'โฆษกพรรคประชาธิปัตย์' แจงรายละเอียดการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารในวันที่ 5 มีนาคม 2548 ที่ห้องบางกอกคอนเวนชั่น โรงแรมเซ็นทรัล โซฟิเทล พลาซ่า โดยจะมีองค์ประชุม ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง ทั้งหมด 281 คน
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารในวันที่ 5 มีนาคม 2548 ที่ห้องบางกอกคอนเวนชั่น โรงแรมเซ็นทรัล โซฟิเทล พลาซ่า โดยจะมีองค์ประชุม ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง ทั้งหมด 281 คน ตามข้อบังคับพรรคข้อที่ 73 ได้แก่ 1.กรรมการบริหารพรรค แต่ชุดเก่าจะลาออกก่อนวันเลือกตั้ง จึงไม่มีในการลงคะแนนจากส่วนนี้ 2. อดีตหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค จะใช้สิทธิ์ 6 คน เนื่องจาก 1 คนจะใช้สิทธิ์ในฐานะ ส.ส. 3.ส.ส.ทั้งหมดของพรรค 93 คน โดยส่วนที่เหลือจะใช้สิทธิ์ในข้อ 2 จำนวน 3 คน 4.สมาชิกพรรคที่เป็นรัฐมนตรี ซึ่งไม่มี 5.ตัวแทนจากสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศจำนวน 6 คน 6. ตัวแทนสมาชิกสภาท้องถิ่นจากทั่วประเทศ 5 คน 7. ตัวแทนสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งไม่มี 8. ตัวแทนสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร 2 คน 9.ตัวแทนสภาชิกสภาเขต 2 คน 10.ประธานสาขาพรรคทั่วประเทศ 167 คน โดยมี1 คนที่จะไปใช้สิทธิ์ในส่วนของ ส.ส.
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามข้อบังคับพรรคข้อที่ 25 ลำดับขั้นตอนของการเลือกกรรมการบริหารพรรค มีดังนี้ 1. เลือกหัวหน้าพรรค โดยมีผู้เสนอชื่อให้ที่ประชุมรับรองไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง 2.เลือกรองหัวหน้าพรรค 9 คน โดยมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของที่ประชุม ทั้งนี้จะต้องมีตัวแทนจากทุกภาค 3. เลือกเลขาธิการพรรค 1 คน โดยหัวหน้าพรรคจะเสนอชื่อไม่น้อยกว่า 3 คน 4. เลือกเหรัญญิกพรรค 5. เลือกกรรมการบริหารพรรคส่วนอื่น โดย ส.ส.เป็นผู้เสนอชื่อ ส.ส.ด้วยกันเพื่อให้ที่ประชุมคัดเลือกให้เหลือ 15 คน 6.ตัวแทนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นนอกเขตกทม.เสนอตัวแทนสมาชิกสภาท้องถิ่นด้วยกัน ภาคละ 1 คน 7.ส.ก.และ ส.ข. ร่วมกันเสนอชื่อเพื่อเลือกตัวแทน 1 คน 8. ตัวแทนประธานสาขาพรรคผู้เคยเป็นกรรมการสาขาพรรคภาคละ 1 คน 9.อดีต รมต.และอดีต ส.ส. เสนอชื่ออดีต รมต.และอดีต ส.ส. ให้ที่ประชุมเลือกภาคละ 1 คน 10.ที่ประชุมเสนอชื่อใครก็ได้เพื่อให้ที่ประชุมเลือกเป็นกรรมการบริหารพรรคได้อีก 8 คน และลำดับถัดมาก็จะเป็นการเลือกโฆษกพรรคโดยหัวหน้าพรรคเสนอชื่อผู้ที่ได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารพรรค 3 คน ให้ที่ประชุมเลือก 1 คน โดยมีผู้รับรองอย่างน้อย 1 ใน 3 ของที่ประชุม สำหรับตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคนั้น เลขาธิการพรรคจะเสนอชื่อ ไม่น้อยกว่า 6 คน แต่ละคนจะต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 โดยที่ประชุมจะคัดเลือกให้เหลือ 4 คน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 2 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารในวันที่ 5 มีนาคม 2548 ที่ห้องบางกอกคอนเวนชั่น โรงแรมเซ็นทรัล โซฟิเทล พลาซ่า โดยจะมีองค์ประชุม ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง ทั้งหมด 281 คน ตามข้อบังคับพรรคข้อที่ 73 ได้แก่ 1.กรรมการบริหารพรรค แต่ชุดเก่าจะลาออกก่อนวันเลือกตั้ง จึงไม่มีในการลงคะแนนจากส่วนนี้ 2. อดีตหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค จะใช้สิทธิ์ 6 คน เนื่องจาก 1 คนจะใช้สิทธิ์ในฐานะ ส.ส. 3.ส.ส.ทั้งหมดของพรรค 93 คน โดยส่วนที่เหลือจะใช้สิทธิ์ในข้อ 2 จำนวน 3 คน 4.สมาชิกพรรคที่เป็นรัฐมนตรี ซึ่งไม่มี 5.ตัวแทนจากสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศจำนวน 6 คน 6. ตัวแทนสมาชิกสภาท้องถิ่นจากทั่วประเทศ 5 คน 7. ตัวแทนสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งไม่มี 8. ตัวแทนสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร 2 คน 9.ตัวแทนสภาชิกสภาเขต 2 คน 10.ประธานสาขาพรรคทั่วประเทศ 167 คน โดยมี1 คนที่จะไปใช้สิทธิ์ในส่วนของ ส.ส.
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามข้อบังคับพรรคข้อที่ 25 ลำดับขั้นตอนของการเลือกกรรมการบริหารพรรค มีดังนี้ 1. เลือกหัวหน้าพรรค โดยมีผู้เสนอชื่อให้ที่ประชุมรับรองไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง 2.เลือกรองหัวหน้าพรรค 9 คน โดยมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของที่ประชุม ทั้งนี้จะต้องมีตัวแทนจากทุกภาค 3. เลือกเลขาธิการพรรค 1 คน โดยหัวหน้าพรรคจะเสนอชื่อไม่น้อยกว่า 3 คน 4. เลือกเหรัญญิกพรรค 5. เลือกกรรมการบริหารพรรคส่วนอื่น โดย ส.ส.เป็นผู้เสนอชื่อ ส.ส.ด้วยกันเพื่อให้ที่ประชุมคัดเลือกให้เหลือ 15 คน 6.ตัวแทนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นนอกเขตกทม.เสนอตัวแทนสมาชิกสภาท้องถิ่นด้วยกัน ภาคละ 1 คน 7.ส.ก.และ ส.ข. ร่วมกันเสนอชื่อเพื่อเลือกตัวแทน 1 คน 8. ตัวแทนประธานสาขาพรรคผู้เคยเป็นกรรมการสาขาพรรคภาคละ 1 คน 9.อดีต รมต.และอดีต ส.ส. เสนอชื่ออดีต รมต.และอดีต ส.ส. ให้ที่ประชุมเลือกภาคละ 1 คน 10.ที่ประชุมเสนอชื่อใครก็ได้เพื่อให้ที่ประชุมเลือกเป็นกรรมการบริหารพรรคได้อีก 8 คน และลำดับถัดมาก็จะเป็นการเลือกโฆษกพรรคโดยหัวหน้าพรรคเสนอชื่อผู้ที่ได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารพรรค 3 คน ให้ที่ประชุมเลือก 1 คน โดยมีผู้รับรองอย่างน้อย 1 ใน 3 ของที่ประชุม สำหรับตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคนั้น เลขาธิการพรรคจะเสนอชื่อ ไม่น้อยกว่า 6 คน แต่ละคนจะต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 โดยที่ประชุมจะคัดเลือกให้เหลือ 4 คน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 2 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-