ทิศทางเศรษฐกิจไทย ธปท.ฟันธงครึ่งปีหลังสดใส

สรุปสถานการณ์          
          ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจและการเงินประจำเดือนกรกฎาคม 2548 ที่ผ่านมาปรากฎว่าดัชนีด้านอุปสงค์ปรับตัวลดลงและดุลบัญชีเดินสะพัดที่ขาดดุลสะสมใน 6 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 6.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเป็นบวกที่ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการนำเข้าที่ลดลงทั้งหมวดวัตถุดิบ สินค้าทุน สินค้าอุปโภคบริโภค และน้ำมัน สำหรับการนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาขยายตัวที่ 86% คิดเป็น มูลค่า 1,530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากเดือนก่อนถึง 103.3% หรือ 2,014 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
          นางสุชาดา กิระกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีอุปโภคบริโภคเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้และเป็นการปรับตัวไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว สำหรับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 146.5% หรือคิดเป็น 4.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 150.4 หรือคิดเป็น 9% ส่วนดัชนีการลงทุนของภาคเอกชนปรับตัวอยู่ที่ระดับ 89.6 หรือคิดเป็นอัตรา 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 90.5 หรือคิดเป็น 9.8% โดยเป็นผลมาจากต้นทุนที่สูงขึ้นของน้ำมันและการคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ทั้งนี้ หากมองแนวโน้มในช่วงปีหลัง อุปสงค์ในประเทศจะยังดีขึ้นและสามารถช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้จากการลงทุนที่จะขยายตัว รวมถึงผลประกอบการที่ดีของบริษัทต่างๆ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งงบประมาณกลางปีจำนวน 50,000 ล้านบาทของรัฐบาล
ประเด็นวิเคราะห์          
          ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2548 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวดีขึ้น โดยมีการส่งออกและดุลบริการที่ดีขึ้น ทั้งนี้ แนวโน้มการนำเข้าในครึ่งปีหลังจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและจะช่วยลดแรงกดดันการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดได้ โดยจะต้องจับตามองดูราคาน้ำมันเป็นพิเศษ ซึ่งในเดือนกันยายนราคาน้ำมันจะเฉลี่ยอยู่ที่ 55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากที่เดือนกรกฎาคมเฉลี่ยที่ 53 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล  โดยประเทศในตะวันออกกลางเป็นประเทศที่ค้าน้ำมันและได้ดุลกับประเทศไทยอยู่ถึง 6,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งผู้ประกอบการไทยน่าจะหาทางบุกตลาดในแถบนี้ให้มากยิ่งขึ้นต่อไป
          ที่มา: http://www.depthai.go.th