กรุงเทพ--8 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue - ACD) ครั้งที่ 4 ณ กรุงอิสลามาบัด ปากีสถาน (6 เมษายน 2548)
เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2548 หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue - ACD) ครั้งที่ 4 แล้ว ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการประชุมดังกล่าว สรุปได้ดังนี้
1. การประชุมครั้งนี้ ซึ่งมีปากีสถานเป็นประธานและไทยทำหน้าที่ผู้ประสานงานได้
เสร็จสิ้นลงด้วยความสำเร็จเป็นอย่างดี และที่ประชุมได้รับรองเอกสาร คือ ปฏิญญาอิสลามาบัด (Islamabad Declaration)
2. สิ่งที่ชัดเจนมากคือ ทุกประเทศที่เข้าร่วมประชุมได้ยอมรับบทบาทนำของไทย และได้แสดงความชื่นชมไทยอย่างยิ่งที่ได้ดำเนินการผลักดันในฐานะผู้ประสานงานจนทำให้ ACD สามารถมีความคืบหน้าได้ในหลายเรื่องในรอบปีที่ผ่านมา และมีการกล่าวแสดงความชื่นชมความคิดริเริ่มและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งบัดนี้ได้กลายมาเป็นรูปธรรมเห็นได้ชัดแล้ว
3. ที่ประชุม ACD ได้เห็นชอบในการรับประเทศสมาชิกใหม่ 2 ประเทศ คือ สหพันธรัฐรัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย เป็นประเทศสมาชิกลำดับที่ 27 และ 28 สำหรับรัสเซียนั้น เป็นประเทศที่มีพื้นที่อยู่ในทวีปเอเชียมากกว่าส่วนที่อยู่ในยุโรปและได้แสดงความต้องการผ่านมาทางไทย ที่จะขอมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในเอเชีย และไทยในฐานะผู้ประสานงานได้ดำเนินการประสานให้เป็นที่เรียบร้อย และทุกฝ่ายไม่มีข้อขัดข้อง
4. ที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อเสนอของประเทศไทยที่จะจัดให้มีการประชุมสุดยอด ACD (ACD Summit) ตามที่ไทยชี้แจงว่า จะเป็นการยกระดับความสำคัญของ ACD และจะเพิ่มระดับการประสานงานของหน่วยงานต่างๆ ในแต่ละประเทศ ในเมื่อได้รับแรงผลักดันจากผู้นำเอง นอกจากนั้น ยังจะทำให้ ACD เป็นที่รู้จักของประชาชนมากขึ้นด้วย อันเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากผลการดำเนินการต่อไปของ ACD ก็จะเป็นประโยชน์ถึงระดับประชาชนในที่สุด และไทยได้เสนอตัวเป็นประเทศเจ้าภาพ ซึ่งทุกฝ่ายก็เชื่อมั่นว่าไทยจะเป็นเจ้าภาพได้เป็นอย่างดี แต่ไทยแจ้งว่า เรื่องการกำหนดช่วงเวลาจัดการประชุมสุดยอดนั้นควรยืดหยุ่นได้ เพื่อรอให้ผู้นำทุกประเทศพร้อมก่อน ซึ่งที่ประชุมก็ตกลงกันว่า จะมีการหารือเรื่องช่วงเวลากันต่อไป อนึ่ง
ที่ประชุมรับรองให้กาตาร์ เป็นเจ้าภาพการประชุมระดับรัฐมนตรี ACD ครั้งที่ 5 ในปีหน้า
5. ที่ประชุมเห็นชอบกับเอกสารข้อเสนอของไทย เกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือระหว่าง ACD กับองค์การ ประเทศ หรือฝ่ายต่างๆ ในลักษณะการให้สถานะ “หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของ ACD” (ACD Partner for Development) อนึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้ง ที่ประชุมด้วยว่า สหภาพแอฟริกา (African Union - AU) ได้แสดงความสนใจที่จะมี
ความสัมพันธ์กับ ACD ซึ่งอาจจะเป็นในลักษณะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา หรือในลักษณะคู่เจรจาของ ACD และที่ประชุมก็เห็นด้วย และเห็นพ้องกันด้วยว่า ในอนาคต ACD ควรขยายความร่วมมือไปยังภูมิภาคอื่นๆ ด้วย นั่นคือ ACD จะต้องเปิดกว้างมองออกไปข้างนอกด้วย มิใช่ปิดตัวอยู่แต่ในเอเชีย
6. มีการอ้างถึงข้อเสนอแนะของการประชุมวิชาการ (ACD Think Tank Symposium) ซึ่งได้จัดที่ประเทศไทยเมื่อเดือนธันวาคม 2547 และได้เสนอให้ ACD พิจารณาจัดตั้งศูนย์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของ ACD หรือ ACD Human Resource Development Centre ซึ่ง
ที่ประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งนี้ก็เห็นชอบด้วย และอาจจะพิจารณาสถานที่ตั้งในประเทศไทย กับได้เห็นชอบต่อข้อเสนอให้จัดตั้งศูนย์เพื่อการศึกษาเกี่ยวกับ ACD หรือ ACD Study Centre ซึ่งก็อาจพิจารณาให้มาตั้งในประเทศไทยเช่นกัน
นอกจากนั้น การประชุมวิชาการครั้งดังกล่าวได้เสนอให้ ACD พิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งประชาคมพลังงานแห่งเอเชีย หรือ Asian Energy Community ซึ่งที่ประชุมระดับรัฐมนตรีก็ให้ความเห็นชอบ โดยที่สถานการณ์พลังงานในปัจจุบันราคาน้ำมันสูงขึ้น และใน
ภูมิภาคเอเชียมีทั้งประเทศผู้ผลิตพลังงานและประเทศผู้บริโภคพลังงาน จึงน่าจะร่วมมือระหว่างกันได้
อนึ่ง จะมีการศึกษาเกี่ยวกับการใช้แหล่งพลังงานทดแทนแหล่งอื่นๆ นอกจาก
น้ำมันด้วย
7. มีการกล่าวถึงความสำเร็จของทั้งมิติการพบปะกัน และมิติโครงการความร่วมมือของ ACD และมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันว่า รูปแบบการหารือในการประชุมระดับรัฐมนตรีของ ACD ต่อไป อาจจะต้องมีการจัดระเบียบมากขึ้นให้มีการเตรียมการล่วงหน้ามากขึ้นในบางประเด็น โดยเฉพาะประเด็นที่ถือว่าเป็นปัญหาท้าทายภูมิภาคเอเชียโดยรวม หรือจะควรคงลักษณะการพบปะหารือแบบไม่เป็นทางการและไม่มีระเบียบวาระต่อไป ซึ่งไทยได้ให้ความเห็นว่าพัฒนาการขั้นต่อไปของ ACD อาจต้องมีทั้ง 2 ลักษณะผสมกัน คือบางส่วนอาจสามารถมีระเบียบวาระที่ชัดเจนได้ แต่ก็ต้องยังมีโอกาสเปิดกว้างให้สมาชิกสามารถยกเรื่องใดๆ ที่สนใจขึ้นหารือกันได้ด้วย แต่เรื่องที่จะยกขึ้นนั้นควรเป็นเรื่องที่ประเทศสมาชิกสนใจร่วมกันและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
8. ในการประชุมครั้งนี้ ไทยได้ยกเรื่องประเด็นส่วนรวมขึ้นหารือหลายประเด็น ซึ่ง
ที่ประชุมก็เห็นความสำคัญของประเด็นเหล่านี้ คือ เรื่องการแก้ปัญหาความยากจน ความมั่นคงด้านพลังงาน ความร่วมมือด้านการเงินการคลังโดยเฉพาะเรื่องพันธบัตรเอเชีย เรื่องระบบเตือนภัยธรรมชาติล่วงหน้าเช่นกรณีสึนามิ การสร้างโอกาสของประชาชนในโลกยุคโลกาภิวัตน์ การรักษาสภาพแวดล้อม และไทยได้ย้ำข้อเท็จจริงที่ว่า ถึงเวลาสำหรับเอเชียที่จะดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการสหประชาชาติอีกครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งกลุ่มเอเชียในสหประชาชาติได้แสดงท่าทีแล้ว และที่ประชุม ACD ครั้งนี้ ก็เห็นชอบและได้ย้ำท่าทีดังกล่าวร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง สำหรับการ
จัดตั้งเขตการค้าเสรีระดับทวีปเอเชียก็ได้มีการยกขึ้นหารือกัน แต่ยังคงจะต้องหารือกันต่อไปอีก โดยที่นักวิชาการและภาคเอกชนก็สนใจที่จะร่วมหารือด้วย
9. ต่อคำถามที่ว่า การมาประชุม ACD ครั้งนี้ จะเป็นโอกาสที่จะกระชับความสัมพันธ์กับประเทศมุสลิมมากขึ้น หลังจากมีปัญหาสถานการณ์ในภาคใต้หรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตอบว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในภาคใต้ของไทย มิได้เกิดจากความขัดแย้งทางศาสนา แต่เป็นการที่บุคคลบางคนกระทำการรุนแรงโดยแอบอ้างศาสนา ซึ่งรัฐบาลไทยมีท่าทีชัดเจนที่จะดำเนินการต่อผู้กระทำผิดตามกระบวนการทางกฏหมาย และที่จะสร้างความเข้าใจต่อประชาชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์และหลงผิด เป็นท่าทีที่เราสามารถอธิบายได้อย่างโปร่งใส
และแม้ว่าไทยจะไม่ได้ยกเรื่องขึ้นในที่ประชุม ACD ครั้งนี้ ก็ได้มีโอกาสอธิบายชี้แจงให้ประเทศสมาชิกต่างๆ รับทราบ ซึ่งทุกฝ่ายก็เข้าใจดี
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-สส-
ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue - ACD) ครั้งที่ 4 ณ กรุงอิสลามาบัด ปากีสถาน (6 เมษายน 2548)
เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2548 หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue - ACD) ครั้งที่ 4 แล้ว ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการประชุมดังกล่าว สรุปได้ดังนี้
1. การประชุมครั้งนี้ ซึ่งมีปากีสถานเป็นประธานและไทยทำหน้าที่ผู้ประสานงานได้
เสร็จสิ้นลงด้วยความสำเร็จเป็นอย่างดี และที่ประชุมได้รับรองเอกสาร คือ ปฏิญญาอิสลามาบัด (Islamabad Declaration)
2. สิ่งที่ชัดเจนมากคือ ทุกประเทศที่เข้าร่วมประชุมได้ยอมรับบทบาทนำของไทย และได้แสดงความชื่นชมไทยอย่างยิ่งที่ได้ดำเนินการผลักดันในฐานะผู้ประสานงานจนทำให้ ACD สามารถมีความคืบหน้าได้ในหลายเรื่องในรอบปีที่ผ่านมา และมีการกล่าวแสดงความชื่นชมความคิดริเริ่มและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งบัดนี้ได้กลายมาเป็นรูปธรรมเห็นได้ชัดแล้ว
3. ที่ประชุม ACD ได้เห็นชอบในการรับประเทศสมาชิกใหม่ 2 ประเทศ คือ สหพันธรัฐรัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย เป็นประเทศสมาชิกลำดับที่ 27 และ 28 สำหรับรัสเซียนั้น เป็นประเทศที่มีพื้นที่อยู่ในทวีปเอเชียมากกว่าส่วนที่อยู่ในยุโรปและได้แสดงความต้องการผ่านมาทางไทย ที่จะขอมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในเอเชีย และไทยในฐานะผู้ประสานงานได้ดำเนินการประสานให้เป็นที่เรียบร้อย และทุกฝ่ายไม่มีข้อขัดข้อง
4. ที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อเสนอของประเทศไทยที่จะจัดให้มีการประชุมสุดยอด ACD (ACD Summit) ตามที่ไทยชี้แจงว่า จะเป็นการยกระดับความสำคัญของ ACD และจะเพิ่มระดับการประสานงานของหน่วยงานต่างๆ ในแต่ละประเทศ ในเมื่อได้รับแรงผลักดันจากผู้นำเอง นอกจากนั้น ยังจะทำให้ ACD เป็นที่รู้จักของประชาชนมากขึ้นด้วย อันเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากผลการดำเนินการต่อไปของ ACD ก็จะเป็นประโยชน์ถึงระดับประชาชนในที่สุด และไทยได้เสนอตัวเป็นประเทศเจ้าภาพ ซึ่งทุกฝ่ายก็เชื่อมั่นว่าไทยจะเป็นเจ้าภาพได้เป็นอย่างดี แต่ไทยแจ้งว่า เรื่องการกำหนดช่วงเวลาจัดการประชุมสุดยอดนั้นควรยืดหยุ่นได้ เพื่อรอให้ผู้นำทุกประเทศพร้อมก่อน ซึ่งที่ประชุมก็ตกลงกันว่า จะมีการหารือเรื่องช่วงเวลากันต่อไป อนึ่ง
ที่ประชุมรับรองให้กาตาร์ เป็นเจ้าภาพการประชุมระดับรัฐมนตรี ACD ครั้งที่ 5 ในปีหน้า
5. ที่ประชุมเห็นชอบกับเอกสารข้อเสนอของไทย เกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือระหว่าง ACD กับองค์การ ประเทศ หรือฝ่ายต่างๆ ในลักษณะการให้สถานะ “หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของ ACD” (ACD Partner for Development) อนึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้ง ที่ประชุมด้วยว่า สหภาพแอฟริกา (African Union - AU) ได้แสดงความสนใจที่จะมี
ความสัมพันธ์กับ ACD ซึ่งอาจจะเป็นในลักษณะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา หรือในลักษณะคู่เจรจาของ ACD และที่ประชุมก็เห็นด้วย และเห็นพ้องกันด้วยว่า ในอนาคต ACD ควรขยายความร่วมมือไปยังภูมิภาคอื่นๆ ด้วย นั่นคือ ACD จะต้องเปิดกว้างมองออกไปข้างนอกด้วย มิใช่ปิดตัวอยู่แต่ในเอเชีย
6. มีการอ้างถึงข้อเสนอแนะของการประชุมวิชาการ (ACD Think Tank Symposium) ซึ่งได้จัดที่ประเทศไทยเมื่อเดือนธันวาคม 2547 และได้เสนอให้ ACD พิจารณาจัดตั้งศูนย์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของ ACD หรือ ACD Human Resource Development Centre ซึ่ง
ที่ประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งนี้ก็เห็นชอบด้วย และอาจจะพิจารณาสถานที่ตั้งในประเทศไทย กับได้เห็นชอบต่อข้อเสนอให้จัดตั้งศูนย์เพื่อการศึกษาเกี่ยวกับ ACD หรือ ACD Study Centre ซึ่งก็อาจพิจารณาให้มาตั้งในประเทศไทยเช่นกัน
นอกจากนั้น การประชุมวิชาการครั้งดังกล่าวได้เสนอให้ ACD พิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งประชาคมพลังงานแห่งเอเชีย หรือ Asian Energy Community ซึ่งที่ประชุมระดับรัฐมนตรีก็ให้ความเห็นชอบ โดยที่สถานการณ์พลังงานในปัจจุบันราคาน้ำมันสูงขึ้น และใน
ภูมิภาคเอเชียมีทั้งประเทศผู้ผลิตพลังงานและประเทศผู้บริโภคพลังงาน จึงน่าจะร่วมมือระหว่างกันได้
อนึ่ง จะมีการศึกษาเกี่ยวกับการใช้แหล่งพลังงานทดแทนแหล่งอื่นๆ นอกจาก
น้ำมันด้วย
7. มีการกล่าวถึงความสำเร็จของทั้งมิติการพบปะกัน และมิติโครงการความร่วมมือของ ACD และมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันว่า รูปแบบการหารือในการประชุมระดับรัฐมนตรีของ ACD ต่อไป อาจจะต้องมีการจัดระเบียบมากขึ้นให้มีการเตรียมการล่วงหน้ามากขึ้นในบางประเด็น โดยเฉพาะประเด็นที่ถือว่าเป็นปัญหาท้าทายภูมิภาคเอเชียโดยรวม หรือจะควรคงลักษณะการพบปะหารือแบบไม่เป็นทางการและไม่มีระเบียบวาระต่อไป ซึ่งไทยได้ให้ความเห็นว่าพัฒนาการขั้นต่อไปของ ACD อาจต้องมีทั้ง 2 ลักษณะผสมกัน คือบางส่วนอาจสามารถมีระเบียบวาระที่ชัดเจนได้ แต่ก็ต้องยังมีโอกาสเปิดกว้างให้สมาชิกสามารถยกเรื่องใดๆ ที่สนใจขึ้นหารือกันได้ด้วย แต่เรื่องที่จะยกขึ้นนั้นควรเป็นเรื่องที่ประเทศสมาชิกสนใจร่วมกันและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
8. ในการประชุมครั้งนี้ ไทยได้ยกเรื่องประเด็นส่วนรวมขึ้นหารือหลายประเด็น ซึ่ง
ที่ประชุมก็เห็นความสำคัญของประเด็นเหล่านี้ คือ เรื่องการแก้ปัญหาความยากจน ความมั่นคงด้านพลังงาน ความร่วมมือด้านการเงินการคลังโดยเฉพาะเรื่องพันธบัตรเอเชีย เรื่องระบบเตือนภัยธรรมชาติล่วงหน้าเช่นกรณีสึนามิ การสร้างโอกาสของประชาชนในโลกยุคโลกาภิวัตน์ การรักษาสภาพแวดล้อม และไทยได้ย้ำข้อเท็จจริงที่ว่า ถึงเวลาสำหรับเอเชียที่จะดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการสหประชาชาติอีกครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งกลุ่มเอเชียในสหประชาชาติได้แสดงท่าทีแล้ว และที่ประชุม ACD ครั้งนี้ ก็เห็นชอบและได้ย้ำท่าทีดังกล่าวร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง สำหรับการ
จัดตั้งเขตการค้าเสรีระดับทวีปเอเชียก็ได้มีการยกขึ้นหารือกัน แต่ยังคงจะต้องหารือกันต่อไปอีก โดยที่นักวิชาการและภาคเอกชนก็สนใจที่จะร่วมหารือด้วย
9. ต่อคำถามที่ว่า การมาประชุม ACD ครั้งนี้ จะเป็นโอกาสที่จะกระชับความสัมพันธ์กับประเทศมุสลิมมากขึ้น หลังจากมีปัญหาสถานการณ์ในภาคใต้หรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตอบว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในภาคใต้ของไทย มิได้เกิดจากความขัดแย้งทางศาสนา แต่เป็นการที่บุคคลบางคนกระทำการรุนแรงโดยแอบอ้างศาสนา ซึ่งรัฐบาลไทยมีท่าทีชัดเจนที่จะดำเนินการต่อผู้กระทำผิดตามกระบวนการทางกฏหมาย และที่จะสร้างความเข้าใจต่อประชาชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์และหลงผิด เป็นท่าทีที่เราสามารถอธิบายได้อย่างโปร่งใส
และแม้ว่าไทยจะไม่ได้ยกเรื่องขึ้นในที่ประชุม ACD ครั้งนี้ ก็ได้มีโอกาสอธิบายชี้แจงให้ประเทศสมาชิกต่างๆ รับทราบ ซึ่งทุกฝ่ายก็เข้าใจดี
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-สส-