ม.ค.48 ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 เทียบต่อปี รายงาน
จากกัวลาลัมเปอร์เมื่อ 8 มี.ค.48 สำนักงานสถิติเปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือน ม.ค.48
เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 เทียบต่อปี ต่ำกว่ามากจากการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5
และเป็นอัตราการเติบโตต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.45 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 นอกจากนี้ เมื่อเทียบต่อเดือน ผล
ผลิตอุตสาหกรรมลดลงถึงร้อยละ 6.0 ทั้งนี้ ผลผลิตโรงงานซึ่งมีสัดส่วนเป็น 2 ใน 3 ของผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 2.5 ขณะที่ผลผลิตที่เป็นส่วนประกอบอื่นๆ ได้แก่ ผลผลิตเหมืองแร่และผลผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1
และ 6.1 ตามลำดับ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 9 มี.ค. 48 8 มี.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.333 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.1450/38.4344 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.25 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 722.60/22.42 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,950/8,050 7,900/8,000 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 45.57 44.33 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 21.69*/15.19** 21.69*/15.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 5 มี.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 22 ก.พ. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--